อย่างที่ทราบโดยทั่วกันว่าสถานการณ์ของ เอกนิษฐ์ ปัญญา ในรั้ว ไซตามะ สเตเดี้ยม อยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
นับตั้งแต่ อุราวะ เร้ด ไดม่อนด์ส เปลี่ยนเฮดโค้ชจาก มาเซย์ สกอร์ซ่า มาเป็น แปร์-มาเธียส ฮอกโม่ กุนซือชาวนอร์เวย์ - แนวรุกทีมชาติไทย ยังไม่ได้รับโอกาสให้สัมผัสเกม เจลีก 2024 สักวินาทีเดียว
ใกล้เคียงสุดคือการมีชื่อบนม้านั่งสำรองของ แมตช์เดย์ ที่ 4 ในเกมบุกเสมอ โชนัน เบลล์มาเร่ 4-4 เมื่อวันพุธที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา
นานเกือบ 4 เดือนเต็มๆ ที่เขาไม่ได้ลงเล่นใน เจลีก
แน่นอนว่ามันเป็นห้วงเวลาที่ไม่โสภานัก และเมื่อบวกกับกระแสการถอนตัวจากทีมชาติไทย ชุด เอเชียน คัพ 2023 ยิ่งทำให้กองกลางตัวรุกชาวเชียงราย ต้องลำบากเข้าไปอีก
อย่างไรก็ตาม ในอีกแง่มุมหนึ่ง มันคือสถานการณ์ที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับจิตใจของเขา ซึ่งจากเส้นทางสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพของ เอกนิษฐ์ ก็ขรุขระอยู่พอสมควร แต่เจ้าตัวก็ฟันฝ่ากระทั่งก้าวมายืนบนแถวหน้าของสยามประเทศได้อย่างเต็มภาคภูมิ
"ผมไม่อยากให้คุณพ่อกับคุณแม่ต้องทำงานหนัก ผมจึงสู้อย่างสุดความสามารถในสนามซ้อมเพื่อที่จะให้ครอบครัวมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น" นี่คือคำกล่าวสั้นๆ ของดาวเตะหมายเลข 27 ของ อุราวะ เร้ดส์ ที่ให้สัมภาษณ์ผ่านนิตยสาร แมตช์เดย์ ของ เมืองทอง ยูไนเต็ด
เขาคือผู้เล่นที่ทุ่มเททุกวินาทีให้กับลูกกลมๆ ลมหายใจของหมอนี่เข้าและออกมีแต่คำว่า 'ฟุตบอล' ล้วนๆ
ชีวิตของ เอกนิษฐ์ เรียบง่าย ซ้อมเสร็จ กลับบ้าน ไม่มีแวะออกนอกลู่นอกทาง ทั้งยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพทางร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
สีหน้าและแววตาของเขาคล้ายกับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ในช่วงที่ย้ายไปเล่นที่ญี่ปุ่น ช่วงแรกๆ เมื่อปี 2017 คือมองไปข้างหน้าแบบจ้องเขม็ง ไม่มีว่อกแว่ก ประมาณว่าสนใจเพียงการฝึกซ้อมเพียงสิ่งเดียว
เฉกเช่นรุ่นพี่ทีมชาติไทย ที่เห็นจะมีเพียง ธีรศิลป์ แดงดา เท่านั้นที่ย้ายไปญี่ปุ่น ปุ๊บ แล้วได้ลงเล่นปั๊บ เพราะหัวหอกรายนี้คือข้อยกเว้นพิเศษ
ไม่ว่าจะ ชนาธิป หรือ ธราทร บุญมาทัน ต่างก็ต้องพิสูจน์ตนเองให้โค้ชยอมรับ โดยเฉพาะรายหลัง ถ้ายังจำกันได้ - เจลีก 2019 ช่วงครึ่งแรกของซีซั่น เขาได้รับโอกาสเพียงน้อยนิด
แต่พอชนะใจ อังเก้ ปอสเตโคกลู เท่านั้นแหละ ที่เหลือคือ 'หน้าประวัติศาสตร์' บทใหม่ของวงการลูกหนังไทย
ทุกชีวิตบนโลกมนุษย์ต่างก็ต้องเผชิญหน้ากับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ไม่ว่าจะงานไหนหรือหน้าที่ใด ไม่ใครหรอกที่สมหวังไปเสียทุกเรื่อง
ผู้คนที่มองในแง่ร้าย คงจะเหยียบย่ำซ้ำเติมเด็กหนุ่มจากอำเภอพญาเม็งราย ซึ่งก็หวังว่าตัว เอกนิษฐ์ จะไม่สนใจพลังลบด้านนี้ เพราะอย่าลืมว่ายังมีกำลังใจอีกหลายล้านที่พร้อมจะสนับสนุนให้เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
มองสถานการณ์ปัจจุบันให้เป็นความท้าทาย เพราะว่าไปถึงจุดนั้นแล้ว ก็สู้ให้สุดใจ ไม่มีอะไรต้องกังวล หากก้าวข้ามได้ คุณก็จะยกระดับตนเองไปอีกเลเวลหนึ่ง
ประโยชน์ก็จะตกอยู่กับวงการลูกหนังไทย ล้วนๆ
ภาระที่แบกไว้บนสองบ่ามันช่างหนักหน่วงและแสนทรมานเมื่อต้องถูกวิจารณ์ต่างๆ นานา
จงอย่าไปสนใจกับความคิดในแง่ลบเหล่านั้น เพราะมันคือสิ่งที่บั่นทอน 'ความฝัน' ของเด็กหนุ่มที่เพียรพยายามสร้างความสุขให้กับครอบครัวและคนไทย ทั้งชาติ
เอกนิษฐ์ ปัญญา - ความหวัง, ความฝันและวันข้างหน้า
ชิกกะด้าว