ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฟอร์แมตใหม่ จบการแข่งขันในรอบลีกเฟสไปเรียบร้อยแล้ว โดยนัดสุดท้าย นัดที่ 8 แข่งพร้อมกันในคืนวันพุธที่ 29 ม.ค.
สำหรับทีมตัวแทนจาก สเปน ปีนี้เข้าร่วม 4 ทีม ปรากฏว่ายังอยู่ในเส้นทาง 3 และหลถุดวงโคจรไป 1 นั่นก็คือ จีโรน่า ซึ่งได้อันดับ 33 จาก 36 ทีม เก็บได้ 3 แต้มจาก 8 นัด
จริงอยู่การตกรอบเป็นเรื่องน่าผิดหวัง แต่ถ้าย้อนดูเส้นทางที่ผ่านมาของ จีโรน่า แล้ว แฟนๆทุกคนสมควรภาคภูมิใจกับทีม ซึ่งส่วนใหญ่ก็รู้สึกเช่นนั้น เห็นได้ชัดจากเกมนัดสุดท้ายกับ อาร์เซน่อล ที่ มอนติลิบิ ทุกคนเอนจอยไปกับช่วงเวลาที่ว่ากันว่ามันคือประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของสโมสร ที่ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีจะได้กลับไปสัมผัสอีก
เช่นนี้ ถึงจะส่งท้ายด้วยความพ่ายแพ้อีกเกม แต่ใครจะไปแคร์ล่ะ มาได้ไกลขนาดนี้ ก็ถือเป็นกำไรของ 'จีโรนิสเตส' ทุกๆคนแล้ว
ส่วน 3 ทีมที่ยังอยู่ในวงโคจรก็เป็นไปตามคาด บาร์ซ่า ของ ฮันซี่ ฟลิค คว้าอันดับ 2 ของลีก เก็บ 18 แต้ม โดยนัดสุดท้ายเสมอกับ อตาลันต้า 2-2 ซึ่งแฟนๆก็บ่นอุบเรื่องเกมรับ ซึ่ง ฟลิค เองก็รู้ดี ให้สัมภาษณ์ว่า ยังมีเรื่องที่ต้องปรับปรุงทำงานกันต่อไป
กระนั้นการคว้าอันดับ 2 นั้นคือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของสโมสรแล้ว
ด้านเส้นทางของ อาซูลกราน่า นั้น การจบ 8 อันดับแรก ทำให้พวกเขาจะเข้าไปรอเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายทันที ซึ่งตามเส้นสายลายแทงแล้ว มีโอกาสเจอกับ แบรสต์,โมนาโก,เปแอสเช หรือ เบนฟิก้า
3 ทีมแรกมาจากฝรั่งเศส อีก 1 มาจากลีกโปรตุกีสซึ่ง บาร์ซ่า เคยปะทะมาหมาดๆในเกมนัดที่ 7 ของรอบลีกเฟส ผลปรากฏว่าชนะแบบสุดมันส์ 5-4
กับ แบรสต์ และ โมนาโก นั้น บาร์ซ่า ก็เจอมาแล้ว โดยชนะ แบรสต์ 3-0 ในเกมที่ มอนจูอิกต์ และแพ้ โมนาโก 1-2 ในเกมออกสตาร์ทที่ สต๊าด หลุยส์ เดอ
มีเพียง เปแอสเช ที่ยังไม่เคยเจอกัน กระนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มักคุ้น แถมกุนซือคนปัจจุบัน หลุยส์ เอ็นรีเก้ ของยักษ์ใหญ่ปารีเซียงก็เคยคุม บาร์ซ่า จนประสบความสำเร็จเป็นทริบเบิ้ลแชมป์มาก่อน
ว่ากันตามศักยภาพทีม ขุมกำลังแล้ว คงต้องยกให้ เปแอสเช เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่ บาร์ซ่า จะเจอได้ แต่ทุกอย่างอาจจะพลิกผันได้ ขึ้นอยู่กับผลการจับสลาก และผลงานการเล่นในรอบ เพลย์ ออฟ
โดยรวม บาร์ซ่า ถือว่ามีผลงานที่กระเตื้องขึ้นอย่างมาก หลังไม่ประสบความสำเร็จในรายการนี้มาเป็นเวลาหลายปี แชมป์หนสุดท้ายก็ปี 2015 ที่ เอ็นรีเก้ คุมนั่นเอง
มองเส้นทาง บาร์ซ่า ยังไงน่ะเหรอครับ ส่วนตัวผมว่าทีมชุดนี้พัฒนาขึ้นมากในแง่ของทีมเวิร์ค ความเข้าใจในเกม ระบบทีม ศักยภาพตัวผู้เล่นก็ดีกว่าหลายชุดที่ผ่านมา เมื่อบวกประสบการณ์ของเทรนเนอร์อย่าง ฟลิค ที่เคยเป็นแชมป์กับ บาเยิร์น มิวนิค มาแล้ว มองว่า บาร์ซ่า น่าจะไปได้อย่างน้อยๆก็คือ 8 ทีมสุดท้ายครับ
ถัดมากับ แอต.มาดริด ของ โชโล่ ซิเมโอโน่ การคว้าอันดับที่ 5 มาครองได้ ผมว่าเป็นความสำเร็จที่น่าชื่นชมแล้ว ต้องไม่ลืมว่าทีมชุดนี้ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงพอสมควรในช่วงซัมเมอร์
มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาหลายต่อหลายคน แต่สุดท้ายก็ปรับจูนจนลงตัว ซึ่งการเล่นในรายการใหญ่อย่าง ชปล. แล้วทำได้เช่นนี้ ต้องให้เครดิตกับ โชโล่ และลูกทีมอย่างมาก
สำหรับเส้นทางในรอบ 16 ทีมนั้น แฟนๆ แอต.มาดริด หลายคนบ่นกันอุบเลย เพราะมีโอกาสจะเจอกับทีมอย่าง เซลติก,แมนฯซิตี้,เรอัล มาดริด และ บาเยิร์น มิวนิค
ฟังชื่อคู่แข่งในอนาคตแล้ว สาวกตราหมีบอกจิ้ม เซลติก เลยไม่ได้หรือ (ฮา)
ครับ ก็คงทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่ทำใจ เช่นที่ โชโล่ บอกเอาไว้ว่าการเล่นในรายการนี้ คุณจะมองเป็นสถานการณ์อื่นไปไม่ได้นอกเสียจากว่าจะต้องเจอกับคู่ต่อสู่ที่แข็งแกร่งในทุกๆเกม
ตราหมี มีโอกาสมากแค่ไหนใน ชปล. ?
ไม่มีใครรู้ว่าแต่ละเกมจะเล่นออกมายังไง จะเจอเกมแบบไหนจากคู่ต่อสู้ นี่แหละคือฟุตบอล และ แอตเลติโก เองก็เป็นทีมที่ยากต่อการคาดเดาด้วยเช่นกัน
ดังนั้นแล้ว ทีมที่ดูเหมือนจะไม่ได้หวือหวาร้อนแรงอะไรอย่าง ตราหมี ที่ปีนี้มีนักเตะอย่าง ฮูเลี่ยน อัลวาเรส กับ ซอร์ลอท เข้ามาเสริมเกมรุกบวกกับ กริซมันน์ ที่กลับมาท็อปฟอร์ม ก็อาจจะไปได้ไกลกว่าที่หลายๆคนคิดก็ได้
อย่างไรก็ตาม ด้วยคุณภาพ และประสบการณ์ของ โชโล่ มันจะไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์แน่ ไม่ว่าพวกเขาจะไปถึงรอบไหนในปีนี้
มาถึง เรอัล มาดริด ที่สุดท้ายก็ต้องเล่นในรอบ เพลย์ ออฟ จนได้ หลังจบแค่อันดับที่ 11 ซึ่งคู่ต่อสู้นั้นจะเป็น แมนฯซิตี้ หรือไม่ก็ เซลติก
ตรงนี้มีผลอย่างมาก หากเป็น เซลติก คงเจองานที่ยากน้อยกว่า แต่ถ้าเป็น ซิตี้ ก็อย่างที่ คาร์เล็ตโต้ ให้สัมภาษณ์ไว้ มันจะเป็นอะไรที่ยุ่งยากแน่นอน
แต่ด้วยศักยภาพของนักเตะในทีมที่แต่ละคนล้วนอยู่ในระดับเวิร์ดคลาส ไม่ว่าจะยังไง มาดริด ก็ยังคงน่ากลัววันยังค่ำ หรือต่อให้ฟอร์มก่อนหน้าจะลุ่มๆดอนๆ เเต่เมื่อใดที่เพลงธีมแชมเปี้ยนส์ลีก ดังขึ้น ทีมโลส บลังโกส จะเหมือนมีพลังพิเศษขึ้นมาทันที
หลายๆครั้ง เล่นไม่ดี แต่ก็ยังชนะได้ หลายๆเกมควรเสร็จไปแล้ว แต่ดันพลิกชนะได้หน้าตาเฉย
ต่างๆเหล่านี้ หากเกิดขึ้นแค่บางครั้งคงเรียกได้ว่าบังเอิญ หรือ ปาฏิหารย์ แต่กับ มาดริด มันเกิดขึ้นบ่อย ซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งทีมแบบนี้นี่เองที่ไม่ว่าจะกี่ปี ก็จะยังเป็นเต็งแชมป์เสมอ
ต่อให้ต้องเพลย์ ออฟ ใช่ชีวิตลำบากลำบนกว่าชาวบ้านก็ตาม
เจมส์ลาลีกา