นักกีฬาฟุตซอลคนหูหนวกทีมชาติไทย กลับถึงไทยแล้ว หลังทำผลงานเกินเป้า คว้าอันดับ 4 ศึกชิงแชมป์โลก 2023 ไปครอง และพร้อมทั้งชี้แจงประเด็นดราม่าที่ฟุตซอลหญิงไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนจากสมาคม
ทัพนักกีฬาฟุตซอลผู้บกพร่องทางการได้ยินทีมชาติไทยชุดใหญ่ พร้อมด้วยนางสาวอัญชลินทร์ ศิวลักษณ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาคนหูหนวกแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้จัดการทีม และนายวิศาล ไหมวิจิตร ผู้ฝึกสอน กลับถึงประเทศไทยแล้ว หลังเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก DEAF (ผู้บกพร่องทางการได้ยิน) รายการ 5th World Deaf Futsal Championships ที่เมือง เซาเปาโล ประเทศบราซิล โดยมีนายบริราช กาญจนาคม นายกสมาคมกีฬาคนหูหนวกแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายองอาจ ภานุชรักษ์ อุปนายกสมาคมกีฬาคนหูหนวกแห่งประเทศไทย เดินทางไปต้อนรับที่สนามบินสุวรรณภูมิ
ในการแข่งขันปีนี้ ทีมฟุตซอลผู้บกพร่องทางการได้ยินทีมชาติไทย คว้าอันดับ 4 มาครอง โดยในรอบชิงอันดับ 3 ทีมไทย พลาดท่าแพ้ ญี่ปุ่น ไปอย่างน่าเสียดาย 2-3 // โดยนางสาวอัญชลินทร์ ในฐานะผู้จัดการทีม ยอมรับมีเวลาเก็บตัวน้อยมากๆภายใต้งบประมาณที่จำกัด แต่ผลงานเป็นที่น่าพอใจเกินเป้าหมายที่วางเอาไว้ ซึ่งการคว้าอันดับ 4 รายการนี้ทำให้ทีมฟุตซอลคนหูหนวกของไทยได้รับโควต้าเข้าร่วมแข่งขันเดฟลิมปิ
ก (Deaflympics) ปี 2024 ที่ประเทศตุรกีด้วย
นางสาวอัญชลินทร์ ศิวลักษณ์ ผู้จัดการทีม/เลขาธิการสมาคมฯ ออกมาเผยว่า " รู้สึกดีใจและภาคภูมิใจมากๆ กับผลงานของทีม ทุกคนมุ่งมั่นตั้งใจกันอย่างเต็มที่ ถือว่าเกินความคาดหมายอย่างมาก เรามีเวลาเตรียมทีมที่น้อยมาก เพียง 1 เดือน ขณะที่ชาติอื่นเก็บตัวกันไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ไทยเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ พลาดท่าแพ้ญี่ปุ่นเพียง 1 ประตู น่าเสียดายมาก แต่ก็เป็นผลงานที่ดีมากๆสำหรับทุกคน ซึ่งผลงานอันดับ 4 นี้ ทำให้ทีมฟุตซอลหูหนวกไทยได้รับสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันเดฟลิมปิก ปี 2024 ที่ประเทศตุรกี หลังจากนี้จะมีการวางแผนเก็บตัวฝึกซ้อมต่อไป "
นายวิศาล ไหมวิจิตร ผู้ฝึกสอนนักกีฬาฟุตซอลหูหนวกทีมชาติไทย เผยว่า " ผลงานอันดับ 4 ชิงแชมป์โลก เป็นผลงานที่เกินเป้าหมาย เพราะเรามีเวลาเตรียมทีมน้อยมาก อีกทั้งยังมีนักกีฬาตัวหลักๆบาดเจ็บหลายคน เรามีเวลาเก็บตัวไม่ถึง 3 สัปดาห์ แต่โชคดีที่ผมทำทีมฟุตซอลสุราษฎร์ จึงได้มีโอกาสมาฝึกซ้อมด้วยกัน นักกีฬาจึงได้ประโยชน์มากปรับตัวเข้ากันได้ไวขึ้น ทุกคนตั้งใจกันมากๆ ถือเป็นโบนัสที่น่าภาคภูมิใจ ผมมั่นใจว่าหากเรามีเวลาเก็บตัวมากขึ้น มีการเตรียมความพร้อมที่มากขึ้น ได้ตัวนักกีฬาที่บาดเจ็บหายกลับมา เรามีโอกาสที่จะหยิบเหรียญรางวัลได้แน่นอน "
นายฉัตร โชติช่วง นักกีฬาฟุตซอลหูหนวกทีมชาติไทย ดาวซัลโวประจำทีม ที่ในรายการนี้ยิงได้ถึง 6 ประตู กล่าวว่า "พอใจมาก เกินเป้าหมายมากครับกับปลงานอันดับ 4 ของโลก อยากให้ผู้ใหญ่ให้การสนับสนุนกันให้มากขึ้น เชื่อมั่นว่าในอนาคตจะมีผลงานที่ดีขึ้น มีรางวัลมาฝากแฟนๆกีฬาชาวไทย โดยรายการหน้าจะได้เข้าร่วมรายการ เดฟลิมปิก จะพยายามนำเหรียญรางวัลกลับประเทศให้ได้ครับ "
สำหรับปัจจุบันทีมนักกีฬาฟุตซอลผู้บกพร่องทางการได้ยินทีมชาติไทย มีทั้งทีมชาย และ ทีมหญิง ซึ่งทั้ง 2 ทีมอยู่ในช่วงของคาบเกี่ยวการเปลี่ยนถ่ายนักกีฬาสายเลือดเก่า ทางสมาคมกีฬาคนหูหนวกแห่งประเทศไทย จึงพยายามเฟ้นหานักกีฬาสายเลือดใหม่ขึ้นมาแทนที่ ซึ่งปัจจุบันทีมฟุตซอลชายมีพัฒนาการที่ดี สามารถต่อกรกับเหล่านักกีฬาจากประเทศต่างๆได้แบบสูสี ทางสมาคมฯมีความมั่นใจหากได้รับการสนับสนุนงบประมาณการสร้างทีม และงบประมาณการเดินทางแข่งขันรายการใหญ่ๆ จากทางการกีฬาแห่งประเทศไทย และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติให้มากขึ้น ทีมฟุตซอลไทยจะต้องมีเหรียญรางวัลติดมือกลับมาฝากแฟนกีฬาชาวไทยได้แน่นอน
นอกจากนี้ทางสมาคมกีฬาคนหูหนวกแห่งประเทศไทย ออกมาชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าว โดยน.ส.อัญชลินทร์ ศิวลักษณ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาคนหูหนวก ได้ออกมาระบุว่า สมาคมกีฬาคนหูหนวกแห่งประเทศไทยมีชนิดกีฬาหลากหลายประเภทที่จะต้องดูแล ปัจจุบันมีอยู่ 11 ชนิดกีฬา การที่จะส่งทีมกีฬาชนิดใดก็ตามไปแข่งขันในรายการระดับนานาชาติได้นั้น
ทีมกีฬานั้นๆจะต้องมีผลงานที่ดี เพื่อส่งต่อไปให้กับการกีฬาแห่งประเทศไทยพิจารณางบประมาณในการทำทีมเข้าร่วมการแข่งขัน โดยสมาคมฯจะมุ่งเน้นส่งทีมกีฬาที่สามารถพัฒนาไปสู่ความเป็นเลิศได้ ไม่ใช่เน้นเก็บเกี่ยวประสบการณ์เท่านั้น ซึ่งล่าสุดการส่งทีมฟุตซอลชายเข้าร่วมการแข่งขัน ก็ได้ผ่านการพิจารณอย่างถูกต้อง มีการพิจารณาถึงผลงานและมีการพิจารณาสู่เป้าหมายที่มุ่งไปสู่ความเป็นเลิศ ทีมกีฬานั้นๆจะต้องสามารถคาดหวังผลงานที่ดีได้ ขณะที่ทีมฟุตซอลหญิงยังคงต้องพัฒนาต่อไป เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายนักกีฬาเก่านักกีฬาใหม่การผสมผสานกันยังไม่ลงตัว
อย่างไรก็ตามในการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก ที่บราซิล มีแข่งขันทั้งประเภททีมชายและทีมหญิงจริง เบื้องต้นสมาคมฯก็มีความตั้งใจที่อยากจะส่งทั้งทีมชายและทีมหญิง แต่ด้วยงบประมาณที่ทางการกีฬาแห่งประเทศไทยให้มา ไม่เพียงพอต่อการจัดส่งทั้ง 2 ทีมเข้าแข่งขัน ดังนั้นสมาคมจำเป็นจะต้องเลือกเพียง 1 ทีมที่จะมีโอกาสทำผลงานได้ดีที่สุด
โดยในเรื่องของงบประมาณที่ไม่เพียงพอต่อการพัฒนาทีม ไม่ได้เป็นที่ประเทศไทยอย่างเดียวเท่านั้น ได้มีการพูดคุยกับทีมโค้ชและนักกีฬาจากหลายประเทศต่างก็ประสบปัญหาเดียวกัน ทางสมาคมเองก็เข้าใจในเรื่องของการจัดสรรงบประมาณจากทางภาครัฐหรือการกีฬาแห่งประเทศไทย รวมไปถึงกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ แต่ หากได้เห็นผลงานของบรรดานักกีฬาที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจและมีผลงานที่ดี ก็คาดหวังว่าทางการกีฬาแห่งประเทศไทยจะมีงบประมาณให้เพียงพอต่อการสนับสนุนทั้งทีมฟุตซอลชายและหญิง เพื่อต่อยอดพัฒนาทีมให้ไปสู่เป้าหมายที่สูงขึ้นได้ในอนาคต