แพ้ทีมที่ดีกว่า

แพ้ทีมที่ดีกว่า
ลิเวอร์พูลไม่เคยตกรอบเลยตลอด 39 ครั้งที่บุกไปชนะคู่ต่อสู้ในเกมแรกของฟุตบอลสโมสรยุโรป 39 ครั้ง เข้ารอบ 100% นี่คือครั้งแรก..

ทุกอย่างต้องมีครั้งแรก และว่ากันแบบแฟร์ ๆ มันก็เป็นครั้งแรกที่ต้องปรบมือให้คู่ต่อสู้

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทำได้ดีกว่าจริง ๆ ในการดวลถึงฎีกาคราวนี้ เกมแรกเล่นดีกว่ามากแต่แพ้ เกมที่สองไม่ได้พับสนามบุกแทบจะข้างเดียวเหมือนเกมแรก แต่ก็ไม่เป็นรองหงส์แดงเลย ทั้งยังเป็นฝ่ายพลิกสถานการณ์กลับมาตีเสมอในประตูรวมได้

210 นาทีของการแข่งขัน 2 นัดเหย้า-เยือน เปแอสเชดีกว่า โอกาสยิงมากกว่า และค่าคำนวนการได้ประตู (xG) ก็ยังมากกว่าทั้ง 2 นัด (0.27 ประตู ต่อ 1.88 ประตูในเกมแรก และ 1.64 ประตู ต่อ 2.56 ประตู ในเกมที่สอง)

น่าชื่นชมในผลงานของลูกทีม หลุยส์ เอนริเก้ นะครับ การพกผลงานแพ้คาบ้านมาเยือนแอนฟิลด์ในนัดที่สองนั้น โดยสถิติก็บอกอยู่แล้วว่าคุณตกรอบไปแล้วเกือบจะทั้งตัว

แต่พวกเขามั่นใจว่าตัวเองก็มีดีไม่แพ้จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ยิ่งผ่านเกมแรกที่แพ้แบบคาใจมาก็ยิ่งมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เป็นรอง

หลายคนดูถูกเปแอสเช ประเมินค่าพวกเขาต่ำเกินไป บางคนบอกว่าถ้าดีจริงคงไม่ต้องดิ้นรนแทบแย่ในรอบฟุตบอลลีกเพื่อเข้ารอบหรอก บางคนบอกว่าเล่นในมาตรฐานอย่างลีกเอิงอย่าไปให้ค่าอะไรเลย.. แต่ถ้าได้เห็นการเล่นของพวกเขาจริง ๆ ได้ดูฟอร์มของพวกเขาจริง ๆ ทั้งในลีกและยุโรปตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาคงไม่รู้สึกอย่างนั้นแน่

เพราะเปแอสเชกำลังอยู่ในช่วงที่เล่นได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ สมดุล หนักแน่น ขุมกำลังดี กองกลางโดดเด่น เกมรุกหวือหวาจัดจ้าน โค้ชก็ยังถือเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งของวงการ

ก่อนเตะกับลิเวอร์พูลที่ ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ สัปดาห์ที่แล้ว อุสมาน เดมเบเล่และพรรคพวกปารีเซียงชนะมา 10 เกมติดต่อกันทุกรายการ.. ชนะ 19 จาก 20 เกมที่ลงเล่นโดยไม่แพ้ใคร ยิง 7 ประตูในเกมเดียว 2 ครั้ง ยิง 5 ประตูในเกมเดียว 1 ครั้ง ยิง 4 ประตูในเกมเดียวอีก 6 ครั้ง

ก่อนมาเยือนลิเวอร์พูลเมื่อคืนวันอังคาร พวกเขาก็เพิ่งแก้ตัวจากที่แพ้เด็ก ๆ ของ อาร์เน่อ ด้วยการบุกไปถลุง แรนส์ ด้วยตัวสำรองเกือบยกแผง 4-1 เป็นการยิง 4 ประตูขึ้นไปครั้งที่ 10 ในการลงเล่น 21 นัด

จะเป็นทีมในฝรั่งเศสหรือนอกฝรั่งเศสก็โดนหมด สตุ๊ตการ์ทโดนไป 3 แมนฯ ซิตี้เจอไป 4 แบรสต์เพื่อนร่วมชาติเจอไป 2 เกมรวมกัน 10 ลูก

ทั้ง อาร์เน่อ และ หลุยส์ เอนริเก้ จัดตัวผู้เล่นชุดเดิมจากนัดแรกที่ ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ ทุกตำแหน่ง เรียกว่าพร้อมรบกันเต็มที่ด้วยขุมกำลังที่ดีที่สุด

สิบนาทีเกมเป็นของลิเวอร์พูลที่เปิดฉากลุยบีบกดดันแดนบนหนักหน่วงจน เปแอสเช ตั้งเกมไม่ได้ บอลอยู่ในความครอบครองของเจ้าถิ่นตลอด

แต่จังหวะสุดท้ายในวันนี้เหมือนจะขาดความมั่นใจไป อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เกี่ยวบอลหลุดเข้าเขตโทษแต่ไม่ยิง หรือในครึ่งหลังได้จังหวะโต้กลับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไหลให้ หลุยส์ ดิอาซ ดาวเตะโคลอมเบียก็ลังเลเล็กน้อยจนเสียโอกาส

การดวลกันระหว่าง ซาลาห์ กับ นูโน่ เมนเดส เป็นอีกจุดที่น่าสนใจ เกมแรกซาลาห์ไม่ผ่านแบ๊กซ้ายทีมชาติโปรตุเกสเลย และไม่เพียงซาลาห์เท่านั้น ในเกมแรกที่ปารีสไม่มีนักเตะลิเวอร์พูลคนไหนเลี้ยงบอลผ่านเมนเดสได้เลย

เกมนี้เล่นกันไปแค่ 6 นาที เมนเดสก็เข้าพรวดถูกซาลาห์แตะหลบกระชากเข้าเขตโทษ

เริ่มต้นวืดวาดอย่างนี้ในการดวลกับหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของวงการยามนี้และท่ามกลางเสียงเชียร์กดดันในแอนฟิลด์ย่อมเป็นโจทย์ที่โหดหินสำหรับนักเตะที่อายุเพียง 22 ปี หลายครั้งกระทั่งนักเตะที่มีประสบการณ์มากกว่านี้ยังพังมาแล้ว

แต่กลับกลายเป็นว่าหลังจากนั้น เมนเดส ไม่พลาดให้ซาลาห์หรือใครอีกเลยตลอดทั้งเกม

เข้าปะทะ แย่งบอล บล็อกสกัดลูกยิง ดวลกลางอากาศ สู้กันตัวต่อตัว หรือเติมเกมบุก แบ๊กซ้ายรายนี้ทำได้สมบูรณ์แบบมาก

การบีบแดนบนที่เข้มข้นของลิเวอร์พูลทำได้ดีตลอด 10 นาทีแรก การดักเก็บบอลจังหวะสองไม่มีผิดพลาด แต่พอเพรสซิ่งหลวมครั้งเดียวก็ถูกเปแอสเชลงโทษเลย

เพียงนาทีที่ 12 การเตะทิ้งแบบเอาตัวรอดของเมนเดสกลายเป็นส่งบอลไหลไปสู่พื้นที่กลางสนามที่ตลอด 10 นาทีของเกมจะต้องมีนักเตะชุดสีแดงรอดักเก็บบอลไปบุกต่อ แต่คราวนี้พื้นที่โล่งว่างและคนที่ลงมาเก็บบอลไปเล่นกลายเป็นเดมเบเล่ เริ่มจังหวะโต้กลับ

บอลจากเดมเบเล่ไปถึง แบร๊ดลี่ย์ บาร์กโกล่า ได้พาบอลไปเปิดจากฝั่งขวาเข้ามาหน้าประตู อิบราฮิมา โกนาเต้ เลือกสไลด์ตัวแค่เอาเท้าขวางทางบอล ไม่ได้วาดขาออกแรงดีดส่งลูกบอลไปให้พ้นไกลกว่านี้ จึงกลายเป็นการตั้งบอลให้เดมเบเล่ยิงโล่ง ๆ เข้าไป

บุกทีแรก ก็ได้ประตูเลยสำหรับเปแอสเช.. ทีใครทีมัน

หลังจากนั้นความมั่นใจของเปแอสเชก็ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับเกมของตัวเอง โดยรวมยังเป็นรองเจ้าถิ่นอยู่นิด ๆ แต่ไม่มากเหมือนช่วง 10 นาทีแรกแล้ว และมีจังหวะรุมแย่งบอลสวย ๆ ได้หลายครั้ง แม้ตัวเองจะผ่านบอลไม่เข้าเป้ามากกว่านัดก่อนก็ตาม

ลิเวอร์พูลทำได้ดีหลายครั้งจากลูกนิ่งทั้งเตะมุมและฟรีคิก แม้จะไม่ได้ประตูแต่ก็มีจังหวะได้ลุ้นเป็นระยะอย่างการโหม่งของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และลูกยิงเสาสองของซาลาห์ที่ไปติด ควิชา ควารัตสเคเลีย รวมทั้งช่วงกำลังจะเข้า 10 นาทีสุดท้ายที่ จาเรลล์ ควอนซาห์ โหม่งลูกฟรีคิกไปชนเสา

สิบห้านาทีสุดท้ายของเวลาปกติเปแอสเชดูเกร็งและไม่กล้าบุก สกอร์ 1-0 ที่นำเจ้าถิ่นอยู่และประตูรวมที่กลับมาเสมอ 1-1 ทำให้นักเตะทีมเยือนพะวักพะวนกลัวพลาดอยู่เหมือนกัน ลิเวอร์พูลทำได้ดีกว่าแต่ก็ไม่มีจังหวะชัดแจ้งอะไร

ทว่าในช่วงต่อเวลาพิเศษโดยเฉพาะครึ่งหลังกลับเป็น เปแอสเช ที่รวบรวมสมาธิได้ดีเป็นฝ่ายครองบอลบุกเข้าหา ทำเอาเดอะค็อปลุ้นกัดเล็บกันเป็นแถว เบรัลโด้กองหลังตัวสำรองโหม่งออก เดซิเร่ ดูเอ้ ปีกตัวสำรองตวัดยิงหลุดเสาแค่ 1-2 นิ้ว ขณะที่ อลีสซง เบ็คเกอร์ ก็ยังต้องออกแรงป้องกันโอกาสทำประตูของเดมเบเล่

ถ้าเราเป็นกองเชียร์เปแอสเชคงประทับใจกับผลงานทั้ง 2 เกมที่นักเตะแสดงให้เห็น เกมแรกเล่นดีกว่าแต่แพ้ เกมที่สองก็ไม่เป็นรองแถมยังทำประตูที่ต้องการได้ และสรุปจบด้วยรอยยิ้มจากการดวลจุดโทษชนะอีกต่างหาก

จานลุยจิ ดอนนารุมม่า คือหนึ่งในผู้รักษาประตูที่มีสถิติการป้องกันจุดโทษดีมาก ตัวสูงใหญ่ ยืนขู่กดดันยังอ่านใจคนยิงได้ดี ไม่แปลกที่ลูกยิงของ ดาร์วิน นูนเยซ กับ เคอร์ติส โจนส์ จะถูกอดีตนายประตูเอซี มิลาน ป้องกันได้

เปแอสเชน็อกลิเวอร์พูลถึงแอนฟิลด์ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปล่าความฝันที่จะเป็นแชมป์ยุโรปสมัยแรก.. ถ้ายังรักษาผลงานการเล่นไว้ได้อย่างนี้ไปตลอดทาง โอกาสเป็นไปได้ก็มีเพิ่มขึ้นมาก

เห็นพวกเขาเล่นมาหลายเกมแล้วรู้สึกว่าน่าติดตามจริง ๆ ว่าจะกรุยทางไปถึงมิวนิคได้หรือเปล่า หรือว่าหากไปถึงที่นั่นได้จริงผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไร

ขณะที่ลิเวอร์พูลแพ้เกมนี้ไม่มีอะไรต้องเสียใจ เกมแรกอาจสู้ไม่ได้แต่เกมที่สองถือว่า อาร์เน่อ เตรียมการมารับมือได้ดี สู้ได้สนุก แม้สุดท้ายจะเป็นฝ่ายปราชัยก็ตาม

เป็นการพ่ายต่อทีมที่ดีกว่าในการเล่นรวม 2 นัด ยังไม่ดีพอที่จะเข้ารอบ

หงส์แดงมีดีก็จริง แต่ต้องไม่ลืมว่าทีมอื่นเขาก็มีดีเหมือนกัน

หลังจากนี้ไม่มีอะไรมาก สลัดความผิดหวังออกไปให้เร็ว แล้วเดินหน้าต่อกับอีก 2 รายการที่เหลือ

เริ่มจากลีก คัพ วันอาทิตย์นี้ แล้วจากนั้นก็ใส่เกียร์เดินหน้าเต็มที่กับแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 ที่รอคอยมา 5 ปี..

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty image
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport