ก่อนเกมใหญ่ ACL เอลิท 2024-25 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ระหว่าง อัล อาห์ลี พบ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เสาร์นี้ 26 เม.ย. เวลา 23.30 น. พาไปรู้จัก 7 แง่มุมของยอดทีมจากซาอุฯ ที่อัดแน่นด้วยแข้งระดับโลกทั้ง มาห์เรซ, ฟีร์มีโน่ และ ไอแวน โทนี่ย์
7 ข้อรู้จักกับคู่แข่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด - อัล อาห์ลี (ซาอุดีอาระเบีย)
เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อีลิท 2024-25 เดินทางถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ โดย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตัวแทนหนึ่งเดียวจากไทยลีก มีคิวต้องดวลกับ อัล อาห์ลี สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งซาอุดีอาระเบียที่เต็มไปด้วยแข้งระดับโลก
แข่งขันแบบนัดเดียวรู้ผล ที่สนามคิง อับดุลลาห์ สปอร์ตส์ ซิตี้ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน เวลา 23.30 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ถ่ายทอดสดทาง YouTube: BG SPORTS
ว่าแล้ว SIAMSPORT ขอพาไปรู้จักกับ “เดอะ คลาสซี่” ให้มากขึ้นผ่าน 7 ประเด็นสำคัญ!
[1] ความสำเร็จของสโมสร
อัล อาห์ลี เป็นหนึ่งในทีมที่อยู่คู่ลีกสูงสุดของซาอุดีอาระเบียมาอย่างยาวนาน เคียงข้างยักษ์ใหญ่อย่าง อัล ฮิลาล, อัล นาสเซอร์ และ อัล อิตติฮัด โดยเคยคว้าแชมป์ลีก 3 สมัย และครองแชมป์บอลถ้วยในประเทศรวมกันถึง 14 รายการ
ในยุคก่อนฟุตบอลอาชีพ พวกเขาเคยยิ่งใหญ่ช่วงทศวรรษ 60s-70s ก่อนกลับมาเป็นเบอร์หนึ่งอีกครั้งในฤดูกาล 2015-16
[2] ผลงานในถ้วยเอเชีย
นี่คือทีมขาประจำในเวทีเอเชีย โดยไฮไลต์คือการเข้าชิง ACL ปี 2012 (พ่าย อุลซาน ฮุนได) โดยมี ยู บยอง-ซู เป็นคีย์แมน และเจ้าตัวเคยมาเล่นไทยลีกกับชลบุรีช่วงปลายอาชีพ
ฤดูกาลนี้ อัล อาห์ลี จบรองแชมป์กลุ่มโซนตะวันตก มี 22 แต้มเท่ากับ อัล ฮิลาล แต่เป็นรองประตูได้เสีย และเป็นทีมที่ ยังไม่แพ้ใครจาก 8 นัด
รอบ 16 ทีม พวกเขาเอาชนะ อัล รายยาน จากกาตาร์ทั้งเหย้า-เยือน แบบสบาย ๆ
[3] ผลงานปัจจุบัน
ตอนนี้ อัล อาห์ลี อยู่อันดับ 4 ของ ซาอุดี โปร ลีก โดยโอกาสลุ้นแชมป์ลีกแทบจะหมดไปแล้ว เป้าหมายหลักคือกลับไปติดท็อป 3 เพื่อคว้าตั๋ว ACL ซีซั่นหน้า
ในถ้วยในประเทศ พวกเขาพลิกล็อกพ่าย อัล จานดาล ตกรอบคิงส์ คัพ แบบน่าเสียดาย นั่นทำให้ ACL เอลิท เป็นรายการเดียวที่ยังมีลุ้นแชมป์
[4] เฮดโค้ช
มาเธียส ไยส์สเลอ วัยเพียง 37 ปี คือกุนซือดาวรุ่งจากเยอรมัน ที่พา เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก คว้าแชมป์ลีกออสเตรีย 2 สมัย และผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ UCL ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
ฤดูกาล 2023-24 เขาตัดสินใจมาคุม อัล อาห์ลี และพาทีมคว้าท็อปโฟร์ พร้อมคว้าตั๋ว ACL ตามเป้า
เขาคือกุนซือสายระบบ ที่ขึ้นชื่อเรื่องวินัยและประสิทธิภาพในการเล่นแบบเยอรมันจ๋า
[5] โควตานักเตะต่างชาติ
ตามกฎของ ACL เอลิท ฤดูกาลนี้ ทีมสามารถส่งชื่อต่างชาติลงสนามได้ไม่จำกัด และ อัล อาห์ลี ก็จัดหนักมากถึง 12 รายชื่อ ได้แก่:
เอดูอาร์ เมนดี้ (GK / เซเนกัล)
โรเจอร์ อีบาเญซ (CB / บราซิล)
เมรีห์ เดมิรัล (CB / ตุรกี)
มัตเตโอ แดมส์ (LB / เบลเยียม)
เอซก์ยัน อาลิออสกี้ (LB / มาซิโดเนีย)
อเล็กซานแดร์ (CM / บราซิล)
ฟร้องค์ เกสซีเย่ (CM / ไอวอรี่โคสต์)
กาบรี้ เบก้า (AM / สเปน)
กาเลโน่ (WF / บราซิล)
ริยาด มาห์เรซ (RW / แอลจีเรีย)
ไอแวน โทนี่ย์ (ST / อังกฤษ)
โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ (ST / บราซิล)
นักเตะแต่ละคนมีดีกรีระดับเวิลด์คลาส และเคยคว้าแชมป์ลีกใหญ่ยุโรปมาแล้วทั้งสิ้น
[6] นักเตะเด่น: ริยาด มาห์เรซ
แม้อายุจะย่าง 34 ปี แต่ปีกทีมชาติแอลจีเรียยังคงเฉียบคม และกลายเป็นคีย์แมนของ อัล อาห์ลี ใน ACL ฤดูกาลนี้ โดยทำไปแล้ว 8 ประตู กับ 7 แอสซิสต์
เท้าซ้ายของเขายังอันตรายและแม่นยำ ทั้งการจ่ายและยิง เรียกได้ว่าเป็น "แมตช์วินเนอร์" ตัวจริง
[7] นักเตะน่าจับตา: ไอแวน โทนี่ย์
หัวหอกทีมชาติอังกฤษวัย 29 ปี ทำไปแล้ว 5 ประตูใน ACL และรั้งรองดาวซัลโวของ ซาอุดี โปร ลีก เป็นรองแค่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
โทนี่ย์ครบเครื่องทั้งความเร็ว ความแข็งแกร่ง และการจบสกอร์เฉียบขาด ซึ่งแนวรับบุรีรัมย์ต้องระวังให้ดี อย่าปล่อยให้เขาได้มีจังหวะยิงแบบโล่ง ๆ เด็ดขาด