นับเป็นผลการแข่งขันที่ทำให้คนช็อกกันพอตัวกับการที่ ลิเวอร์พูล ต้องเดินออกจาก สตาดิโอ ดีเอโก้ อาร์มันโด้ มาราโดน่า เมื่อวันพุธที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา ด้วยความปราชัยต่อ นาโปลี 1-4 ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ
ถึงแม้ก่อนหน้านี้ผลงานของ "หงส์แดง" ยังไม่คงเส้นคงวาเท่ากับก่อนๆ แต่ก็แทบไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะแพ้ด้วยสกอร์ที่ขาดแบบนี้ ซึ่งสกอร์กับรูปเกมที่ออกมามันก็ทำให้เกิดเกร็ดบางอย่างที่ถือเป็นฝันร้ายของเหล่าพลพรรค ลิเวอร์พูล ด้วย โดยในจำนวนนั้นมีอันที่ถือว่าเป็นการทาบสถิติเหมือนกัน
- พักครึ่งแบบแทบหมดหวัง
อย่างที่รู้กันดีว่าเกมนี้ ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายตามหลังไปก่อน 3 ลูกตั้งแต่ตอนจบครึ่งแรก ซึ่งนับตั้งแต่ที่ คล็อปป์ เข้ามากุมบังเหียน "หงส์แดง" นั้น นี่นับเป็นเพียงครั้งที่ 4 เท่านั้นที่ยอดทีมแห่งถิ่น แอนฟิลด์ เสียไปอย้างน้อย 3 ประตูภายในช่วง 45 นาทีแรก เพียงแต่เมื่อวันที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา มันถือเป็นครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนั้นในเกมถ้วยยุโรป
สำหรับหนแรกเกิดขึ้นในเกมลีกกับ สเปอร์ส เมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2017 โดยตอนนั้น ลิเวอร์พูล เสียไป 3 ลูกตั้งแต่ครึ่งแรกก่อนจะแพ้ 1-4 ต่อด้วยเกมลีกกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2020 ที่โดนสอยไป 3 ประตูตั้งแต่ 45 นาทีแรกก่อนจะพ่าย 0-4 และเกมลีกกับ แอสตัน วิลล่า ในเดือนตุลาคมของปี 2020 ที่เสียไป 4 ลูก ตอนจบครึ่งแรก ส่งผลให้สุดท้ายต้องแพ้แบบยับเยิน 2-7
- โดนทีม อิตาลี ทำแสบอีกครา
ภายในยุคของ คล็อปป์ มันมีเพียง 2 ทีมเท่านั้นที่เคยยิงใส่ ลิเวอร์พูล ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อย่างน้อย 4 ลูกในเกมเดียว แน่นอน หนึ่งในนั้นคือ นาโปลี จากนัดล่าสุด ขณะที่ทีมแรกก็ไม่ได้อยู่ไกลเลย เพราะพวกเขาคือ อาแอส โรม่า ที่เคยทำอย่างนั้นได้เกมรอบรองชนะเลิศ นัดสอง ช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2018 จากการที่วันนั้น โรม่า ชนะไป 4-2
ยิ่งไปกว่านั้น หากเจาะลึกลงไปอีกก็จะพบว่านับตั้งแต่เริ่มฤดูกาล 2019-20 เป็นต้นมานั้น ลิเวอร์พูล แพ้ในเกมรอบแบ่งกลุ่มของ แชมเปี้ยนส์ ลีก เพียงแค่ 3 นัดเท่านั้น แต่ประเด็นก็คือมันเกิดจากน้ำมือของทีมจากอิตาลีทั้งหมด โดยอีก 2 เกมก็คือวันที่พวกเขาแพ้ นาโปลี 0-2 เมื่อฤดูกาล 2019-20 กับนัดที่พ่าย อตาลันต้า ด้วยสกอร์เดียวกันเมื่อซีซั่น 2020-21
- ไม่ถูกโฉลกกับเนเปิ้ลส์
ในอาชีพการเป็นกุนซือนั้น นี่นับเป็นครั้งที่ 4 ที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้นำทีมของเขามาเจอกับ นาโปลี ที่สนาม ดีเอโก้ อาร์มันโด้ มาราโดน่า หรือในชื่อเดิมคือ ซาน เปาโล แต่เขาก็ต้องออกจากที่แห่งนี้ในฐานะผู้แพ้ทุกครั้ง
หนแรกนั้นเกิดขึ้นตอนเขาพา ดอร์ทมุนด์ มาเยือน นาโปลี ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มซีซั่น 2013-14 โดยตอนนั้น "เสือเหลือง" แพ้ไป 1-2 ตามมาด้วยฤดูกาล 2018-19 ที่ ลิเวอร์พูล ของเขาต้องเป็นฝ่ายปราชัย 0-1 ในรอบแบ่งกลุ่มของศึกชิงถ้วยบิ๊กเอียร์ ส่วนครั้งที่ 3 เป็นเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ซีซั่น 2019-20 ที่ "หงส์แดง" ต้องกลับบ้านพร้อมกับสกอร์ 0-2
- ทาบสถิติ
ความพ่ายแพ้ที่ นาโปลี ทำให้ ลิเวอร์พูล ทาบสถิติการเป็นทีมจากเกาะอังกฤษที่แพ้ในการลงเล่นนัดแรกของเกมระดับ แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยผลต่างที่มากที่สุด โดยก่อนหน้าทีมที่เคยครองบัลลังก์สุดชอกช้ำเพียงผู้เดียวคือ อาร์เซน่อล ชุดที่แพ้ อินเตอร์ มิลาน 0-3 เมื่อฤดูกาล 2003-04
ยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังเป็นการทาบสถิติการแพ้ด้วยผลต่างที่เยอะที่สุดในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ของทาง ลิเวอร์พูล เองเช่นกัน โดยมันเท่ากับตอนที่พวกเขาเคยปราชัยต่อ บาร์เซโลน่า 0-3 ในรอบรองชนะเลิศ นัดแรกของฤดูกาล 2018-19
- ปัญหาของ ฟาน ไดค์ ?
แน่นอน มันไม่ใช่ว่า เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เล่นได้แย่จนสมควรโดนดร็อปยาว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงนี้ผลงานของเขามันตกลงไม่มากก็น้อยหากเทียบกับในฤดูกาลก่อนๆ โดยจากกการลงเล่น 7 นัดหลังสุดนั้น เขาเป็นคนทำให้ทีมเสียลูกจุดโทษมาแล้ว 2 ลูก ทั้งที่เขาเคยลงเล่นให้ทีม 150 นัดติดต่อกันจากทุกรายการแล้วไม่ทำให้ทีมเสียจุดโทษแม้แต่ลูกเดียว
- เด็กเกร็ดบอล -