5 ประเด็นหลังเกม บุรีรัมย์ เสมอ ยะโฮร์

5 ประเด็นหลังเกม บุรีรัมย์ เสมอ ยะโฮร์
ศึกศักดิ์ศรีแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อีลิต ระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม จบลงด้วยสกอร์ 0-0 ก่อนจะไปแข่งเลกที่สองกันในสัปดาห์หน้า ณ ประเทศมาเลเซีย จากเกมที่เพิ่งผ่านพ้น 'SIAMSPORT' จึงสรุป 5 ประเด็นที่น่าสนใจมาให้คุณได้อ่านกัน!!

[ 1 ] ศุภณัฏฐ์ โดดเด่นกว่า ไอมาน

   นอกเหนือจากศึกศักดิ์ศรีแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อีลิต ของ บุรีรัมย์ และ ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม ที่เปรียบเสมือนตัวแทนจากไทย กับมาเลเซีย ยังมีเรื่องของ 'ดาวรุ่ง' ทั้งสองชาติอย่าง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ปะทะ อารีฟ ไอมาน 

   นี่คือนักเตะรุ่นใหม่ในวัย 22 ปี เท่ากัน และก็มีความคล้ายกันอีกตรงที่พวกเขาสามารถสอดแทรกสู่ 11 ตัวจริงของทีมได้ในทัวร์นาเมนต์ระดับทวีป

   ศุภณัฏฐ์ คือหนึ่งในผู้เล่นพรสวรรค์สูงของอาเซียน ที่โด่งดังและสร้างสถิติมากมายมาตั้งแต่อายุยังไม่ถึงยี่สิบ ขณะที่ ไอมาน นั้นกำลังฟอร์มร้อนแรงสุดๆ กับสถิติ 5 ประตูบวก 2 แอสซิสต์ บนเวที เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อีลิต 

   แสงสปอตไลต์ต่างสาดส่องไปที่ทั้งสองคน ในฐานะที่แบก 'ความหวัง' ของทีมไว้ ไม่เพียงเท่านั้น มันยังเป็นเหมือนการเผชิญหน้าระหว่างไทย กับมาเลเซีย ว่านักเตะของประเทศใดที่เหนือกว่ากัน

   ยกแรกที่ ช้าง อารีน่า เป็นฝั่ง ศุภณัฏฐ์ ที่โดดเด่นกว่า ไอมาน แบบชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นร่วมกับเพื่อน, การวิ่งตัวเปล่า, ความเข้าใจเกมหรือการหาโอกาสในการจบสกอร์ แนวรุกชาวศรีสะเกษ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าได้วิชาจากยุโรป มาพอสมควร

   อย่างไรก็ตาม ยังเหลืออีกหนึ่งนัดที่ สุลต่าน อิบราฮิม สเตเดี้ยม ซึ่งที่นั่น ไอมาน คงจะปรารถนาเหลือเกินที่จะโชว์ฟอร์มเก่งอีกครั้ง เพื่อพา ยะโฮร์ ทะลุสู่รอบต่อไปให้สำเร็จ

[ 2 ] ยะโฮร์ มาเยือนแบบเน้นผลการแข่งขัน

    ตลอด 90 นาที ที่ ช้าง อารีน่า แม้ว่าเปอร์เซ็นต์การครองบอลของทั้งสองทีมจะไม่เหลื่อมกันนัก ด้วยตัวเลข 50.3 ต่อ 49.7 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อมองถึงรูปเกม บุรีรัมย์ เป็นฝ่ายเดินหน้าเข้าทำมากกว่าแบบชัดเจน

   การต่อสู้กันไปอยู่ที่ฝั่ง ยะโฮร์ มากถึง 29.5 เปอร์เซ็นต์ โดยปราสาทสายฟ้ามีโอกาสยิงมากถึง 15 ครั้ง ส่วนทีมเยือนนั้นได้ส่องเพียง 4 หนเท่านั้น แถมยังได้เตะมุมเพียงครั้งเดียว

   แน่นอนว่าในฐานะอาคันตุกะ แถมเจ้าถิ่นก็มีศักยภาพโดยรวมที่สูสี เฮคตอร์ บีโดกลีโอ เฮดโค้ชของ ยะโฮร์ ย่อมมองถึงการเน้นผลการแข่งขันเป็นหลัก เขาจึงวางแท็กติกแบบรัดกุมเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการกลับไป

   กุนซือชาวอาร์เจนติน่า เลยจัดระบบ 3-5-2 โดยมี พัก ชุน-ฮอง, เอ็ดดี้ อิสราฟิลอฟ และ อัลบาโร่ กอนซาเลซ แข้งป้ายแดง ยืนเป็น 3 ปราการหลัง 

   นอกจากนี้ บีโดกลีโอ ยังใช้ อันเซลโม่ มิดฟิลด์ตัวรับสมาชิกใหม่ ยืนประสานงานกับ อิ๊กนาซิโอ อินซ่า กัปตันทีมที่เป็นนักเตะประเภทเก็บกวาดก่อนบอลจะทะลุถึงแดนสุดท้ายอีกต่างหาก

   เท่ากับว่า ยะโฮร์ มีผู้เล่นในเกมรับจ๋าๆ มากถึง 5 คน แถมฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งก็แทบจะไม่เติมขึ้นสูงเลย 

   ด้วยแท็กติกที่อดทน แล้วค่อยอาศัยจังหวะสวนกลับ บวกด้วยการใช้นักเตะที่มีคุณสมบัติเกมรับหลายราย มันก็นำมาซึ่งผลการแข่งขันที่ทีมเสือใต้แห่งมาเลเซีย ต้องการนั่นเอง

