จากทีมโดนยิง 31 ลูก! อุซเบกิสถาน U17 สู่เต็งแชมป์เอเชียและขาประจำเวทีโลก

จากทีมโดนยิง 31 ลูก! อุซเบกิสถาน U17 สู่เต็งแชมป์เอเชียและขาประจำเวทีโลก
ย้อนเส้นทางสุดเหลือเชื่อของ "อุซเบกิสถาน U17" จากทีมรองบ่อนที่เคยแพ้ยับในศึก U17 เอเชียนคัพ 1994 จนโดนยิงรวม 31 ประตู สู่การเป็นมหาอำนาจลูกหนังเยาวชนที่คว้าตั๋วไปลุยฟุตบอลโลก U17 ได้ 4 ครั้งติดต่อกัน

ทีมชาติ อุซเบกิสถาน รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี คืออีกหนึ่งทีมที่พัฒนาตัวเองจากจุดเริ่มต้นที่เจ็บปวด สู่ทีมระดับท็อปของเอเชียในรอบกว่า 30 ปีของการลงแข่งขัน

หลังจากอุซเบกิสถานแยกตัวจากสหภาพโซเวียตและเข้าร่วมเป็นสมาชิกสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (AFC) ในปี 1994 พวกเขาก็เริ่มต้นบทบาทบนเวทีเอเชีย โดยเฉพาะฟุตบอลระดับเยาวชนที่เน้นการวางรากฐานและพัฒนาโครงสร้างอย่างจริงจัง ไม่เร่งรีบหวังผลระยะสั้น

จุดเริ่มต้นที่เจ็บปวด

การประเดิมสนามใน U17 ชิงแชมป์เอเชีย 1994 กลายเป็นฝันร้ายของทีมอุซเบกิสถาน เมื่อพวกเขาแพ้รวด 4 นัด และเสียไปถึง 31 ประตู (แพ้ซาอุฯ 1-6, แพ้กาตาร์ 1-6, แพ้จีน 0-11, แพ้โอมาน 1-8)

แต่พวกเขาไม่ล้มเลิกแผนการพัฒนา ระบบเยาวชนถูกปรับปรุงครั้งใหญ่ พร้อมกับพัฒนาลีกภายในประเทศให้แข็งแกร่ง และในที่สุดผลลัพธ์ก็เริ่มชัดเจนในทศวรรษต่อมา

สู่ขาประจำเวทีโลก

อุซเบกิสถานเริ่มสร้างชื่อในเวที U17 เอเชีย ด้วยการคว้ารองแชมป์ปี 2010 และแชมป์ในปี 2012 พร้อมตั๋วไปฟุตบอลโลก U17 และจากนั้นในปี 2016, 2023 และล่าสุด 2025 ก็ยังสามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายเวิลด์คัพได้อย่างต่อเนื่อง

ที่น่าสนใจคือ 3 ครั้งหลังสุดที่ไปฟุตบอลโลก U17 พวกเขาทำผลงานได้ดีถึงขั้นผ่านรอบแบ่งกลุ่มเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ได้ทุกครั้ง แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่ต่อเนื่องและยั่งยืน

สถิติผลงานยู 17 อุซเบกิสถานในชิงแชมป์เอเชีย (ถึงปี 2025)

ปี 1994 : แข่ง 4 นัด ชนะ 0 เสมอ 0 แพ้ 4 ได้ 3 เสีย 31 มี 0 แต้ม ผลต่างประตู -28  / จบอันดับบ๊วยของกลุ่ม.

ปี 1996 : แข่ง 4 นัด ชนะ 0 เสมอ 1 แพ้ 3 ได้ 2 เสีย 12 มี 1 แต้ม ผลต่างประตู -10 /  จบอันดับบ๊วยของกลุ่ม.

ปี 2002 : แข่ง 6 นัด ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 2 ได้ 7 เสีย 7 มี 10 แต้ม ผลต่างประตู 0 /  จบอันดับ 4 ของทัวร์นาเมนต์.

ปี 2004 : แข่ง 3 นัด ชนะ 0 เสมอ 1 แพ้ 2 ได้ 3 เสีย 10 มี 1 แต้ม ผลต่างประตู -7 /  จบอันดับรองบ๊วยของกลุ่ม.

ปี 2008 : แข่ง 4 นัด ชนะ 2 เสมอ 0 แพ้ 2 ได้ 10 เสีย 5 มี 6 แต้ม ผลต่างประตู +5 /  จบรอบก่อนรองชนะเลิศ.

ปี 2010 : แข่ง 6 นัด ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 1 ได้ 15 เสีย 5 มี 13 แต้ม ผลต่างประตู +10 /  จบรองแชมป์และคว้าตั๋วฟุตบอลโลก.

ปี 2012 : แข่ง 6 นัด ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 1 ได้ 8 เสีย 8 มี 13 แต้ม ผลต่างประตู 0 /  จบแชมป์และคว้าตั๋วฟุตบอลโลก.

ปี 2014 : แข่ง 4 นัด ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 1 ได้ 10 เสีย 10 มี 7 แต้ม ผลต่างประตู 0 /  จบรอบก่อนรองชนะเลิศ.

ปี 2016 : แข่ง 4 นัด ชนะ 3 เสมอ 0 แพ้ 1 ได้ 9 เสีย 6 มี 9 แต้ม ผลต่างประตู +3 /  จบรอบก่อนรองชนะเลิศ.

ปี 2023 : แข่ง 5 นัด ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1 ได้ 5 เสีย 2 มี 10 แต้ม ผลต่างประตู +3 /  จบอันดับ 3 ร่วมและคว้าตั๋วฟุตบอลโลก.

ปี 2025 : แข่ง 3 นัด ชนะ 3 เสมอ 0 แพ้ 0 ได้ 9 เสีย 2 มี 9 แต้ม ผลต่างประตู +7 /  ยังแข่งขันไม่จบ แต่คว้าตั๋วฟุตบอลโลกแล้ว

บทสรุป:

จากทีมที่เคยโดนคู่แข่งถล่มยับในยุคเริ่มต้น อุซเบกิสถานพิสูจน์ให้เห็นว่า หากมีโครงสร้างที่แข็งแรง และเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จจะไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝัน – และวันนี้พวกเขาคือหนึ่งใน “ยักษ์ใหญ่แห่งเอเชีย” อย่างเต็มภาคภูมิ


ที่มาของภาพ : Gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport