เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 รอบ 16 ทีม สุดท้ายกำลังจะฟาดแข้งกันในวันที่ 19 และ 20 กุมภาพันธ์ โดยมี 3 ตัวแทนจากเมืองไทย อย่าง แบงค็อก ยูไนเต็ด, การท่าเรือ เอฟซี รวมไปถึง เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ยังมีลุ้นเข้ารอบต่อไป ทว่าปัจจัยแตกต่างกันไป ดังนั้น 'SIAMSPORT' จึงขันอาสามาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของพวกเขาว่าจะได้ไปต่อหรือไม่!?
โปรแกรมของสโมสรไทย ใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ซีซั่น 2024-25 รอบ 16 ทีม สุดท้าย
- แบงค็อก ยูไนเต็ด พบ ซิดนี่ย์ เอฟซี (ออสเตรเลีย) วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ เวลา 19:00 น.
- ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส (เกาหลีใต้) พบ การท่าเรือ เอฟซี วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ เวลา 17:00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
- ไลอ้อน ซิตี้ เซเลอร์ส (สิงคโปร์) พบ เมืองทอง ยูไนเต็ด วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ เวลา 19:00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
*** ทุกคู่ถ่ายทอดทาง BG SPORTS (Youtube) ***
[ 1 ] แบงค็อก ยูไนเต็ด
สกอร์นัดแรก: ซิดนี่ย์ เอฟซี (ออสเตรเลีย) 2 - 2 แบงค็อก ยูไนเต็ด
จุดแข็งของตัวเอง?
นับตั้งแต่ได้ ธชตวัน ศรีปาน เข้ามาเป็นกุนซือในปี 2020 ดูเหมือนว่ารูปแบบการเล่นของ แบงค็อก ยูไนเต็ด จะค่อยๆ ลงตัวและกลายเป็นทีมที่คู่แข่งต่อกรได้ยากมากๆ
แท็กติกของเฮดโค้ชชาวสระบุรี ค่อนข้างซับซ้อน หากว่าได้นักเตะที่เข้าใจในกลยุทธ์ ผลที่ตามมาจะออกไปในทิศบวก และในปี 2025 พวกเขาก็ยังไม่แพ้ใครเลยติดต่อกัน 9 เกม ซึ่งนั่นหมายความว่าความมั่นใจของแข้งเทพมีเต็มเปี่ยมและพร้อมจะบดขยี้ฝั่งตรงข้ามได้ทุกทีม
จุดอ่อนของคู่ต่อสู้?
ปัจจุบัน ซิดนี่ย์ เอฟซี รั้งอันดับ 6 ของ เอ-ลีก ออสเตรเลีย ซึ่งอยู่กึ่งกลางตารางพอดี ทว่าสิ่งที่น่าสนใจคือ 'ประตูได้-เสีย' ของพวกเขาที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเป็นทีมที่เปิดหน้าแลกทุกนัดที่ลงสนาม
เดอะ สกาย บลูส์ ยิงได้ถึง 39 ประตู ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากที่สุดในลีก เหนือจ่าฝูงอย่าง อัคแลนด์ เอฟซี แต่พวกเขาก็ถูกคู่แข่งถลุงตาข่ายไปมากถึง 30 ประตู (มากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของลีก) เลยทีเดียว
'เกมรับ' จึงเป็นจุดอ่อนของ ซิดนี่ย์ เอฟซี ที่ทาง แบงค็อก เองก็น่าจะรู้ดีตรงจุดนี้
สิ่งที่จะทำให้ได้ไปต่อ?
ด้วยสกอร์ 2-2 ในเลกแรก ทำให้ แบงค็อก ไม่ต้องพบความกดดันมากนักในการเล่นในบ้านตนเอง ซึ่งด้วยประสบการณ์ของ ธชตวัน และตัวนักเตะที่เป็นแข้งทีมชาติชุดใหญ่หลายราย น่าจะทำให้บียูได้ไปต่อในรอบก่อนรองชนะเลิศ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทีมแข้งเทพต้องพึงระวังคือเรื่องความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่ห้าเกิดขึ้นเป็นอันขาด เนื่องจากในถ้วยเอเชีย เพียงเสี้ยววินาทีก็สามารถเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขันได้
[ 2 ] การท่าเรือ เอฟซี
สกอร์นัดแรก: การท่าเรือ เอฟซี 0 - 4 ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส (เกาหลีใต้)
จุดแข็งของตัวเอง?
การท่าเรือ เอฟซี คือหนึ่งในสโมสรที่มีศักยภาพสูงเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศไทย พวกเขามีงบประมาณการทำทีมมหาศาล, แฟนฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมและนักเตะชั้นนำของลีกต่างก็ค้าแข้งอยู่ที่ แพท สเตเดี้ยม
อย่างไรก็ตาม ความที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งในเรื่องเฮดโค้ช ทำให้สิงห์เจ้าท่ามักจะสะดุดอยู่บ่อยๆ เพราะผู้เล่นต้องปรับตัวตามกุนซือคนใหม่ที่เข้ามา แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยคุณภาพโดยรวม ยอดทีมแห่งย่านคลองเตยก็เป็นทีมที่แข็งแกร่งอยู่ดี โดยเฉพาะเกมริมเส้นที่จี๊ดจ๊าดเกินต้านทาน
จุดอ่อนของคู่ต่อสู้?
ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ชุดปัจจุบันถือว่าเป็นทีมใหม่ หลังการปรับยกใหญ่ เพราะผลงานอันย่ำแย่จนเกือบจะตกชั้นไปเล่น เคลีก 2 เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งแรกที่พวกเขาทำคือการแต่งตั้ง กุสตาโว่ โปเยต์ อดีตกองกลางชื่อก้องโลกเป็นกุนซือ
สไตล์การทำทีมของเฮดโค้ชชาวอุรุกวัย สะท้อนตัวตนของเขาสมัยเป็นนักเตะ นั่นคือเน้นเกมรุกเป็นหลัก ซึ่งนั่นทำให้ทัพ ชนบุค ไดโนส์ เล่นฟุตบอลสนุกและเอนเตอร์เทนแฟนๆ ด้วยการต่อบอลแบบเร้าใจ
ทว่าสิ่งที่ต้องแลกมากับการเปิดโหมดบุกใส่คู่แข่งคือแผงหลังจะมีพื้นที่ให้จู่โจมมากมาย ซึ่งถ้า การท่าเรือ ใช้ประโยชน์จตรงจุดนี้ได้ พวกเขาก็มีลุ้นสร้างเซอร์ไพรส์ได้เช่นกัน
สิ่งที่จะทำให้ได้ไปต่อ?
ด้วยสกอร์ที่ตามหลังถึง 0-4 ทำให้โอกาสที่สิงห์เจ้าท่าจะได้ไปต่อนั้นยากถึงยากที่สุด แต่กระนั้นถ้าสู้สุดหัวใจ บางทีตัวแทนจากสยามประเทศทีมนี้อาจจะทำเรื่องเหลือเชื่อก็เป็นได้
[ 3 ] เมืองทอง ยูไนเต็ด
สกอร์นัดแรก: เมืองทอง ยูไนเต็ด 2 - 3 ไลอ้อน ซิตี้ เซเลอร์ส (สิงคโปร์)
จุดแข็งของตัวเอง?
ภายใต้การกำกับของ จิโน่ เล็ตติเอรี่ ทำให้ เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นทีมที่สร้างโอกาสเข้าทำประตูได้มากมายเป็นลำดับต้นๆ ของ ไทยลีก แต่ในช่วงต้นฤดูกาล 2024-25 นักเตะยังไม่สามารถตอบสนองแท็กติกของกุนซือชาวอิตาลี ได้เท่าที่ควร มันจึงเป็นเหตุให้แต้มหล่นหายไปพอสมควร
แต่พอผู้เล่นกิเลนผยองเข้าใจในกลยุทธ์ของเฮดโค้ช ทุกอย่างเริ่มคลี่คลายและกลายเป็นว่าอดีตแชมป์ ไทยลีก 4 สมัย แล่วนฉิวลอยลมบนจนทะยานมาอยู่อันดับ 3 ทั้งๆ ที่งบประมาณและศักยภาพนักเตะเป็นรองอีกหลายๆ สโมสร
อย่างไรก็ตาม แม้จะสร้างสรรค์โอกาสได้เยอะ แต่ปัญหาของ เมืองทอง คือการที่จังหวะสุดท้ายปิดสกอร์ไม่เฉียบคมเอง ถ้าหากแก้จุดนี้ได้ พวกเขาจะอันตรายกว่าที่เป็นอยู่อีกหลายเท่าตัว
จุดอ่อนของคู่ต่อสู้?
ไลอ้อน ซิตี้ เซเลอร์ส ก็คล้ายๆ กับ เมืองทอง คือเป็นทีมที่เน้นเกมบุกเป็นหลัก มันจึงทำให้หลังบ้านของพวกเขาค่อนข้างหละหลวม ซึ่งเกมนัดแรกที่ ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม ก็มีช่องโหว่ให้กิเลนผยองได้เข้าไปถึงพื้นที่สุดท้ายหลายต่อหลายครั้ง
สิ่งที่จะทำให้ได้ไปต่อ?
ด้วยสกอร์ที่ตามหลัง 2-3 ยังพอมีโอกาสที่ เมืองทอง จะพลิกสถานการณ์เพื่อผ่านเข้ารอบได้อยู่ แต่ปัญหาอยู่ที่การต้องเล่นสนามหญ้าเทียมที่น่าจะส่งผลในการต่อบอลพอสมควร เพราะมันผิดธรรมชาติ
นอกจากนี้จากฟอร์มการของ ไลอ้อน ซิตี้ เซเลอร์ส ในเลกแรกที่พบกัน จะเห็นได้ว่าทัพกะลาสีของสิงคโปร์ มีแนวรุกที่จัดจ้านมากๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่กิเลนผยองต้องระมัดระวังให้ดี เพราะถ้าโดนก่อน โอกาสจะแพ้ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้ เมืองทอง ได้ไปต่อคือการที่พวกเขาต้องไม่ก่อความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ และพยายามรักษามาตรฐานของตนเองอย่างที่ทำได้กับทีมในประเทศ เพราะถ้าทำได้ รับประกันเลยว่าประตูรอบ 8 ทีม สุดท้ายเปิดรอพวกเขาอยู่แน่นอน