ค่ำคื่นสุดคลั่งของ บาร์เซโลน่า ที่พลิกนรกเอาชนะ เบนฟิก้า แบบสุดมันส์
"มันเป็นเกมที่บ้ามาก แง่บวกที่สุดก็คือความแข็งแกร่งของสภาพจิตใจที่เรามี ,นี่คือฟุตบอล ผมนึกไม่ออกว่าเคยเห็นการคัมแบ็กแบบนี้หรือเปล่า มันน่าเหลือเชื่อมาก"
"พวกเขา (เบนฟิก้า) ทำได้ดีมาก บีบให้เราต้องถอยลงไปรับลึก ส่วนเราดีขึ้นในครึ่งหลัง การเปลี่ยนตัวสำรองช่วยเราได้มาก"
"มีนักเตะคนไหนบ้างที่ไม่เคยผิดพลาด มันเป็นเรื่องธรรมดา , เซสนี่ ก่อความผิดพลาดบางอย่าง แต่ในครึ่งแรกนักเตะคนอื่นๆก็พลาดด้วยเช่นกัน"
"เราชนะด้วยกัน เราแพ้ด้วยกัน เราคือทีมเดียวกัน"
ฮันซี่ ฟลิค ตอบนักข่าวหลังเกมหลังเกมบุกชนะ เบนฟิก้า สุดมันส์ 4-5
ครับ เห็นได้ชัดเจนว่า ฟลิค พยายามเลือกมองในมุมบวก และปกป้อง เซสนี่ ซึ่งได้คะแนนความสามารถ 4 จาก sport อย่างเต็มที่
ด้วยประสบการณ์ กุนซือเยอรมันเข้าใจดีว่าของแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ ทว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ คงกระตุ้นเตือนให้เขาตระหนักถึงความสำคัญของการมีผู้รักษาประตูที่ไว้ใจได้ และตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดว่าใครควรจะเป็นมือหนึ่งระหว่างรอ แทร์ ชตีเก้น กลับมา ถึงแม้นาที 88 เซสนี่ จะมีเซฟสำคัญที่มีผลต่อชัยชนะของทีมก็ตาม
ตามหลักจิตวิทยา หน้าไมค์ต้องปกป้องไว้ก่อน หลังบ้านค่อยไปว่ากัน แต่อย่างที่ ฟลิค ว่าไว้ จะโยนกลองโทษนายด่านโปลคนเดียวก็ดูกระไรอยู่ เพราะคนอื่นๆก็ผิดพลาดเช่นกัน
ต้องยอมรับว่าผมไม่เห็นการเล่นเกมรับที่หลวมโพรกเช่นนี้ของ บาร์ซ่า มาพักใหญ่ละครับ หรืออาจพูดได้ว่าตั้งแต่ ฟลิค เข้ามา นี่คือนัดที่เล่นเกมรับแย่ที่สุดก็ว่าได้ แต่ก็เพราะคุณภาพคู่แข่งด้วยล่ะครับ
ต้องให้เครดิตว่า เบนฟิก้า ทำได้ดีมากในพาร์ทเกมรุก บรูโน่ ลาจ แสดงให้เห็นว่าทำการบ้านมาดี และทำได้อย่างที่เตรียมมา
เล่นงานจุดบอดในเกมรับ บาร์ซ่า ด้วยแท็คติก การ Switching อย่างประตูแรก รวมถึงการวางบอลแนวลึก แล้วให้ตัวริมเส้นตัดเข้ากลางอย่างประตูที่ 2 ที่ บาร์ซ่า เสีย
ผลงานเกมรับนัดนี้มันแย่เลยล่ะ แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่ากังวลอะไร เพราะมองว่าเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
แค่เกมนี้ ที่ความผิดพลาดหลายๆอย่างดันเกิดขึ้นพร้อมๆกัน ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารที่ไม่ดี การประเมินสถานการณ์ผิดพลาด การจ่ายบอลพลาดในพื้นที่สำคัญ การสกัดเข้าประตูตัวเอง
แต่ทั้งนี้ ด้วยวิธีการเล่นของคู่ต่อสู้ ด้วยบรรยากาศในสนาม ผมว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกมรับของ บาร์ซ่า ออกมาเละแบบนี้
ฝั่ง เบนฟิก้า เองก็ชวนทะเลาะตลอด ซึ่งเกมรับของเจ้าถิ่นเองก็ผิดพลาดพอๆกัน จนผลรวมออกมาถึง 9 ประตู
มองในมุมบวก เกมนี้เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมในแง่ของความมุ่งมั่นและความสามารถในการกลับสู่เกมของ บาร์ซ่า
นักเตะมีคาแรกเตอร์ที่แข็งแกร่งมาก ไม่ถอดใจยอมแพ้ สู้จนพลิกสถานการณ์กลับมาได้สำเร็จ
การยิงทำประตูได้ในช่วงเวลาสำคัญ ทั้งจุดโทษของ เลวานดอฟสกี้, ลูกโหม่งของ เอริก การ์เซีย และประตูชัยของ ราฟินญ่า สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการเล่นท่ามกลางสถานการณ์อันกดดัน
และที่บวกที่สุดก็คือการการันตีการเข้ารอบน็อคเอาท์ 16 ทีมสุดท้าย แถมยังมีลุ้นชิงอันดับหนึ่งจาก ลิเวอร์พูล ในอีก 2 นัดที่เหลือด้วย (ตาม 3 คะแนน)
ด้านผลงานส่วนตัว นักเตะที่โดดเด่นที่สุด ผมยกให้ เปดรี กับ ราฟินญ่า (8 คะแนน) ที่เหลือก็ลดหลั่นกันลงไป อย่าง ลามีน ยามาล นัดนี้ฟอร์มออกมากลางๆ ไม่กล้าเล่นอย่างที่ควร แต่ก็มีชอตที่เรียกจุดโทษให้กับทีมได้
เลวานดอสฟกี้ ถึงจะเป็นจุดโทษ แต่เมื่อไม่พลาดเลย ก็ต้องให้เครดิต
เอริก การ์เซีย ก็ควรได้รับคำชม ลงมาเมื่อทีมปรับมาเล่นหลัง 3 แอคทีฟในทุกจังหวะ สู้ทุกบอล ก่อนจะโหม่งตีเสมอให้กับทีมสำเร็จ
ครับ บทสรุป ก็แค่อยากสื่อว่าในหนึ่งซีซั่น มันก็ต้องมีเกมแบบนี้บ้าง เมื่อจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ก็ไม่ต้องไปหาความอะไรใหญ่โต แค่เปลี่ยนในสิ่งที่ต้องเปลี่ยน (ผมว่า ฟลิค เห็นแล้วล่ะ) และพยายามลดความผิดพลาดในเกมต่อๆไป
เอาจริงๆแฟนบาร์ซ่าควรแฮปปี้นะที่ได้เล่นเกมแบบนี้ เล่นในเกมเปิด มันเอนจอยมากกว่าเจอคู่แข่งลงไปตั้งรับแน่นแบบโลว์บล็อค เหมือนเกม เคตาเฟ่ ที่เพิ่งผ่านมาหมาดๆ
ถ้าคู่ต่อสู้มาเปิดแลกด้วย ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงครับ ชุดนี้ของ ฟลิค ผมว่าสู้ได้ทุกทีม
ด้วยฟอร์ม ด้วยขุมกำลัง บวกกับสไตล์การเล่นส่วนใหญ่ของคู่แข่ง มองว่า บาร์ซ่า ของ ฟลิค มีโอกาสไปได้ไกลใน แชมเปี้ยนส์ลีก ปีนี้ครับ
เจมส์ ลาลีกา