สำหรับแฟนบอลของ แอสตัน วิลล่า แล้ว พวกเขาก็มี Good old day เหมือนแฟนบอลทีมอื่น ๆ
แถม Good old day ของทีมสิงห์ผงาดนั้นก็ยังหอมหวานเสียด้วยสิครับ เพราะพวกเขาก้าวขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่ตำแหน่งเจ้ายุโรปได้เลย
ไม่มีใครเก่งไปกว่าแอสตัน วิลล่า อีกแล้วในฤดูกาล 1981/82 จากแชมป์ดิวิชั่นหนึ่งอังกฤษฤดูกาลก่อนหน้า ทีมดังแห่งมิดแลนด์ทะลุขึ้นไปเถลิงบัลลังก์หมายเลขหนึ่งของยุโรปอย่างเป็นทางการด้วยชัยชนะเหนือ บาเยิร์น มิวนิค ที่ร็อตเตอร์ดัม
มันอาจจะเป็นเรื่องที่นานเต็มที ว่ากันด้วยระยะเวลาเกิน 4 ทศวรรษ แฟนบอลรุ่นปัจจุบันจำนวนมากมายที่ยังไม่ลืมตาดูโลกเลยด้วยซ้ำในวันที่ แอสตัน วิลล่า ประกาศศักดา
จาก รอน ซอนเดอร์ส สู่ โทนี่ บาร์ตัน.. มันบอกเราอีกครั้งว่าชะตาชีวิตของคนเราพลิกผันได้ทุกเมื่อจริง ๆ
ซอนเดอร์สพาวิลล่าคว้าแชมป์ดิวิชั่นหนึ่งฤดูกาล 1980/81 เป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 71 ปีของสโมสร ลืมตาอ้าปากหลังจากเป็นยักษ์หลับมานาน แต่ความขัดแย้งเรื่องสัญญาฉบับใหม่กับฝ่ายบริหารทำให้เขาลาออกในเดือนกุมภาพันธ์ของฤดูกาลต่อมา
ณ เวลานั้นการป้องกันแชมป์ดิวิชั่นหนึ่งหลุดมือไปอย่างไม่เป็นทางการแล้ว ลิเวอร์พูลของ บ๊อบ เพสลี่ย์ แข็งแกร่งเหลือเกินทั้งยังมี อิปสวิช ทาวน์ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทำผลงานได้ดีกว่าพวกเขามาก แอสตัน วิลล่า ขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่แถว ๆ กลางตาราง บรรยากาศความตื่นเต้นของการลุ้นแชมป์หายไปพักใหญ่แล้ว
แต่ไม่ใช่กับเส้นทางในยูโรเปี้ยน คัพ..
ยอดทีมแห่งวิลล่า พาร์ค เพิ่งเข้าไปร่วมแข่งในทัวร์นาเม้นต์ใหญ่สุดของระดับสโมสรยุโรปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เพราะก่อนหน้านั้นในยุครอยต่อศตวรรษที่พวกเขาครอบครองวงการลูกหนังอังกฤษฟุตบอลรายการนี้ยังไม่เกิดขึ้นเลย
แอสตัน วิลล่า คว้าแชมป์ดิวิชั่นหนึ่งเดิมไปแล้ว 6 สมัยก่อนที่ ยูโรเปี้ยน คัพ จะถือกำเนิดขึ้น แชมป์ลีกสูงสุดครั้งสุดท้ายก่อนจะมาทำได้อีกหนในฤดูกาล 1980/81 นั้นเกิดขึ้นเมื่อฤดูกาล 1909/10 ก่อนฤดูกาลแรกสุดของยูโรเปี้ยน คัพ ถึง 45 ปี (ยูโรเปี้ยน คัพ ครั้งแรกจัดขึ้นเมื่อซีซั่น 1955/56)
เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องบรรยายว่าแฟนบอลสิงห์ผงาดนั้นตื่นเต้นเพียงใดกับช่วงเวลาแห่งความรุ่งเรืองนั้น ทีมกลับมาเป็นแชมป์ดิวิชั่นหนึ่งอีกครั้งหลังจากหายไป 7 ทศวรรษ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเองกับบรรดาเสือสิงห์กระทิงแรดของยุโรป
ในวันที่ รอน ซอนเดอร์ส ลาออก แอสตัน วิลล่า ยังอยู่บนเส้นทางล่าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ
พวกเขาเพิ่งผ่านเข้าสู่รอบสามของการแข่งขันได้อย่างหวุดหวิดด้วยกฎประตูทีมเยือนที่ดีกว่า ดินาโม เบอร์ลิน แห่งเยอรมันตะวันออก (บุกชนะ 2-1 ในเกมแรก และแพ้ 0-1 ในนัดที่สองที่ วิลล่า พาร์ค) หลังจากผ่านรอบแรกอย่างสบายเท้าด้วยการถล่ม วาลูร์ ของไอซ์แลนด์ในประตูรวม 7-0 (5-0 กับ 2-0)
เข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายรอพบกับ ดินาโม เคียฟ ยอดทีมแห่งสหภาพโซเวียต
หลายคนจับตามองว่า แอสตัน วิลล่า ที่สูญเสียผู้จัดการทีมคนสำคัญไปจะเป็นอย่างไร และเมื่อฝ่ายบริหารแห่งถิ่นวิลล่า พาร์คตัดสินใจมอบภารกิจให้ โทนี่ บาร์ตัน ทำงานแทน ความสงสัยก็เกิดขึ้นเพราะมือขวาของซอนเดอร์สอาจจะเคยเป็นสตาฟฟ์โค้ชของทีมและก้าวขึ้นมาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมแต่ยังไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมเต็มตัวมาก่อน
แล้วเส้นทางใน ยูโรเปี้ยน คัพ ก็ยังมีทีมชั้นนำขวางอยู่อีกมากมายแม้จะเข้าไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศแล้วก็ตาม ลิเวอร์พูล กับ บาเยิร์น มิวนิค แห่งสายล่าง อันเดอร์เลชท์ เร้ดสตาร์ เบลเกรด รวมทั้ง ดินาโม เคียฟ คู่แข่งที่รอเจออยู่ตรงหน้าในสายบน
แต่ก็นั่นล่ะครับ วาสนาคนบางทีก็พูดลำบาก ในเมื่อโชคชะตาตั้งใจจะนำพาเกียรติประวัติระดับแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ มาให้ โทนี่ บาร์ตัน มันก็เป็นไปตามนั้นจริง ๆ
เกมรับอันเหนียวแน่นคือกุญแจสำคัญของทีมใน 3 เดือนมหัศจรรย์ของบาร์ตันเพราะแอสตัน วิลล่า ไม่เสียประตูให้ใครเลยตลอด 5 เกมในยูโรเปี้ยน คัพตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปยันนัดชิงชนะเลิศ
เกมเยือน ดินาโม เคียฟ ในรอบควอเตอร์ไฟนัลนัดแรกจบลงแบบไม่มีประตูก่อนที่ แอสตัน วิลล่า จะกลับมาทุบ 2-0 ต่อหน้ากองเชียร์เกือบสี่หมื่นคนที่วิลล่า พาร์ค
แกรี่ ชอว์ กองหน้าดาวรุ่งวัย 21 ปีเด็กลูกหม้อของสโมสรคือคนยิงประตูเบิกร่องให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ในเกมนั้น.. เขาเพิ่งจะจากโลกนี้ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้เองในวัย 63 ปี
เวลาช่างเดินเร็วเหลือเกินนะครับ จากดาวรุ่ง สู่ตำนาน แล้วก็จากไป
ในรอบรองชนะเลิศกับอันเดอร์เลชท์ โทนี่ มอร์ลี่ย์ ปีกซ้ายตัวฉกาจทำประตูโทนที่วิลล่า พาร์ค ในเกมแรกให้ทีมเฉือน 1-0 ก่อนไปยันเสมอทีมยักษ์ใหญ่แห่งเบลเยียมได้ถึงกรุงบรัสเซลส์ 0-0 ตีตั๋วเข้าชิงชนิดเขย่าเกาะอังกฤษ
คู่ชิงของ แอสตัน วิลล่า คือ บาเยิร์น มิวนิค ที่ไล่ต้อน ซีเอสเคเอ โซเฟีย แห่งบัลแกเรียด้วยประตูรวม 2 นัด 7-4 (ซีเอสเคเอ ปราบลิเวอร์พูลมาในรอบ 8 ทีมสุดท้าย)
เพียงเท่านั้นก็เป็นประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่แล้ว แต่ แอสตัน วิลล่า ก็ยังไปได้สุดทางจริง ๆ
ประตูเดียวจาก ปีเตอร์ วิธ ในนาทีที่ 67 ในนัดชิงดำที่สนาม เดอ ไคป์ แห่งเมืองร็อตเตอร์ดัม พาพวกเขาครองบัลลังก์เป็นเจ้ายุโรปทีมใหม่
มันเป็นความฝันที่เกินจะคาดคิดอยู่เหมือนกัน แน่นอนครับเมื่อคุณเข้าร่วมการแข่งขันคุณย่อมหวังถึงแชมป์อยู่แล้ว แต่นี่คือทีมที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในเวทีระดับนี้มาก่อนเลย ขณะที่ฟุตบอลลีกก็เพิ่งจะกลับมาเป็นแชมป์หลังจากห่างหายไปถึง 71 ปี
ความสำเร็จขั้นสุดยอดในคราวนั้นถูกเติมขึ้นไปอีกนิดด้วยโทรฟี่แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ กับ บาร์เซโลน่า แชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพ ก่อนเปิดฤดูกาล 1982/83
หลังจากไปพ่ายกลับมา 0-1 ในเกมแรกที่คัมป์ นู แชมป์ยุโรปก็ไล่ถล่มทีมอาซุลกราน่าของกุนซือ อูโด ลัทเท็ค เละเทะ 3-0 ที่วิลล่า พาร์ค ประกาศศักดาความเป็นหมายเลขหนึ่งของทวีปขึ้นไปอีก
และนั่นเห็นจะเป็นจุดสูงสุดในหน้าประวัติศาสตร์สโมสรของแอสตัน วิลล่าแล้วล่ะครับ เพราะหลังจากนั้นทุกอย่างก็ค่อย ๆ ตกลงมา บาร์ตันเองก็เช่นกัน เขาถูกปลดออกจากตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม ปี 1984 หรือแค่ 2 ปีเท่านั้นนับจากความสำเร็จที่ร็อตเตอร์ดัม
วิลล่ามีแฟนบอลจำนวนหนึ่งจากความรุ่งเรืองช่วงนั้น ขณะที่เมื่อผ่านเข้าสู่ยุคพรีเมียร์ลีก พวกเขาอาจจะยังมีกลุ่มกองเชียร์รุ่นใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่บ้างแต่ก็เป็นรองทีมอื่น ๆ อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูล อาร์เซน่อล เชลซี สเปอร์ส หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ถึงกระนั้น Good old day ก็ยังคงเป็น Good old day มันไม่เคยหายไปไหน ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะหวนกลับไปคิดถึงมันอีกครั้งเมื่อไหร่เท่านั้น
ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ แอสตัน วิลล่า ได้สัมผัสในฤดูกาลนี้คงพาอารมณ์แฟนบอลยอดทีมแห่งเมืองเบอร์มิงแฮมย้อนรำลึกความหลังไปถึงคืนวันอันรุ่งโรจน์ ใครที่เกิดทันคงได้ดื่มด่ำกับห้วงเวลาแห่งความสุขเมื่อสี่สิบกว่าปีก่อนกันอีกครั้ง
ประเดิมสวยด้วยการบุกไปถล่ม ยังบอยส์ เบิร์น ในเกมแรกเมื่อสองสัปดาห์ก่อน และเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาบรรยากาศที่วิลล่า พาร์ค อบอวลไปด้วยความปรีดาที่อดีตกับปัจจุบันได้มาพบกัน
42 ปีนับจากค่ำคืนที่ได้ชูบิ๊กเอียร์ขึ้นเหนือท้องฟ้าเมืองร็อตเตอร์ดัม แอสตัน วิลล่า ได้พบกับ บาเยิร์น มิวนิค คู่ปรับในครานั้นอีกหน
ราวกับโชคชะตากำหนดไว้ ผลการแข่งขันที่ชนะเก็บ 3 คะแนนได้นั้นดีแน่ แต่มันยังอาจจะเป็นเรื่องรองลงไปเมื่อเทียบกับความรู้สึกตื้นตันที่หลั่งไหล
เกิดทันก็เรื่องหนึ่ง เกิดไม่ทันก็เรื่องหนึ่ง แต่เมื่อ Good old day แห่งวิลล่า พาร์ค มาฉายให้เห็นอยู่ตรงหน้า มันก็น่าอิ่มเอมใจแทนกองเชียร์สิงห์ผงาดจริง ๆ นะครับ..
ตังกุย