เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือศึกชิงแชมป์สโมสรเอเชีย ที่ปัจจุบันอาจจะไกลเกินกว่าทีมจากเมืองไทย จะไขว่คว้า ทว่าทุกคนต่างปรารถนาที่จะได้มีส่วนร่วมกับทัวร์นาเมนต์นี้ ดังนั้น 'SIAMSPORT' จึงขันอาสาหาเหตุผลว่าเหตุไฉนใครและใครจึงต้องการไปให้ถึงฝั่งฝันให้ได้!?
[ 1 ] ได้วัดขีดความสามารถ
เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก คือถ้วยสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย หากเปรียบเทียบก็คือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของฝั่งยุโรป นั่นเอง ซึ่งแต่ละทีมที่ได้เข้ามาเล่นทัวร์นาเมนต์นี้ต่างก็อยู่ในระดับหัวแถวของทวีปทั้งนั้น
ปัจจุบัน จากการอันดับสโมสรที่อยู่ในเครือ เอเอฟซี (อัปเดตปี 2022) ไทยลีก อยู่ลำดับ 12 ของเอเชีย นั่นหมายความว่ามีอีกถึง 11 ประเทศ ที่อยู่สูงกว่า
ดังนั้นการได้เล่นกับสโมสรในประเทศที่มีมาตรฐานเหนือกว่าจึงเป็นตัวชี้วัดว่าทีมจากสยามประเทศอยู่ในระดับใดของเอเชีย แม้ว่าในรอบแรกจะแข่งขันเฉพาะฝั่งตะวันออกก็ตาม แต่โซนนี้ คุณจะได้เผชิญหน้ากับญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, จีน และออสเตรเลีย
เหมือนการทำงาน หากคุณได้อยู่กับคนเก่ง คุณก็จะค่อยๆ เก่งขึ้นตามไปด้วย และการได้ปะทะกับทีมที่เลเวลสูงกว่าอย่างสม่ำเสมอมันจะทำให้เราได้ขัดเกลาตนเอง ก่อนจะพัฒนาในแง่มุมต่างๆ ต่อยอดถึงอนาคต
[ 2 ] สร้างเสริมประสบการณ์
คล้ายๆ กันกับการได้วัดขีดความสามารถของตนเอง เพราะการได้เล่นใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก นั้นมีแต่ให้ประโยชน์ล้วนๆ แม้จะต้องเหนื่อยล้าอยู่บ้างในเรื่องของการเดินทาง แต่ภาพรวมคือผลบวกมากกว่าผลลบ
การที่นักเตะชั้นนำของ ไทยลีก ไม่ว่าจะเป็นแข้งในหรือนอกประเทศ การที่ถูกยกย่องให้เป็นผู้เล่นเบอร์ต้นๆ นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณคือที่หนึ่งเสมอไป หากแต่ต้องไปวัดกับทีมอื่นๆ ของเอเชีย เช่นกัน เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงในส่วนใดบ้าง
ผู้รักษาประตูก็จะได้เจอกับการโจมตีทางอากาศ, กองหลังได้เผชิญหน้ากับศูนย์หน้าพระกาฬ, มิดฟิลด์ได้ปะทะกับการเพรสซิ่งของคู่แข่ง หรือแม้แต่เรื่องของแท็กติก รวมไปถึงสมรรถภาพร่างกายก็จะได้เห็นว่าเราอยู่ในระดับใดของทวีป
หากได้เล่นถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก บ่อยๆ มันจะช่วยส่งเสริมให้ทีมของคุณค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นแบบไม่ต้องสงสัยเลย ตัวอย่างชัดเจนคือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่มีส่วนร่วมอย่างน้อยๆ ก็ในรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขามาแล้ว 7 ฤดูกาล
สิ่งที่ได้คือเมื่อกลับมาเล่นในประเทศ ปราสาทสายฟ้าซึ่งมีประสบการณ์ในเวทีเอเชีย สูงกว่าสโมสรอื่นๆ ของไทย มันจึงทำให้พวกเขารู้วิธีการจัดการกับคู่แข่งอย่างช่ำชอง
นอกจากนี้การได้เห็นความเป็นมืออาชีพของชาติอื่นในเอชีย ในหลากหลายมิติ มันก็ทำให้สามารถนำมาปรับใช้กับตัวเองได้เช่นกัน ซึ่งทาง บุรีรัมย์ ก็นำข้อดีที่ได้มา พัฒนาในหลายๆ ส่วนของสโมสร ไม่ว่าจะเป็นการจัดการ, สนามแข่งขัน และรวมไปถึงเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย
[ 3 ] เพิ่มมูลค่าสโมสร
เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นทัวร์นาเมนต์สโมสรเอเชีย ที่มีมูลค่าทางการตลาดสูง เพราะมีถ่ายทอดสดไปยังหลายๆ ประเทศในทวีป แถมบางทีมในยุโรป ก็แอบเหล่นักเตะจากรายการนี้เช่นกัน นั่นจึงทำให้ภาพลักษณ์ของการแข่งขันอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
การที่ได้มีส่วนร่วมกับศึกชิงแชมป์เอเชีย จึงเป็นอีกหนทางในการโปรโมตแบรนด์ของตนเอง เนื่องจากเวลาแข่งขัน โลโก้หรือสินค้าของคุณจะถูกเผยแพร่ระหว่างการถ่ายทอดสด
ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่สโมสรในไทย ได้โควตาเข้าร่วม เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาก็สามารถนำเรื่องดังกล่าวไปนำเสนอกับผู้สนับสนุนถึงมูลค่าทางการตลาดที่จะได้รับกลับมา ซึ่งถือเป็นเรื่องวิน-วินกันทั้งสองฝ่าย
สโมสรได้เงินสนับสนุน ส่วนสปอนเซอร์ก็ได้เผยแพร่แบรนด์ของตนเองสู่สายตาเอเชีย ประชา
แม้ว่าในข้อกำหนดของ เอเอฟซี จะมีหลายๆ จุดจะกำชับให้สโมสรต่างๆ ปิดโลโก้ของสปอนเซอร์ในวันแข่งขัน แต่นั่นเป็นเพียงกฎเล็กๆ น้อยๆ ที่มีทางเลี่ยงบาลีได้เช่นกัน
ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่ทีมของคุณมีส่วนร่วมกับ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก - มูลค่าของสโมสรก็จะสูงขึ้นไปด้วยเป็นเงาตามตัว
[ 4 ] ดึงดูดนักเตะฝีเท้าดี
ทุกวันนี้ ไทยลีก พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ อย่างชัดเจน ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ลูกหนังแดนสยามก้าวไปข้างหน้านั้นมาจากการที่มีนักเตะฝีเท้าดีเข้ามาค้าแข้งมากมาย ไม่เหมือนเก่าก่อนที่เป็นผู้เล่นจากต่างแดนจริง แต่หลายๆ คนก็ไม่ได้ช่วยยกระดับให้ลีกสักเท่าไหร่
หากนับฤดูกาลที่ฟุตบอลไทย เป็นอาชีพอย่างจริงจังในซีซั่น 2007 - โควตาต่างชาติที่เริ่มจะมีดีกรีหน่อยคงจะเป็นปี 2012 ที่ เมืองทอง ยูไนเต็ด คว้า มาริโอ ยูรอฟสกี้ เพลย์เมเกอร์ทีมชาติมาซิโดเนีย มาร่วมทัพ และรวมไปถึง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ปั้น ฟร้องค์ อาเชียมปง จนติดทีมชาติกานา
นับจากนั้นเป็นต้นมา ผู้เล่นต่างชาติที่ย้ายเข้าก็ค่อยๆ เป็นนักเตะที่มีเกรด-มีดีกรีพ่วงท้ายมากขึ้น
ส่วนหนึ่งคือเรื่องค่าจ้างที่น่าดึงดูด แต่อีกปัจจัยสำคัญที่สามารถโน้มน้าวให้พวกเขาเหล่านั้นมาเล่นใน ไทยลีก - ลีกที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของตนเองตั้งแต่แรกได้ ก็เป็นเรื่องของ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก นี่แหละ
การได้ชื่อว่าเล่นถ้วยใหญ่ของเอเชีย ย่อมทำให้ง่ายต่อการจะเจรจานักเตะฝีเท้าดีมาร่วมทัพ เพราะผู้เล่นเหล่านี้ นอกจากจะเงินเดือนแพงแล้ว ส่วนใหญ่ก็ปรารถนาที่จะได้เล่นเกมระดับสูงเช่นกัน ซึ่งทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์สโมสรของทวีปนี่แหละสามารถตอบโจทย์เหล่านั้นได้เป็นอย่างดี
[ 5 ] อวดโฉมผู้เล่นไทย
การที่ทีมชาติไทย จะพัฒนาได้ในระยะยาว นอกจากเรื่องของโครงสร้างเยาวชนที่จำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะต้องจริงจังและส่งเสริมแบบต่อเนื่อง ก็คงเป็นการส่งนักเตะไปเล่นในลีกที่มาตรฐานสูงกว่าลีกในประเทศนั่นแหละ
จริงอยู่ที่ ไทยลีก ณ ปัจจุบันกำลังไปได้สวยในหลายๆ ด้าน และมีเสน่ห์ดึงดูดพอสมควร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าเรายังห่างไกลกับชาติใหญ่ๆ ในทวีปอยู่เยอะทีเดียว
ดังนั้นการที่มีผู้เล่นไทย ไปโลดแล่นในลีกต่างแดนจึงเป็นเรื่องที่ดีสำหรับตัวนักเตะเอง รวมไปทีมชาติ และยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนรุ่นต่อๆ ไปมีแรงผลักดันที่จะไขว่คว้าหาความฝัน
ตัวอย่างแบบใกล้ที่สุดคือทีมชาติญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่ส่งออกนักฟุตบอลสู่ยุโรป เป็นร้อยราย และผลที่ตามมาคือทุกวันนี้พวกเขาสามารถยืนหยัดต่อสู้กับชาติใหญ่ๆ ได้อย่างไม่เป็นรอง
มันคือผลพวงจากการที่นักเตะในประเทศได้ไปเล่นในลีกที่มาตรฐานสูงกว่าลีกของตัวเอง
ดังนั้น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก จึงเปรียบเสมือน 'เวที' ที่นักเตะไทย ซึ่งคือสินค้าจากดินแดนขวานทองจะได้แสดงศักยภาพให้ต่างชาติได้เห็นว่ามีดีอย่างไรบ้าง
ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ชนาธิป สรงกระสินธุ์ และ สุภโชค สารชาติ คือกลุ่มผู้เล่นที่ผ่านศึกชิงแชมป์สโมสรเอเชีย ก่อนจะไปค้าแข้งในญี่ปุ่น
รายการนี้นี่เองที่พวกเขาได้โชว์ฝีเท้า กระทั่งได้รับการติดต่อให้ย้ายไปเล่นต่างแดน
แต่จะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับตัวนักเตะเอง
ทว่าการได้เล่นใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก จะช่วยทำให้คุณได้รับการจับตามองมากยิ่งขึ้น หากผลงานเด่น คุณก็มีสิทธิ์จะย้ายไปพิสูจน์ตัวเองในลีกที่มาตรฐานสูงกว่า แล้วค่อยกลับมาถ่ายทอดวิชาให้น้องๆ รุ่นต่อๆ ไปในอนาคต