แมนฯ ซิตี้ ออกสตาร์ตในการทำศึก แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ไม่สวยหรูเท่าที่ควรเมื่อเปิดบ้านทำได้แค่เสมอกับ อินเตอร์ มิลาน แบบไร้สกอร์ในการฟาดแข้งที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อวันพุธที่ 18 ก.ย. แต่ถึงกระนั้นต้องยอมรับตามตรงว่า งูใหญ่ เล่นกันได้อย่างแข็งแกร่ง แถมมีโอกาสพังประตูจากจังหวะโต้กลับหลายหนด้วยจึงเป็นเรื่องสมควรแล้วที่ทั้งสองทีมจะแบ่งแต้มกันไป
1. เรือใบใช้งาน โรดรี้ ตัวจริง
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือทีม แมนฯ ซิตี้ ปรับทัพสี่รายจากเกม พรีเมียร์ลีก นัดเฝ้าบ้านแซงชนะ เบรนท์ฟอร์ด 2-1 โดยได้ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เหมายิงสองตุง
นายใหญ่สแปนิชดร็อป จอห์น สโตนส์ , อิลคาย กุนโดกัน , ไคล์ วอล์คเกอร์ และ มาเตโอ โควาซิช ไปนั่งข้างสนามโดยเลือกใช้งาน รูเบน ดิอาส , ยอสโก้ กวาร์ดิโอล , แบร์นาร์โด้ ซิลวา และ โรดรี้ ที่ได้ออกสตาร์ตเป็นเกมแรกของซีซั่นนี้
สำหรับ ฟิล โฟเด้น ดาวเตะทีมชาติ อังกฤษ ยังรับบทตัวสำรองเช่นเดิม ขณะที่ เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพคนสำคัญลงบู๊เป็นตัวจริงห้านัดติดต่อกันแล้ว
2. งูใหญ่เน้นขันแนวรับ
ซิโมเน่ อินซากี้ โค้ชทีม อินเตอร์ มิลาน เปลี่ยนโผทีมตัวจริงมากถึงแปดรายจากเกม เซเรียอา นัดบุกไปตีเสมอ มอนซ่า แบบเฉียดฉิว 1-1 ก่อนหมดเวลาสองนาที
อดีตสตาร์ทีมชาติ อิตาลี เน้นขันเกมรับอย่างรัดกุมโดยส่ง อเลสซานโดร บาสโตนี่ ,ฟรานเชสโก้ อาแซร์บี้ และ ยานน์ บิสเซ็ค ลงเล่นแทน สเตฟาน เด ฟราย , ดาวิเด้ ฟรัตเตซี่ และ แบงฌาแม็ง ปาวาร์ ซึ่งตกไปนั่งข้างสนามทั้งหมด
นอกจากนี้ ฮาคาน ซัลฮาโนกลู กลับสู่โผ 11 คนแรกในแดนกลางเช่นเดียวกับ เมห์ดี้ ตาเรมี่ กองหน้าทีมชาติ อิหร่าน ที่ได้สวมบทหัวหอกก่อนหน้า เลาตาโร่ มาร์ติเนซ
3. เกมรุกvsเกมรับ(แล้วโต้)
จากฟอร์มของทั้งสองทีมใน 45 นาทีแรกต้องถือว่า อินซากี้ เตรียมทีมมาดีมากจากการวางเกมรับได้อย่างเหนียวแน่นปิดกั้นโอกาสทำเกมทะลุทะลวงของ แมนฯ ซิตี้ อย่างได้ผล
ขณะเดียวกัน แชมป์ เซเรียอา หาโอกาสโต้กลับได้อย่างอันตรายหลายครั้ง แถมมีจังหวะคลำเป้ามากกว่าเจ้าบ้านด้วยซ้ำ
เทียบจากการบู๊กันในนัดชิงชนะเลิศเมื่อสองปีก่อน ต้องบอกว่าทีมเยือนเล่นกันได้อย่างรัดกุมไม่ต่างอะไรกับเกมที่ อิสตันบูล ซึ่งพวกเขาต่อกรกับแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้อย่างน่าชื่นชม และแพ้ไปแค่ 1-0 จากประตูชัยในครึ่งหลังของ โรดรี้ แถมจะว่าไปเกมนี้ อินเตอร์ มีโอกาสชิงทำประตูขึ้นนำ เรือใบสีฟ้า หลายครั้งด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่คมพอ และทิ้งโอกาสไปหมดโดยเฉพาะ มาร์กกุส ตูราม ที่หากคมกว่านี้ แมนฯ ซิตี้ ก็น่าจะตาข่ายขาดได้เหมือนกัน
รวมแล้วเจ้าบ้านทำได้แค่ครองบอลมากกว่า 61.50%:38.50% แต่ทีมเยือนได้ยิงมากกว่า 10:9 ครั้ง และส่งบอลเข้ากรอบมากกว่าเช่นกัน 3:2 ครั้ง
ฉะนั้นแล้ว มันจึงเป็นเกมที่ แมนฯ ซิตี้ อึดอัดไม่น้อยต่อการพยายามกำชัยในรังตัวเอง แถมปรากฏว่าทีมของ กวาร์ดิโอล่า มีสถิติที่ไม่สู้ดีด้วยเนื่องจากในเกม พรีเมียร์ลีก แมตช์เหย้า พวกเขาไม่เคยโดนฝ่ายตรงข้ามบุกมาส่องยิงเกินกว่า 8 ครั้งใน 45 นาทีแรก แต่เกมนี้พวกเขาโดน งูใหญ่ ทักทายมากถึง 10 ครั้ง ดีที่ว่าความเสียหายไม่บังเกิด
ขณะเดียวกัน หากจะนับรวมเกม แชมเปี้ยนส์ลีก เข้าไปด้วย แมนฯ ซิตี้ โดนทีมเยือนส่องยิงมากที่สุด 9 ครั้งในช่วงครึ่งแรกจากการลงเล่นในบ้านตลอด 18 นัดหลังนับตั้งแต่เกมรับมือ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เมื่อเดือนพ.ย.2021 ด้วยเหตุนี้ทีมของ อินซากี้ จึงสมควรได้รับเสียงปรบมืออย่างไร้ข้อกังขา
4. ฮาลันด์ ต้องรอเม็ดที่ 100
แม้จะได้อยู่ในสนามตลอด 90 นาที แต่ ฮาลันด์ ดาวซัลโวของ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งมีผลงานในต้นซีซั่นนี้ร้อนแรงสุดขีดด้วยการสอยตาข่ายไปแล้วเก้าประตูจากสี่เกมไม่อาจเบิกสกอร์เม็ดที่ 100 ของตัวเองกับ เรือใบสีฟ้า ได้สำเร็จ
แน่นอนว่า อินเตอร์ มิลาน รู้ซึ้งถึงความร้ายกาจของสตาร์ทีมชาติ นอรเวย์ เป็นอย่างดี และไม่ปล่อยให้หัวหอกวัย 24 ปีได้มีโอกาสเช็กบิลอย่างถนัดถนี่ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการที่ทำให้พวกเขาบุกมาแบ่งแต้มไปจาก แมนฯ ซิตี้ ได้
หลังเท้าบอดในเกมนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ฮาลันด์ กระหายพิสูจน์ตัวเองในเกมบิ๊กแมตช์ พรีเมียร์ลีก สุดสัปดาห์นี้ที่ แมนฯ ซิตี้ จะได้ต้อนรับการมาเยือนของ อาร์เซน่อล ทีมรองจ่าฝูง ซึ่งแชมป์เก่าจะเพิ่มผลงานกำชัยเกมลีกได้ห้านัดติดต่อกันหากพวกเขาเอาชนะ เดอะ กันเนอร์ส ในรังตัวเองได้สำเร็จ
ถึงตอนนี้ หัวหอกร่างยักษ์พังประตูให้ แมนฯ ซิตี้ ได้ 99 เม็ดในทุกรายการจากการลงสนามเป็นเกมที่ 104 ขณะที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ครองสถิติเป็นนักเตะที่ยิงประตูครบ 100 ตุงได้เร็วที่สุดช่วงที่ค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด จากการลงสนาม 105 นัดในทุกรายการจึงทำให้เกมระหว่าง แมนฯ ซิตี้ กับ อาร์เซน่อล ในวันอาทิตย์นี้น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่า ฮาลันด์ จะคายพิษสงได้หรือไม่
หลังบู๊กับ งูใหญ่ ครบ 90 นาที เรือใบสีฟ้า ยกระดับเกมในครึ่งหลังได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากพวกเขาพลิกมาเป็นฝ่ายได้ยิงประตูรวมกันมากกว่า 22:13 ครั้ง และส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่าเช่นกัน 5:4 ครั้ง แต่ทำได้แค่เสมอ 0-0 แม้จะครองบอลได้เหนือกว่า 59.90%:40.10%
จากผลงานดังกล่าว นับเป็นเกมเหย้าถ้วยหูใหญ่นัดที่สองจาก 42 นัดเท่านั้นที่ เรือใบสีฟ้า ของกุนซือชาวเมืองกระทิงดุมีฟอร์มที่ฝืดเคืองไม่อาจสอยตาข่ายอาคันตุกะได้โดยก่อนหน้านี้พวกเขาจำต้องยอมรับผลเสมอ 0-0 มาก่อนแล้วในเกมบู๊กับ สปอร์ติ้่ง เมื่อเดือนมี.ค.2022
5. เดอ บรอยน์ ไหวมั้ย?
หลังถูกส่งลงสนามเป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่องในซีซั่นนี้ ในที่สุด เดอ บรอยน์ ก็มีปัญหาบาดเจ็บรบกวนจนได้ในเกมเจ๊ากับ อินเตอร์ มิลาน โดยกองกลางทีมชาติ เบลเยี่ยม มีอาการไม่สู้ดีในช่วงท้ายครึ่งแรก และถูกถอดออกในครึ่งหลังให้ กุนโดกัน ลงเล่นแทน
ในเบื้องต้นนี้ยังไม่ชัดเจนว่า กวาร์ดิโอล่า เปลี่ยนสตาร์คนสำคัญออกไปเพื่อป้องกันเอาไว้ก่อนหรือว่าเขาจะมีอาการบาดเจ็บรบกวนจริง และมันหนักเบาแค่ไหน
อย่างไรก็ดี ด้วยเหตุที่ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนเกม พรีเมียร์ลีก นัดปะทะกับ อาร์เซน่อล ในวันอาทิตย์นี้ มันจึงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่สำหรับ แมนฯ ซิตี้
ถึงขณะนี้ กวาร์ดิโอล่า น่าจะต้องมองหาทางหนีทีไล่เอาไว้แล้วในกรณีที่ทีมของเขามีอันต้องปราศจาก เดอ บรอยน์ จริงแม้ทีม ปืนโต น่าจะยังไม่มี มาร์ติน โอเดอการ์ด ที่บาดเจ็บต่ออีกเกม
หากเผอิญว่า เดอ บรอยน์ ลงบู๊สุดสัปดาห์นี้ไม่ได้ กวาร์ดิโอล่า น่าจะเลือกส่ง โฟเด้น หรือไม่ก็ กุนโดกัน ลงเล่นเป็นจอมทัพแทน แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เรือใบสีฟ้า ยังมีภาษีเหนือกว่าที่จะเป็นฝ่ายได้สามแต้มเหนือทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ทั้งการได้เล่นในบ้าน อีกทั้ง เดอะ กันเนอร์ส จะได้พักน้อยกว่าด้วยกับการลงเล่นเกม แชมเปี้ยนส์ลีก กับ อตาลันต้า ในวันพฤหัสบดี
และที่สำคัญ การออกไปเล่นที่อิตาลีทำให้ทีม ปืนใหญ่ ต้องอ่อนล้าจากการเดินทางซึ่งมองดูแล้วสถานการณ์หลายๆอย่างเข้าทาง แมนฯ ซิตี้ มากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย