"เดอะ ค็อป" สุดช็อก หลัง ลิเวอร์พูล เปิดหัวแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อย่างน่าผิดหวัง เมื่อบุกไปพ่ายให้ นาโปลี ด้วยสกอร์ขาดลอยเหลือเชื่อ 1-4 ชนิดที่อัซซูร์ร่านำโด่งครึ่งแรกถึง 3 เม็ด ขณะที่ ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้ เหมาคนเดียวสองเม็ด โดยนัดนี้ อาร์ตูร์ เมโล่ ห้องเครื่องตัวใหม่หงส์แดงได้ประเดิมลงเกมแรก ซึ่งนัดที่สองลูกทีมของ คล็อปป์ จะกลับมาเปิด แอนฟิลด์ พบกับ อาแจ็กซ์ ในวันอังคารหน้า
ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2022-23 รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อวันพุธที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ที่สนาม สตาดิโอ ดีเอโก้ อาร์มานโด้ มาราโดน่า เป็นการแข่งขัน นัดแรกของ กลุ่ม เอ ระหว่าง เจ้าบ้าน นาโปลี พบ ลิเวอร์พูล
ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ เทรนเนอร์ของ "อัซซูร์ร่า" เกมนี้ได้ วิคเตอร์ โอซิมเฮน ฟิตทันลงบู๊ร่วมกับ ควิช่า ควารัตสเคเลีย และ มัตเตโอ โปลิตาโน่ ส่วนทางฝั่งอาคันตุกะอย่าง ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ วางสามแนวรุกอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และหลุยส์ ดิอาซ ส่วนแข้งตัวใหม่อย่าง อาร์ตูร์ เมโล่ ที่ยืมมาจากยูเวนตุส เป็นสำรองเช่นเดียวกับ ดาร์วิน นูนเญซ ขณะที่ ติอาโก้ หายเจ็บกลับมาอยู่บนม้านั่งข้างสนามเช่นกัน
เปิดฉากมาแค่ 40 วินาที "หงส์แดง" เกือบเสียประตูอย่างรวดเร็วหลัง วิคเตอร์ โอซิมเฮน หลุดเดี่ยวเข้าไปแตะหลบ อลีสซง แต่จังหวะยิงมุมแคบดันไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย
จากนั้น นาทีที่ 4 นาโปลีได้ลุ้นอีกหลัง ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้ ซัดด้วยขวาบอลไปติด เจมส์ มิลเนอร์ ออกหลัง ก่อนที่แข้ง อัซซูร่า จะฟ้องผู้ตัดสินว่าไปโดนแขนของ มิลเนอร์ ก่อนเชิ้ตดำเช็กแล้วเป่าเป็นลูกที่จุดโทษทันที เนื่องจาก กัปตันหงส์แดง ทำแฮนด์บอลจริง ก่อนที่ ซีลินสกี้ จะรับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาดให้ นาโปลี ขึ้นนำ ลิเวอร์พูล 1-0 ในนาทีที่ 5
สถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล แย่ลงไปอีก เมื่อมาเสียจุดโทษที่สอง ในนาที 17 หลัง วิคเตอร์ โอซิมเฮน จิ้มบอลไปแล้วก่อนที่ ฟาน ไดค์ จะเข้าช้ามาฟาวล์ล้มลง ผู้ตัดสินทีแรกไม่ว่าอะไร ก่อนมีสัญญาณจากวีเออาร์ วิ่งไปดูข้างสนามแล้วตัดสินใจให้จุดโทษแก่เจ้าถิ่น ทว่าคราว โอซิมเฮน รับหน้าที่ยิงเองแต่ยิงไม่ดีไปติดเซฟ อลีสซง เซฟช่วย "หงส์แดง" ไม่ให้เสียเม็ดที่สอง
นาที 22 ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นจากฟรีคิกทางด้านซ้าย เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ลองซัดระยะไกลบอลพุ่งไปติดปลายมือ เมเร็ต นายด่านเจ้าถิ่นเฉียดคานออกไปนิดเดียว
นาที 27 โจ โกเมซ เข้าบอลพรวดพลาดก่อนที่ วิคเตอร์ โอซิมเฮน จะฉกบอลเข้าไปในกรอบแล้วไหลนิ่มๆให้ ควารัตสเคเลีย ยิงโล่งๆ แต่ยังไปติด ฟาน ไดค์ ที่วิ่งมาสกัดบอลเส้นอย่างหวุดหวิดช่วยให้ หงส์แดง ไม่เสียประตู
จนแล้วจนรอด แนวรับของ ลิเวอร์พูล เล่นกันพลาดอีก สุดท้ายโดนลงโทษ ในนาที 31 ฟร้องค์ ซัมโบ้ อองกิสซ่า ชิ่งกับ ซีลินสกี้ ก่อนดาวเตะเลือดแคเมอรูนจะหลุดเข้าไปซัดผ่านตัว อลีสซง เข้าไปอย่างเฉียบขาดให้ นาโปลี นำห่าง 2-0
นาที 34 หงส์แดง ได้ลุ้นบ้างหลัง เทรนท์ เปิดบอลมาให้ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ โขกบอลกดพื้นแต่ยังไม่ผ่านมือ อเล็กซ์ เมเร็ต เซฟออกไปหวุดหวิด
นาที 41 วิคเตอร์ โอซิมเฮน เล่นต่อไม่ไหวต้องส่ง โจวานนี่ ซิเมโอเน่ ลงมาเล่นแทน
นาที 44 แนวรับหงส์แดงเล่นกันเปื่อยยุ่ยไปกันใหญ่หลังมาเสียเม็ดที่สาม จากจังหวะที่ ควารัตสเคเลีย ขึ้นมาทางขวา เทรนต์ เอาไม่อยู่ก่อนจะหลุดเข้าไปไหลนิ่มให้ ซิเมโอเน่ ยิงเข้าไปโล่งๆ ให้ นาโปลี นำโด่ง 3-0 ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง คล็อปป์ เปลี่ยนเอา โฌเอล มาติป ลงไปเล่นแทน โจ โกเมซ
นาที 47 หงส์ได้ประตูคืนมาบ้างหลัง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดเตะมุมมาให้ มาติป ขึ้นโขกแต่ยังไม่ผ่านมือ อเล็กซ์ เมเร็ต
และไม่ถึงนาทีถัดมา ลิเวอร์พูล มาเสียเม็ดที่ 4 จากจังหวะที่ ซิเมโอเน่ แทงบอลให้ ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้ หลุดเข้าไปซัดติดเซฟของ อลีสซง ทว่าบอลยังไม่ห่างตัว ซีลินสกี้ ตามซ้ำเข้าไปให้ นาโปลี นำโด่ง 4-0
นาที 49 ลิเวอร์พูล มาพังประตูตีไข่แตกสำเร็จ หลัง โรเบิร์ตสัน ไหลต่อให้ หลุยส์ ดิอาซ ลากจี้เข้ากรอบเขตโทษก่อนจะปั่นด้วยขวานอกกรอบบอลพุ่งหนีมือ อเล็กซ์ เมเร็ต โค้งเบียดเสาเข้าไปอย่างสวยงามให้ "หงส์แดง" ไล่มา 1-4
นาที 61 ลูกทีมของ คล็อปป์ บุกอย่างหนัก และเกือบได้ลุ้นเม็ดที่สองไล่มา หลัง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ครอสมาให้ หลุยส์ ดิอาซ โฉบมาโขกเต็มหัวบอลพุ่งเข้ากลางประตูแต่ยังไปติดมือ เมเร็ต ปัดออกหลัง
นาที 63 คล็อปป์ เทหมดหน้าตัก เปลี่ยนสามคนรวด ส่ง ดาร์วิน นูนเญซ, ติอาโก้ อัลกันตาร่า และดีโอโก้ โชต้า ลงเล่นแทน ฟีร์มีโน่, มิลเนอร์ และโม ซาลาห์
นาโปลี เริ่มดึงเกมช้าลงแม้ว่า หงส์แดง จะมีโอกาสรุกขึ้นมาแต่ยังหาจังหวะจบสกอร์จะจะไม่ได้
นาที 77 "หงส์แดง" เปลี่ยนคนสุดท้ายส่ง อาร์ตูร์ เมโล่ ห้องเครื่องตัวใหม่ลงประเดิมเกมแรก โดยส่งไปแทน ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม นาโปลี ไล่ถลุง ลิเวอร์พูล ยับเยิน 4-1 คว้าสามแต้มประเดิม
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
นาโปลี (4-2-3-1) : อเล็กซ์ เมเร็ต - โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ (กัปตันทีม), คิม มิน-แจ, อาเมียร์ ราห์มานี่, มาธีอัส โอลิเวร่า (มาริโอ รุย น.74) - อองเดร-ฟร้องค์ ซัมโบ้ อองกิสซ่า, สตานิสลาฟ โลบอตก้า - มัตเตโอ โปลิตาโน่ (เออร์วิง โลซาโน่ น.58), ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้ (เอลยิฟ เอลมาส น.74), ควิช่า ควารัตสเคเลีย (อเลสซิโอ เซอร์บิน น.57) - วิคเตอร์ โอซิมเฮน (โจวานนี่ ซิเมโอเน่ น.41)
เทรนเนอร์ : ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ (โฌเอล มาติป น.46), เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ (อาร์ตูร์ น.77), ฟาบินโญ่, เจมส์ มิลเนอร์ (กัปตันทีม) (ติอาโก้ อัลกันตาร่า น.63) - โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ดีโอโก้ โชต้า น.63), โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ (ดาร์วิน นูนเญซ น.63), หลุยส์ ดิอาซ
เทรนเนอร์ : เจอร์เก้น คล็อปป์