[ 3 ] เบากี ใช้โอกาสเปลือง

    มาร์ติน เบากี ศูนย์หน้าสัญชาติอิตาลี ผู้มีเชื้อสายกานา คือหัวหอกที่ บุรีรัมย์ เพิ่งคว้าตัวมาจาก ไชนีส ซูเปอร์ ลีก โดยหวังให้เข้ามาถล่มตาข่ายเพื่อล่าความสำเร็จในทุกรายการที่โลดแล่น

   กับ 8 เกมใน ไทยลีก พี่แกจัดไปแล้ว 4 ประตูและ 1 แอสซิสต์ โดยมีแฮตทริกอีกต่างหาก โดยที่ตนเองสามารถสร้างประโยชน์ในแง่มุมอื่นๆ ได้อีก ไม่ว่าจะเป็นการพักบอลหรือเปิดทางให้เพื่อนทำสกอร์

   ถือว่าสอบผ่าน เพราะย้ายมาปุ๊บ ใช้งานได้ปั๊บ

   แต่กลับถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อีลิต เขาลงไปแล้ว 3 เกม และทำได้ 1 ประตูในเกมเสมอ กวางจู เอฟซี 

   เมื่อมองถึงภาพรวม ผลงานของ เบากี ไม่ได้แย่เลย เพราะมีประโยชน์ต่อเกมรุกของ บุรีรัมย์ มากๆ เนื่องจากมีร่างกายที่กำยำแข็งแรง จนสร้างความปั่นป่วนให้แนวรับฝั่งตรงข้ามได้เสมอ

   ทว่าในเกมกับ ยะโฮร์ เขามีโอกาสสับไกไม่ต่ำกว่า 3-4 ครั้ง แต่กลับไม่สามารถแปรเปลี่ยนให้เป็นสกอร์ได้ ซึ่งนั่นส่งผลในเกมเลกที่สองที่จะพบกันแน่นอน เพราะปราสาทสายฟ้าต้องเป็นฝ่ายบุกไปเยือน

[ 4 ] ศุภชัย ยังไม่เฉิดฉาย

   ในเกมที่อึดอัด เพราะว่า บุรีรัมย์ ยังไม่อาจเจาะแนวรับของ ยะโฮร์ ได้สำเร็จ ทำให้ ออสมาร์ ลอสส์ ต้องปรับแผนด้วยการส่ง ศุภชัย ใจเด็ด ลงมาเล่นแทน กีเญร์เม่ บิสโซลี่ ในนาทีที่ 68 ของการแข่งขัน และเป็นการเปลี่ยนตัวครั้งเดียวของปราสาทสายฟ้า

   ทุกคนแทบจะงงเป็นไก่ตาแตก เนื่องจาก มาร์ติน เบากี ที่ไม่อาจผลิตสกอร์ให้ทีมได้ แถมยังใช้โอกาสเปลือง แต่กลับได้อยู่ต่อ

   คนที่ถอดออกกลับกลายเป็นว่าที่ดาวซัลโว ไทยลีก 2024-25 ที่มีสถิติ 30 ประตู ในทุกรายการของซีซั่นปัจจุบัน

    ส่วนคนที่ถูกแทนอย่าง ศุภชัย ซึ่งมีผลงานยอดเยี่ยมมากใน 2 ฤดูกาลหลังสุด การันตีด้วยรางวัลรองเท้าทองคำ

   ทว่าก็เป็นอีกครั้งที่กองหน้าชาวปัตตานี ไม่อาจแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้ เพราะแทบจะไม่มีส่วนร่วมกับทีมเลย แถมพอได้บอล ก็ไม่อาจเอาชนะแนวรับ ยะโฮร์ ได้เลย

   โทษฐานที่เป็นหนึ่งในตัวแทนของ ธีรศิลป์ แดงดา ในอนาคตอันใกล้ - ศุภชัย จำเป็นต้องทำให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ จุดสังเกตุคือเขามักจะฟอร์มดร็อปลงดื้อๆ ในเกมใหญ่ รวมไปถึงทีมชาติไทย ซึ่งถ้าเจ้าตัวสามารถแก้ไขเรื่องนี้สำเร็จ หมอนี่จะก้าวไปเป็นนักเตะอีกระดับหนึ่งในทันที

[ 5 ] ผลเสมอไม่เป็นผลดีต่อปราสาทสายฟ้า

   การเสมอ 0-0 ไม่ใช่เรื่องดีต่อ บุรีรัมย์ เลย เพราะต้องอย่าลืมว่าไม่ได้มีกฎอะเวย์โกลเหมือนเก่าก่อน แถมการยกพลสู่ สุลต่าน อิบราฮิม สเตเดี้ยม ก็ถือเป็นงานที่หนักหน่วงเอามากๆ

   นอกจากเสียงเชียร์ที่กระหึ่มมาจากจำนวน 40,000 ที่นั่ง - ยะโฮร์ ยังมีสถิติในรังตนเองสุดสยอง เพราะไม่แพ้ใครมาตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2023 แถมยังเสมอเพียงนัดเดียว นั่นก็คือตอนที่ปราสาทสายฟ้าไปเยือนเมื่อปลายปี 2024 นั่นเอง

   หากนับกันคร่าวๆ ก็ราวๆ เกือบ 2 ปี ที่เสือใต้แห่งมาเลเซีย เดินหน้าไล่ทุบคู่ต่อสู้เป็นว่าเล่น

   ดังนั้นการไปเยือนสนาม สุลต่าน อิบราฮิม ในวันอังคารที่ 13 มีนาคม ที่จะถึงนี้ จึงเป็นเกมที่สาหัสสากรรจ์สำหรับ บุรีรัมย์ อย่างแน่นอน


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport