รอบลีกของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2024-25 จะได้บทสรุปในวันพุธที่ 29 มกราคมนี้แล้ว ซึ่งหนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจคือเรื่องที่ว่าจะมีทีมใหญ่ๆ พลิกล็อกตกรอบตั้งแต่รอบนี้เลยหรือไม่ โดยเฉพาะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่ยังมีโอกาสปิ๋วในรอบนี้อยู่
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาก็เคยมีทีมใหญ่ที่ตกรอบตั้งแต่รอบแรกของศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว โดยถ้าเทียบกับฤดูกาลก่อนๆ รอบแรกของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็คือรอบแบ่งกลุ่มอย่างที่รู้ๆ กัน และวันนี้เราจะยกตัวอย่างสักหน่อยว่าเคยมีทีมไหนบ้างที่เจอกับเรื่องแบบนั้น
- โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ฤดูกาล 2011-12
"เสือเหลือง" ได้สิทธิ์เล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนั้นในฐานะแชมป์ของศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน ประจำซีซั่น 2010-11 ซึ่งนั่นถือเป็นแชมป์ลีกหนแรกของทีมในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ด้วย โดยในรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาถูกจับไปอยู่ในกลุ่ม เอฟ ร่วมกับ อาร์เซน่อล, โอลิมปิก มาร์กเซย และ โอลิมเปียกอส
ตอนแรกหลายคนเชื่อว่า ดอร์ทมุนด์ น่าจะเข้ารอบน็อกเอาต์ได้ โดยอย่างแย่ที่สุดคือเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม เพราะอาจจะสู้ อาร์เซน่อล ไม่ไหว แต่กลับกลายเป็นว่าทีมของ คล็อปป์ จบรอบแบ่งกลุ่มด้วยการเป็นบ๊วยของกลุ่มเลย ด้วยผลงาน 4 แต้มจาก 6 นัด แถมพวกเขาชนะได้แค่เกมเดียวอีกต่างหาก นั่นคือวันที่เปิดรังเฉือน โอลิมเปียกอส 1-0 ทำให้ ดอร์ทมุนด์ ไม่ได้สิทธิ์ไปเล่นแม้กระทั่ง ยูโรปา ลีก ในฐานะอันดับ 3 ของกลุ่ม
- แอตเลติโก มาดริด ฤดูกาล 2022-23
เอฟซี ปอร์โต้, คลับ บรูช และ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น คือเพื่อนร่วมกลุ่มของ แอตเลติโก มาดริด ในการเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนั้น ซึ่งแทบทุกคนก็ฟันธงว่าทีมของกุนซือ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และน่าจะได้แชมป์ของกลุ่มด้วยซ้ำ หลังจาก 1 ฤดูกาลก่อนหน้านั้นเพิ่งทะลุไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศของ แชมเปี้ยนส์ ลีก มาได้
ในความเป็นจริงกลับไม่เป็นแบบนั้น เพราะหลังจากเปิดบ้านชนะ ปอร์โต้ 2-1 ในนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่มแล้วนั้น แอตเลติโก มาดริด ก็ไม่ชนะใครอีกเลยในรอบนี้ จนสุดท้ายพวกเขาเป็นบ๊วยของกลุ่มด้วยผลงาน 5 แต้มจาก 6 เกม
- บาร์เซโลน่า ฤดูกาล 2000-01
หลังจากไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่น 1999-2000 หลายคนก็มองว่า บาร์เซโลน่า จะไปได้สวยกับการเล่นในฤดูกาลต่อมา โดยเพื่อนร่วมกลุ่มของเขาคือ เอซี มิลาน หนึ่งในขาใหญ่, ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งได้สิทธิ์เล่นศึกชิงถ้วยบิ๊กเอียร์เป็นหนแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1992-93 และ เบซิคตัส ทีมจากตุรกี
ดูตามชื่อชั้นแล้วมันควรจะมีเพียง มิลาน กับ บาร์เซโลน่า ที่กอดคอกันเข้ารอบ แต่กลับกลายเป็นว่า ลีดส์ แย่งตั๋วของ "อาซูลกราน่า" ไปได้จากการมีแต้มมากกว่า บาร์เซโลน่า แค่ 1 คะแนนเท่านั้น ทำให้ บาร์เซโลน่า ต้องหล่นไปเล่น ยูฟ่า คัพ และพวกเขาก็ไปถึงแค่รอบรองชนะเลิศ
- แมนยูไนเต็ด ฤดูกาล 2011-12
ในซีซั่น 2010-11 แมนยูไนเต็ด กรุยทางไปถึงรอบชิงชนะเลิศของศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ ก่อนจะแพ้ บาร์เซโลน่า 1-3 ดังนั้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เลยตั้งเป้าที่จะแก้มือให้ได้ในฤดูกาล 2011-12
เบนฟิก้า, บาเซิ่ล และ โอเตลุล กาลาติ ทีมจาก โรมาเนีย คือเพื่อนร่วมกลุ่มของ แมนยูไนเต็ด ในซีซั้น แต่กลับกลายเป็นว่ารองแชมป์เก่าเล่นได้น่าผิดหวังจนจบด้วยการเป็นเพียงอันดับ 3 ของกลุ่ม ปล่อยให้ เบนฟิก้า กับ บาเซิ่ล ได้ตั๋วเข้าสู่รอบต่อไปแทน ขณะที่พอตกไปเล่นใน ยูโรปา ลีก "ปีศาจแดง" ก็จอดป้ายที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยน้ำมือของ แอธเลติก บิลเบา
- เชลซี ฤดูกาล 2012-13
โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ สร้างชื่อด้วยการพา เชลซี คว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 2011-12 มาครองได้ทั้งที่ตอนนั้นเขามีตำแหน่งเป็นแค่ผู้จัดการทีมชั่วคราวของ เชลซี ความสำเร็จในครั้งนั้นทำให้เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกุนซือแบบถาวรของทีม พร้อมกับนำทีมลงป้องกันแชมป์ในฤดูกาลต่อมา
ถึงกระนั้น เส้นทางของแชมป์เก่ากลับไม่สวยหรูอย่างที่คิด โดยพวกเขาอยู่ในกลุ่มเดียวกับ ยูเวนตุส, ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค และ นอร์ดเชลลันด์ แต่ว่า เชลซี ชนะแค่ 2 เกมจาก 5 นัดแรก โดยนัดที่ 5 คือการออกไปแพ้ ยูเวนตุส 0-3 เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ปี 2012 ซึ่ง ดิ มัตเตโอ ก็โดนปลดออกจากตำแหน่งในอีก 1 วันให้หลัง
ราฟาเอล เบนิเตซ ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาคุมทีมแบบขัดตาทัพ และถึงแม้นัดสุดท้ายเขาจะพาทีมไล่ถล่ม นอร์ดเชลลันด์ 6-1 แต่ เชลซี ก็จบด้วยการเป็นเพียงอันดับ 3 ของกลุ่ม ทำให้พวกเขาถือเป็นแชมป์เก่าของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ทีมแรกที่จอดป้ายตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม ก่อนที่ เบนิเตซ จะเลียแผลใจให้ทีมได้ด้วยการนำทีมได้แชมป์ ยูโรปา ลีก ในซีซั่นนั้นไปครอง
- เด็กเกร็ดบอล -