เมื่อพูดถึงล่ามฟุตบอล ต้องบอกเลยว่าคือปัจจัยหลักที่สำคัญ เพราะเปรียบเสมือนคีย์แมนผู้เชื่อมความเข้าใจจากหัวหน้าผู้ฝึกสอนมาสู่ทุกคนในทีม ซึ่งแน่นอนการสื่อสารต่างๆ นั้นต้องมีความชัดเจน และครบถ้วน เพื่อให้ผลลัพธ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นย่อมเต็มไปด้วยประสิทธิภาพตามเป้าหมาย
อีกประการคนที่จะเข้ามาเป็นล่ามฟุตบอลได้ นอกเหนือจากทักษะด้านภาษาแล้ว ต้องมีความรัก ความเข้าใจในฟุตบอล เป็นคนที่ไม่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว และพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในโลกของฟุตบอลอยู่เสมอ โดยเฉพาะเรื่องของแท็กติกอยู่ตลอดเวลา นั่นคือคุณสมบัติแรกที่ต้องมี
และหากพูดถึงล่ามฟุตบอลที่แฟนบอลชาวไทยเป็นที่รู้จักอย่างดี คงหนีไม่พ้น ทิวาพล สังขพันธ์ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ "ทิซัง" ผู้ที่เป็นเบื้องหลังแห่งความสำเร็จของนักเตะไทย ในการไปเล่นฟุตบอลเจลีก ประเทศญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
หนึ่งในนักเตะไทยที่ถูกทาง "ทิซัง" คอยช่วยเหลือแบบไม่ห่างกายนั่นคือ "เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ สมัยที่ค้าแข้งกับฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ตลอดช่วงปี 2017 ถึง ปี 2021 หรือเป็นเวลาถึง 4 ปีครึ่งนั่นเอง
แน่นอนว่าการย้ายจากไทยลีก ข้ามมาเล่นในเจลีก ลีกฟุตบอลที่ถูกยกให้เป็นอันดับหนึ่งของทวีปเอเชีย ชนาธิปต้องเจอแรงดันต่างๆ ทั้งในและนอกสนาม รวมถึงเรื่องของภาษาการสื่อสารที่ต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่คนที่ดูแลชนาธิปตั้งแต่เริ่มต้นก็คือ "ทิซัง" นั่นเอง
โดย "ทิซัง" คอยช่วยเหลือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆให้กับชนาธิป ทั้งเรื่องการปรับตัว การใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น รวมถึงการเล่นฟุตบอลที่พยายามถ่ายทอดคำพูดจากโค้ชมิช่ามาสู่ชนาธิป จนทำให้ดาวเตะชาวไทยรายนี้ ก้าวขึ้นมานักเตะสู่แกนหลักให้กับซัปโปโรในเวลาต่อมา
"ทิซัง" มีส่วนสำคัญอย่างมากกับการส่งให้ชนาธิป ฝากผลงานตลอดการเล่นที่สโมสรแห่งนี้ไปถึง 123 นัด ยิงไป 15 ประตู กับ 22 แอสซิสต์ โดยเฉพาะการที่ชนาธิป ติดทีมยอดเยี่ยมของศึกเจลีกปี 2018 เป็นประวัติศาสตร์ของนักเตะไทยในญี่ปุ่นอีกด้วย
หลังจบปี 2021 ชนาธิปได้ย้ายไปสู่ต้นสังกัดใหม่กับคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ แต่ "ทิซัง" ไม่ได้ย้ายตามไปด้วย เนื่องจาก "ทิซัง" ต้องการอยู่กับซัปโปโร เพื่อรอปลุกปั้นชนาธิปคนที่ 2 นั่นเอง
จนกระทั่งช่วงเลกสองในปี 2022 สุภโชค สารชาติ ได้ย้ายมาร่วมทีมซัปโปโร และคนที่ต้องคอยซัพพอร์ตอยู่ตั้งแต่เริ่มก็เป็นคนเดิมนั่นคือ "ทิซัง" ที่หวังปั้นสุภโชค ให้เจริญรอยตามความสำเร็จเหมือนกับชนาธิปที่เคยทำเอาไว้ในถิ่นซัปโปโร โดม
"ทิซัง" บอกว่า ทั้งสองคนต่างกันที่โมเมนตั้มที่ได้เข้ามาสู่ทีมซัปโปโร โดยชนาธิปเข้ามาปี 2017 อยู่ในช่วงที่ทีมเกิดการเปลี่ยนแปลง เลยทำให้สไตล์ของตัวเองยังไม่ค่อยชัดว่าเล่นแบบไหน ทรานซิสชั่นยังไม่ค่อยชัด เพราะยุคนั้นยังเป็นโค้ชยูเฮอิ โยโมดะ ที่เน้นสไตล์บอลโยน
กระทั่งปี 2018 "มิช่า" มิไฮโล เปโตรวิช เข้ามาคุมทีมซัปโปโร จนถึงวันนี้เข้าสู่ฤดูกาลที่ 6 แล้ว และถือว่าอยู่ในช่วงที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบในแง่ของรูปแบบการเล่น ดังนั้นบอลในแบบที่ชนาธิปเคยเจอได้เปลี่ยนไป ความเร็วก็เร็วมากขึ้น
แต่ในขณะที่ "สุภโชค" มาในช่วงเลกสองปีที่แล้ว เขาต้องเจอเรื่องของทรานซิสชั่น พละกำลังที่จะต้องใช้เพิ่มมากขึ้นกว่าตอนที่อยู่ไทย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้การปรับตัวต้องค่อยเป็นค่อยไป และในแง่เรื่องจำนวนการลงเล่น ตอนนี้ถ้าให้มองโมเมนตั้ม เช็คกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นไปเรื่อยๆ และไม่น่าจะมีปัญหาในการลงเล่นหลังจากนี้ต่อไป
เมื่อพูดถึงเรื่องนอกสนาม "ทิซัง" อยู่กับสุภโชคแทบทุกเวลา ก่อนหน้านี้เคยมีช่วงเวลาที่เช็ค รู้สึกไม่ดีกับจำนวนการลงเล่นที่น้อย แต่เพื่อนร่วมทีมทุกคนให้กำลังใจ และเฝ้ารอการเติบโตของเช็ค ดังนั้น "เช็ค" จะมีคนรอบด้าน ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง ทุกคนคอยบอกให้สู้ บอกให้อดทน อยู่กับฟุตบอลในแบบฉบับ "มิช่า" ต้องอดทน เดี๋ยวสักวันโอกาสจะมาเอง
"ทิซัง" ที่เหมือนกับเป็นพี่เลี้ยงของ "เช็ค" มักพาไปตามสถานที่ต่างๆ ในวันหยุด เพื่อพยายามดึงตัวเองออกมาจากฟุตบอลบ้างในบ้างวัน หรือพาไปกินข้าวไหน พาไปลองกันหลายๆร้าน ซึ่งตอนนี้ "เช็ค" ไปได้หลายที่แล้วในเมือง เริ่มมีคนจำได้มากขึ้นเรื่อยๆ ถือว่าเป็นเมืองที่น่ารัก ทุกคนดูใจดีและเป็นมิตรกับ "เช็ค" เสมอ
ในทุก ๆ เรื่องนี้ ทำให้แฟนบอลไทยต่างยกย่องให้ "ทิซัง" เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักเตะไทยที่มาเล่นให้กับซัปโปโร โดย "ทิซัง" ออกมาขอบคุณที่แฟนบอลยังคอยตามเชียร์คอนซาโดเล่ ซัปโปโร มาโดยตลอด ซึ่งช่วงต้นฤดูกาล 2023 ตัวเขาเองเห็นทุกอย่าง เห็นการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นของ "เช็ค" มาจนถึงตอนนี้
มีช่วงแรก ๆ ที่หายไป แต่หายไปเพราะกำลังเขี่ยวเข็นตัวเองของเราทั้งสองคนอยู่ และพอมาจนถึงจุดนี้ เริ่มลงเล่นมากขึ้น ยิงประตูได้แล้ว และยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะว่าตัวเขาเองกับ "เช็ค" คือคนที่ทำงานเพื่อความสุขของทุกคน เพราะฉะนั้นต้องพยายามตอบแทนสิ่งเหล่านี้ให้กับคนดูของเราด้วย
สุดท้ายนี้ "ทิซัง" มีเป้าหมายชัดเจนในการสร้างคุณค่าของ สุภโชค สารชาติ ให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยตั้งธงไว้ 3 เปรี้ยงคือ เปรี้ยงแรกคือการลงสนาม เปรี้ยงสองคือการยิงประตู และเปรี้ยงที่สามคือการลงต่อเนื่อง ถึงตอนนี้ขาดแค่เปรี้ยงสามเท่านั้น
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา "ทิซัง" ถือเป็นล่ามที่มากกว่าล่าม เขาเป็นพี่ชายที่คอยช่วยเหลือ คอยสอน คอยปรับปรุงในทุกๆเรื่องให้กับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ และสุภโชค สารชาติ ต้องบอกเลยว่า ทิวาพล สังขพันธ์ เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จให้กับนักเตะไทยตัวจริง และจะอยู่เพื่อคอยผลักดันสร้างนักเตะไทยที่ญี่ปุ่นต่อไปในอนาคต
" กอล์ฟ เบนเทเก้ "