ทาคาชิ คิยามะ : ชีวิตล้มแล้วล้มอีก ก่อนจะจารึกประวัติศาสตร์ให้ โอกายาม่า

ทาคาชิ คิยามะ : ชีวิตล้มแล้วล้มอีก ก่อนจะจารึกประวัติศาสตร์ให้ โอกายาม่า
ฟาเจียโน่ โอกายาม่า สโมสรน้องใหม่ป้ายแดงในศึกเจลีก 1 ฤดูกาล 2025 คว้าสิทธิ์ เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดของประเทศญี่ปุ่นได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การก่อตั้งสโมสรนับว่าเป็นห้วงเวลาที่รอคอยกันมาอย่างยาวนานหลังจากเพลย์ออฟเอาชนะ เวกัลตะ เซนได 2-0 คว้าโควต้าเลื่อนชั้นทีมสุดท้ายสู่เจลีก 1 ได้สำเร็จ

ทาคาชิ คิยามะ กุนซือวัย 52 ปี ถือว่ามีส่วนสำคัญในการผลักดันทีมสู่การเลื่อนชั้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรด้วยการทำงานมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022 จนสุดท้ายพาทีมถึงปลายทาง  ตลอดเส้นทางฟุตบอลของกุนซือรายนี้ถือว่าน่าสนใจมากๆตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะจนก้าวมารับงานโค้ชชีวิตของเขาล้มแล้วล้มอีกแต่ไม่เคยยอมแพ้กับเส้นทางฟุตบอลสายนี้ ในฐานะโค้ช คิยามะ พาทีมเพลย์ออฟเลื่อนชั้นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5

ช่วงชีวิตนักเตะ

- ทาคาชิ คิยามะ เริ่มต้นชีวิตฟุตบอลในเมืองอิตามิ จ.เฮียวโงะ เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่ประถมศึกษาในช่วงมัธยมศึกษาอิตามิและระดับมหาวิทยาลัยสึคุบะ รับบทบาทสวมปลอกแขนกัปตันทีมในฐานะนักเตะตำแหน่งกองกลาง

- ด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมในช่วงระดับมหาวิทยาลัยทำให้ได้โอกาสร่วมทัพกัมบะ โอซาก้า ยอดทีมที่มีตำนานเก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่น ในปี 1994 ตำแหน่งของเขาถูกขยับไปเล่นเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังการเริ่มต้นฟุตบอลอาชีพไม่สวยหรูนักเพราะได้รับบาดเจ็บหนักถึง 2 ครั้งกับการโลดแล่นให้กับกัมบะ โอซาก้า ก่อนที่จะโยกไปเล่นให้กับซัปโปโรในปี 1998 แต่โอกาสในสนามน้อยมากเนื่องจากประสบปัญหาอาการบาดเจ็บหนักอีกรอบคราวนี้ต้องตัดสินใจประกาศเลิกเล่น แต่ด้วยความรักและยังปรารถนาที่จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพหมั่นเพียรรักษาอาการบาดเจ็บจนหายขาดกลับมาสวมสตั๊ดอีกครั้งในสีเสื้อของ มิโตะ ฮอลี่ ฮอล์ค ลงสนามบนเส้นทางอาชีพอีก 4 ฤดูกาลจึงประกาศรีไทน์

ช่วงชีวิตโค้ช

- หลังรีไทร์จากอาชีพนักเตะ คิยามะ เลือกเดินบนเส้นทางฟุตบอลแต่หันไปเป็นโค้ชให้กับมหาวิทยาลัยสึคุบะ ก่อนที่จะโยกไปรับงานเยาวชนของวิสเซล โกเบ พาทีมโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในฟุตบอลเยาวชนเจลีกปี 2005

- ปี 2008 คิยามะ กระโดดเข้าสู่วงการโค้ชอาชีพอย่างเต็มตัวโดยการเป็นกุนซือให้กับต้นสังกัดเก่าอย่างมิโตะ ฮอลี่ ฮอล์ค กลายเป็นโค้ชเจลีกที่อายุน้อยที่สุดในเวลานั้นอยู่ที่ 35 ปีเศษ คิยามะ สร้างปรากฏการณ์ที่ไม่น่าจดจำกับการคุมทีมในช่วงฤดูกาลที่ 2 ในการออก สตาร์ทเกมแรกของฤดูกาลพบกับเซเรโซ่ โอซาก้า เกมนั้นเขาโดนใบแดงไล่ออกจากสนามเนื่องจากไม่พอใจการตัดสินของผู้ตัดสิน

- ปี 2012 โยกไปคุมทีมเจฟ ชิบะ พาทีมจบอันดับ 5 ในศึกเจลีก 2 คว่าสิทธิ์ เพลย์ออฟแต่สุดท้ายเกมตัดสินดันพ่ายให้กับ โออิตะ ตรินิตะ จากนั้นปี 2014 คุมทีมเอฮิเมะ เอฟซี จบอันดับ 5 เจลีก 2 แต่สุดท้ายคุมทีมเพลย์ออฟพ่ายให้กับเซเรโซ่ โอซาก้า พลาดการเลื่อนชั้นเป็นครั้งที่ 2 เข้าสู่ปี 2016 คิยามะ ตัดสินใจไปรับงานคุมทีมยามากาตะ พาทีมจบอันดับ 6 ในศึกเจลีก 2 ได้สิทธิ์เพลย์ออฟเป็นครั้งที่ 3 ในฐานะเฮดโค้ช สุดท้ายไม่ถึงฝันพ่ายให้กับ โทกุชิมะ วอร์ติส

- ปี 2020 คิยามะ ถูกแต่งตั้งเป็นกุนซือเซนไดฤดูกาลนั้นพาทีมจบอันดับ 17 สุดท้ายเขาไม่ได้ไปต่อ แต่ท้ายที่สุดก็ได้งานใหม่ที่ฟาเจียโน่ โอกายาม่า ในปี 2022 พาทีมจบอันดับ 3 ในศึกเจลีก 2 พร้อมกับสิทธิ์เพลย์ออฟแต่สุดท้ายก็ยังพ่ายให้กับ ยามากาตะ อกหักเป็นครั้งที่ 4 ก่อนที่ปี 2024 จะพาทีมจบอันดับ 5 ได้ สิทธิ์ เพลย์ออฟเลื่อนชั้นอีกครั้งโดยนัดชิงชนะเลิศสามารถพาทีมเปิดบ้านเอาชนะ เวกัลตะ เซนได 2-0 กลายเป็นประวัติศาสตร์ของตัวเองและสโมสรที่เลื่อนชั้นสู่ลีก สูงสุดของประเทศญี่ปุ่น


ที่มาของภาพ : gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport