อีกไม่กี่ก้าวของอินโดนีเซีย

อีกไม่กี่ก้าวของอินโดนีเซีย
ชัยชนะเหนือบาห์เรน 1-0 ณ ค่ำคืนวันอังคารที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา ทำให้โอกาสของอินโดนีเซีย กับ เวิลด์ คัพ 2026 เปิดกว้างขึ้นอีกครั้ง

ก่อนหน้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พวกเขาสูญเสียความมั่นใจอย่างใหญ่หลวงจากการบุกไปโดนออสเตรเลีย ถล่มยับเยิน 1-5 ทั้งๆ ที่สกอร์ไม่ควรจะขาดขนาดนั้น หากมองจากภาพรวมของการแข่งขัน

หากเป็นทีมที่หัวจิตและหัวใจไม่แข็งแกร่งพอ บางทีสมาธิคงจะกระเจิดกระเจิงไปแล้ว

แต่ไม่ใช่อินโดนีเซีย ชุดปัจจุบันนี้แน่นอน เพราะพวกเขารวมพลังกัน ก่อนจะสร้างโอกาสของตัวเองกับการไปตะลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายให้เปิดกว้างอีกครั้ง

อาจจะจริงที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือ ฟีฟ่า เพิ่มจำนวนชาติในการแข่งขันรอบสุดท้ายจาก 32 เป็น 48 ซึ่งโควตามาหล่นที่เอเชีย เป็นจำนวน 8 ทีมครึ่ง มันจึงทำให้หลายๆ ประเทศตื่นตัวมากกว่าเดิม

ก่อนหน้านี้ ดินแดนฟากตะวันออกของแผนที่โลกได้โควตา 3 ทีมบ้าง, 3 ทีมครึ่งบ้าง ก่อนจะมาพีกสุดที่ 4 ทีมครึ่งในปี 2022

มันจึงมีเพียงญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, อิหร่าน และออสเตรเลีย เท่านั้นที่แทบจะจองตั๋วล่วงหน้า ปล่อยให้ที่เหลือไปห้ำหั่นกันเอาเอง

ด้วยจำนวนทีมที่เพิ่มขึ้น ทำให้รอบคัดเลือกรอบที่ 3 โซนเอเชีย ซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่ม - กรุ๊ปละ 6 ชาติ โดยแชมป์กับรองแชมป์ของกลุ่มจะการันตี เวิลด์ คัพ 2026 ทันที

ปัจจุบันอินโดนีเซีย อาจจะลุ้นการเป็นอันดับ 2 ยากหน่อย เพราะมีแต้มตามหลังออสเตรเลีย อยู่ 4 คะแนน กับโปรแกรมที่เหลืออีก 2 เกม แต่นั่นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากทัพซอคเกอร์รูส์ต้องเผชิญหน้าญี่ปุ่น ต่อด้วยปิดท้ายด้วยการไปเยือนซาอุดีอาระเบีย

เกมกับ เดอะ บลู ซามูไร อาจจะไม่หนักหน่วงนัก เนื่องจากขุนพลเลือดบูชิโดการันตีการไปเล่นรอบสุดท้ายแน่นอนแล้ว แต่อย่าลืมว่าประเทศนี้เรื่องสปิริตนั้นนำหน้ามาก่อนอื่นใดเสมอ ดังนั้นมันจึงยังเป็นเกมที่ยากแน่นอน

ส่วนแมตช์ส่งท้ายกับซาอุดีอาระเบีย อันนี้คือคู่แข่งแย่งตั๋วโดยตรง แถมยังต้องไปเยือนอีกต่างหาก ดังนั้นจึงสาหัสสากรรจ์เอาการ สำหรับออสเตรเลีย

ขณะที่อินโดนีเซีย นั้นจะเจอกับจีน ในบ้านตนเอง ต่อด้วยบุกไปพบญี่ปุ่น ในนัดปิดท้าย ซึ่งก็หนักทั้งสองเกม แต่ทั้งหมด-ทั้งมวล ขึ้นอยู่ที่พวกเขาเองเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การลุ้นติดอันดับ 3 และ 4 น่าจะเป็นหนทางที่สดใสสำหรับทัพการูด้ามากกว่า เพราะถ้าเอาชนะจีน ได้สำเร็จในเดือนมิถุนายน พวกเขาก็จะการันตีการไปเล่นรอบที่ 4 อย่างแน่นอน

โดยในรอบคัดเลือก รอบที่ 4 จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ซึ่งนำอันดับ 3 และ 4 จาก 3 กรุ๊ป (รอบที่ 3) มาแข่งขัน

ในรอบที่ 4 มีโอกาสที่จะเป็นอุซเบกิสถาน, ยูเออี, กาตาร์ (จากกลุ่ม เอ) และ เกาหลีใต้, จอร์แดน, อิรัก, โอมาน (จากกลุ่ม บี)

ดูจากชื่อชั้นแล้ว อินโดนีเซีย ชุดปัจจุบันสู้ได้ทุกทีมแน่นอน หากว่าเกาหลีใต้ ไม่ฟอร์มตกจนต้องมาเล่นในรอบนี้เอาซะก่อน

ด้วยตัวผู้เล่นที่มีอยู่ ซึ่งอาจจะถูกค่อนแคะว่าไม่ใช่นักเตะท้องถิ่นแท้ๆ แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าแต่ละรายนั้นมีเชื้อสายอินโดนีเซีย ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นมันจึงไม่แปลก เพราะทุกวันนี้หลายๆ ประเทศก็มีแข้งลูกครึ่งอยู่เต็มไปหมด

ใกล้ๆ เลยอย่างศรีลังกา ที่เพิ่งเผชิญหน้าไทย ไปสดๆ ร้อนๆ นั่นเอง

สิ่งที่น่าสนใจของทัพการูด้าชุดปัจจุบันคือเกมรับที่เหนียวแน่น โดยมีการออกมาเปิดเผยสถิติยามที่ ริซกี้ ริดโญ่ (อินโดนีเซียแท้ๆ), เจย์ อิดเซส และ จัสติน ฮุบเนอร์ ลงเล่นพร้อมกัน พวกเขาทำคลีนชีตได้ถึง 6 จาก 7 เกม เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม หากใช้ 3 ประสาน ก็น่าเสียดายในราย เมส์ ฮิลเกอร์ส เซนเตอร์ฮาล์ฟผู้มีมูลค่ามากที่สุดในอาเซียน ซึ่งถ้าหมอนี่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ยังไงก็น่าจะจองตำแหน่งตัวจริงแน่นอน

2 นัดที่เหลือถือภารกิจมหาโหดของ พาทริก ไคลเวิร์ต และลูกทีม แต่ถ้าได้อย่างน้อย 3 คะแนนตุนในมือ มันก็แทบจะการันตีรอบคัดเลือกรอบที่ 4 เช่นกัน

อีกไม่กี่ก้าวของอินโดนีเซีย พวกเขาก็จะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว

ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport