เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก และภาพสะท้อนของฟุตบอลไทย

เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก และภาพสะท้อนของฟุตบอลไทย
ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ถือเป็นช่วงกลางทางของการแข่งขันฟุตบอลถ้วยเอเชีย ซึ่งประเทศไทย มี 4 ตัวแทนส่งเข้าประกวด ไล่ตั้งแต่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ไปถ้วยใหญ่อย่าง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อีลิต

   ขณะที่โทรฟี่รองในชื่อ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 นั้นประกอบไปด้วย แบงค็อก ยูไนเต็ด, การท่าเรือ เอฟซี และ เมืองทอง ยูไนเต็ด

   ทั้ง 4 สโมสรจาก ไทยลีก ต่างก็สู้ได้อย่างดีเยี่ยม เพียงแต่ว่าผลการแข่งขันที่ได้มานั้นแตกต่างกันออกไป

   บุรีรัมย์ กับ แบงค็อก ทำสำเร็จในสิ่งที่ตั้งเป้าเอาไว้ ส่วนกิเลนผยองและสิงห์เจ้าท่านั้นพลาดพลั้งในรังของตนเอง

   ปราสาทสายฟ้าเปิด ช้าง อารีน่า เฉือนชนะ อุลซาน เอฟดี ของเกาหลีใต้ ไปหวุดหวิด 2-1 เก็บ 3 แต้ม เพิ่มเป็น 11 คะแนน โอกาสลิ่วรอบ 16 ทีม สุดท้ายสูงลิ่ว

   อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจในเกมนี้คือการที่ บุรีรัมย์ ส่งนักเตะไทย ลงเพียงคนเดียวเท่านั้นคือ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ขณะที่คนอื่นๆ อย่าง ศุภชัย ใจเด็ด, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล และ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ได้เล่นกันไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำในฐานะตัวสำรองของครึ่งหลัง 

   ด้วยกฎโควตาต่างชาติของถ้วยเอเชีย ในฤดูกาล 2024-25 ที่ไม่จำกัดจำนวน ทำให้ทุกทีมสามารถส่งลงสนามได้แบบไร้ลิมิต มันจึงทำให้ภาพที่ออกมาจึงเป็นเช่นนี้

   ลองคิดในทางกลับกันว่าถ้าปราสาทสายฟ้าใช้ผู้เล่นไทย เผชิญหน้ากับตัวแทนจากเกาหลีใต้ ผลการแข่งขันที่ออกมาอาจจะเป็นอื่นก็ได้

   ส่วนถ้วยรองอย่าง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ที่ทีมจากสยามประเทศตบเท้าสู่รอบน็อก-เอาต์ได้ครบถ้วน แต่ก็ถือว่าเป็นงานที่หนักของพวกเขา

   แบงค็อก เจอ ซิดนี่ย์ เอฟซี ของออสเตรเลีย ซึ่งมี ดั๊กลาส คอสต้า อดีตแนวรุกทีมชาติบราซิล เล่นอยู่่

   การท่าเรือ เจอ ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ที่ฟื้นคืนชีพจากซีซั่นที่ผ่านมา แถมยังหวังจะไปถึงแชมป์รายการนี้ และเพิ่งได้ กุสตาโว่ โปเยต์ เป็นกุนซือ

   เมืองทอง เจอ ไลอ้อน ซิตี้ เซเลอร์ส จ่าฝูงสิงคโปร์ ชื่อชั้นอาจดูด้อยกว่า แต่เมื่อเทียบมูลค่าของผู้เล่นแล้ว คนละเรื่องเดียวกัน เพราะคู่แข่งนั้นอุดมไปด้วยนักเตะนำเข้าและแข้งโอนสัญชาติแบบครบครัน

   ผลการแข่งขันในเลกแรกที่ออกมา 3 ทีมของไทย จึงไม่อาจเก็บชัยได้สักราย โดยมีเพียง แบงค็อก ที่บุกไปเสมอ ซิดนี่ย์ เอฟซี เท่านั้น ส่วนกิเลนผยองกับสิงห์เจ้าท่าพ่ายคารังทั้งคู่

   จากผลงานของสโมสรไทย ทั้ง 4 ทีมกับ 2 ถ้วยระดับทวีป ดัชนีชี้วัดอย่างชัดเจนให้เห็นว่าเรายังห่างชั้นกับชาติชั้นนำอยู่หลายก้าว

   ขนาดทีมที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานในประเทศอย่าง บุรีรัมย์ ยังทุลักทุเลกว่าที่จะได้ 3 คะแนนจาก อุลซาน แถมยังใช้ตัวผู้เล่นก็เป็นต่างชาติลงเป็น 11 ตัวจริงมากถึง 10 คน 

   ขณะเดียวกัน การท่าเรือ ก็โดน ชนบุค ชุดใหญ่สอยไปถึง 4 ประตูทั้งๆ ที่เล่นที่ แพท สเตเดี้ยม ส่วนทาง เมืองทอง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับบรรดาแข้งโอนสัญชาติ รวมไปถึงนักเตะดีกรียุโรป ของ เซเลอร์ส ก็ไปไม่เป็นเช่นกัน

   สปีดบอล, ความแข็งแกร่งและสภาพร่างกายตลอดทั้ง 90 นาที คือสิ่งที่เรายังเป็นรองอยู่พอสมควร ซึ่งมันสะท้อนออกมาให้เห็นในสนามทั้งหมด

   'ฟุตบอลไทยจะไปฟุตบอลโลก' ยังคงต้องรอคอยอีกยาวไกล เพราะมาตรฐานระดับสโมสรยังห่างชั้นกับประเทศอื่นๆ อีกไกลโพ้น

   ค่าสัมประสิทธิ์ของ ไทยลีก อาจจะรั้งเบอร์หนึ่งของอาเซียน แถมต่อจากญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และจีน เพียง 3 ชาติในโซนตะวันออกก็จริง แต่เราก็ยังห่างไกลกับบรรดายักษ์ใหญ่ของทวีปอีกเยอะ

    มันยิ่งน่าเป็นห่วงเพิ่มขึ้นเมื่อยุคสมัยของ ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ กำลังจะผลัดเปลี่ยนไป แต่กลับมีเพียง สุภโชค สารชาติ กับ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่พอจะก้าวมาทดแทนรุ่นพี่ได้

   หากยังไม่สร้างรากฐานเยาวชนอย่างจริงจัง มักก็ยากยิ่งที่ฟุตบอลจะพัฒนาได้ในระยะยาว 

   เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก และภาพสะท้อนของฟุตบอลไทย

ชิกกะด้าว


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport