แมนซิตี้ พบ เรอัล มาดริด ! 5 ข้อราชันฆ่าไม่ตาย-ฮาลันด์ นอนตาไม่หลับ

แมนซิตี้ พบ เรอัล มาดริด ! 5 ข้อราชันฆ่าไม่ตาย-ฮาลันด์ นอนตาไม่หลับ
สมศักดิ์ศรีแชมป์ 15 สมัยอย่างแท้จริงเมื่อ เรอัล มาดริด บุกมาพลิกสถานการณ์แซงชนะ แมนซิตี้ ได้ก่อนแบบสุดมัน 3-2 ในเกมแรกของศึก แชมเปี้ยนส์ลีก รอบเพลย์ออฟที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม ในการฟาดแข้งเมื่อวันอังคารที่ 11 ก.พ.โดยเกมนี้เจ้าบ้านออกนำก่อนถึงสองหน แต่สุดท้าย เรือใบสีฟ้า ล่มคารังตัวเองในช่วงทดเวลา และต้องบุกไปแก้มือในรังของแชมป์เก่ากลางสัปดาห์หน้าโดยพวกเขาต้องเดินเกมรุกสถานเดียว

1. เรือใบปรับทัพ8ราย


แมนฯ ซิตี้ เปลี่ยนโผผู้เล่นตัวจริงแปดรายจากเกม เอฟเอคัพ รอบสี่นัดบุกไปยิงประตูแซงชนะ เลย์ตัน โอเรี้ยนท์ 2-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ดร็อป นีโก กอนซาเลซ ตามคาดหลังกองกลางตัวใหม่เดี้ยงตั้งแต่เกมประเดิมสนามจนต้องเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่กลางครึ่งแรก แต่เขาฟิตมากพอที่จะมีชื่อนั่งอยู่ในซุ้ม

ด้าน เอแดร์ซอน ได้กลับมาเฝ้าประตู ขณะที่ แจ็ค กรีลิช ยึดตำแหน่งในทีมตัวจริงได้ต่ออีกนัด ขณะที่ จอห์น สโตนส์ ส่อเค้าได้ทำหน้าที่เป็นหมายเลขหกเนื่องจาก มาเตโอ โควาซิช ตกเป็นตัวสำรอง

2. แชมป์เก่าขาดกองหลังบาน


คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือทีม เรอัล มาดริด ประสบกับปัญหาขาดนักเตะในแผงหลังที่ล้มเจ็บระนาว และต้องใช้งานผู้เล่นในตำแหน่งอื่นเล่นเกมรับ

แชมป์เก่าจัดทัพโดยปรับให้ เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ กองกลางทีมชาติ อุรุกวัย ทำหน้าที่เป็นฟูลแบ็คเนื่องจาก ลูกัส บาซเกซ แบ็คขวาเจ็บไปอีกรายจากเกมลีกนัดเฝ้าบ้านเสมอกับ แอตเลติโก มาดริด 1-1

อย่างไรก็ดี ทีมเยือนอัดแน่นไปด้วยตัวรุกระดับพระกาฬทั้ง จู๊ด เบลลิ่งแฮม , โรดรีโก้ , วินิซิอุส จูเนียร์ และ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ที่ได้ลงสนามอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา 

รวมแล้วแชมป์ ลา ลีกา ปรับทัพสองรายจากเกมฉะกับทีมตราหมีโดย เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า กับ แฟร์กล็อง เมนดี้ ได้ลงสนามแทน บาซเกซ และ ฟราน การ์เซีย 

3.  ฮาลันด์ นอนตา(ไม่)หลับ


ในที่สุด เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ดาวซัลโวของ แมนฯ ซิตี้ ก็สมหวังจนได้เมื่อเขาสอยตาข่าย เรอัล มาดริด เป็นเม็ดแรกได้ซะทีหลังเคยบู๊กับ ราชันชุดขาว ก่อนหน้านี้สี่นัด และไม่สามารถคลำเป้าทีมดังของลีกกระทิงดุได้เลย

อันที่จริง ราชันชุดขาว เริ่มเกมได้ดีกว่าด้วยซ้ำแม้จะเป็นทีมเยือน และเกือบได้ประตูจากจังหวะหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษของ วินิซิอุส ที่โดน เอแดร์ซอน สกัดล้ม แต่ชัดเจนว่ากองหน้าแซมบ้าล้ำหน้า

นับจากนั้น เรือใบสีฟ้า ก็เหมือนโดนปลุกให้ตื่น และในที่สุดโมเมนต์สำคัญของพวกเขาก็อุบัติขึ้นในนาทีที่ 19 ซึ่งส่งผลให้เจ้าบ้านนำ 1-0 จากจังหวะสับไกของ ฮาลันด์ ซึ่งมีการเช็กวีเออาร์อยู่นาน แต่ในที่สุดก็มีการยืนยันว่าหัวหอกร่างยักษ์ไม่ล้ำหน้า

ด้วยเหตุนี้ ฮาลันด์ จึงพังประตู เรอัล มาดริด ได้เป็นเม็ดแรกหลังดวลกับคู่ปรับรายนี้เป็นเกมที่ห้า และเช็กบิลได้จากจังหวะสับไกหนที่ 14 ของเขาในการต่อกรกับ ราชันชุดขาว นับตั้งแต่เกมแรก

รวมถึงตอนนี้ สตาร์ผมสลวยพรีเซนเตอร์แชมพูดังพังประตูในรายการนี้ได้เป็นลูกที่ 48 แล้ว และมากกว่ากองหน้าทุกรายที่ลงเล่นรายการนี้ 48 นัดแรกเหนือกว่า รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่สอยตาข่ายได้ 42 ประตูจากจำนวนเกมที่เท่ากัน

กระทั่งเข้าครึ่งหลัง สตาร์วัย 24 ปีมาซัดลูกโทษให้ทีมแซงนำ 2-1 อีกหน และเป็นประตูที่ 49 ของเขาในรายการนี้ แต่เอาเข้าจริงเจ้าตัวก็ต้องอกหักดังเป๊าะเนื่องจาก เรอัล มาดริด งัดทีเด็ดออกมาให้เห็นอีกจนได้ด้วยการแซงหน้าคว้าชัยไปอย่างเหลือเชื่อ 3-2

4. ประธานเป้สุดฮอต


หลังมีสกอร์นำ 1-0 ดูเหมือน กวาร์ดิโอล่า จะกำชับนักเตะให้เล่นแบบดึงเกมในครึ่งหลังหวังรักษาสกอร์ และสุดท้ายก็พลาดท่าให้กับทีมเยือนจนได้จากการซัลโวของ เอ็มบัปเป้ ในนาทีที่ 60

แม้ช่วงแรกที่ย้ายมาจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ดาวยิงเฟรนช์แมนจะมีฟอร์มย่ำแย่จนดูเหมือนว่าน่าจะเป็นการเซ็นสัญญาที่ล้มเหลว แต่ถึงตอนนี้ประธานเป้กลับมาเข้าฝักอย่างเต็มตัวแล้วจากการยิงประตูให้ ราชันชุดชาว อย่างต่อเนื่องในหลายเกมหลัง 

รวมเกมนี้ เอ็มบัปเป้ กระทุ้งประตู แมนฯ ซิตี้ เป็นเม็ดที่สี่แล้วในเกมหูใหญ่จากการดวลกันเป็นนัดที่หกโดยเขามีส่วนร่วมกับห้าประตูเนื่องจากมีผลงานหนึ่งแอสซิสต์

5. จู๊ด เดอะ ฮีโร่


แม้เกมทำท่าว่าจะเสมอกัน 2-2 โดยทีม เรอัล มาดริด น่าจะพอใจแล้วหลัง บราฮิม ดิอาซ ลุกจากม้านั่งข้างสนามไปได้แค่พักเดียว และซัดประตูตีเสมอให้ทีมเยือนได้ทันควันในช่วงสี่นาทีสุดท้าย

อย่างไรก็ดี ราชันชุดขาว สร้างความช็อกให้กับสาวก แมนฯ ซิตี้ อย่างจังในช่วงทดเวลาโดย เบลลิ่งแฮม สวมบทฮีโร่กดประตูชัยให้ทีมเยือนได้เริงร่าจากสกอร์ชนะ 3-2 สร้างความได้เปรียบมากขึ้นไปอีกก่อนกลับไปเล่นเกมหน้าที่ เบร์นาเบว

ขณะเดียวกัน ดาวเตะทีมชาติ อังกฤษ ได้ฉลองชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ในเกมที่ 43 ของตัวเองกับการลงสนามในถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยโดยเขาถือเป็นนักเตะเลือดผู้ดีที่สร้างสถิติลงเล่นรายการนี้ให้ทีมนอกแผ่นดินเกิดมากที่สุดเท่ากับ สตีฟ แม็คมานามาน อดีตปีกทีมชาติ อังกฤษ ในจำนวนเกมที่เท่ากันเป๊ะ

หลังเจ๊งชัยอย่างไม่น่าเชื่อ แมนฯ ซิตี้ แพ้คารังในรายการนี้เป็นครั้งแรกหากพวกเขานำหน้าก่อนหลังจบครึ่งแรกนับตั้งแต่เกมแพ้ ลิเวอร์พูล ในวันที่ 10 เม.ย.2018 หลังไม่แพ้มานาน 18 นัด

เท่านั้นไม่พอ ทีมของ กวาร์ดิโอล่า มีปัญหาในการรักษาสกอร์อย่างชัดเจนเนื่องจากพวกเขาเสียประตูในช่วง 15 นาทีสุดท้ายของศึก แชมเปี้ยนส์ลีก ซั่นนี้เป็นลูกที่ 7 แล้ว

ขณะเดียวกัน เกมรับของ แมนฯ ซิตี้ ในซีซั่นนี้ย่ำแย่เกินทนเนื่องจากพวกเขาโดนสอยตาข่ายในทุกรายการ 57 ประตูเข้าไปแล้วจาก 38 นัดมากกว่าซีซั่นก่อนสามเม็ดจากการลงเล่น 59 นัด

นับเฉพาะยุคของกุนซือสแปนิช เรือใบสีฟ้า เคยเสียประตูมากกว่านี้แค่หนเดียวเท่านั้นในซีซั่น 2016/17 (60 ประตู)


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport