ดอร์ทมุนด์ พบ เรอัล มาดริด: หน้าเสื่อของราชันชุดขาวจะพลิกมั้ย

ดอร์ทมุนด์ พบ เรอัล มาดริด: หน้าเสื่อของราชันชุดขาวจะพลิกมั้ย
แชมป์14 สมัย เจอกับ แชมป์สมัยเดียวแถมเข้าชิงเจ้ายุโรปเป็นครั้งที่3

ตามหน้าเสื่อ ทั้งpundit , ตำนานนักเตะ,บริษัทพนันที่ถูกตามกฏหมายUK ยกให้เรอัล มาดริด เหนือกว่าดอร์ทมุนด์ หลายช่วงตัว

Super computer สุ่มจำลองสถานการณ์ 10,000 ครั้ง

ความน่าจะเป็น เรอัล 55.6% ของเสือเหลือง21.4%

ผลโหวตทาง ยูฟ่า ดอตคอม ให้เรอัล 70% แชมป์

เห็น แกเรธ เบล ชูป้ายฟันธงเจ้ายุโรป5 สมัย เรอัล จะชนะ3-0

ประสบการณ์แชมป์ของเรอัล มาดริด นับจากปี1998 

ชุด มิยาโตวิช และ จุปป์ ไฮเกย คุม ถึง ครั้งล่าสุด 2022  ยุค อันเชลอตติ พวกเขาชิง8 ครั้ง แชมป์8 ครั้ง ปราบคู่แข่งทั้งในชาติเดียวกันอย่าง บาเลนเซีย, แอต.มาดริด 2 ครั้ง หรือต่างชาติ ยูเว่2 , ลิเวอร์พูล2 และเยอรมนี 1 (เลเวอร์2002) สถิติ100% 

เมื่อบวกกับแชมป์ยุคเดิม “ยูโรเปี้ยน คัพ” ครั้งล่าสุด

1966 นั่นคือครั้งที่6 ในรอบ10 ปีของการก่อตั้งถ้วย “บิ๊กเอียร์” คงไม่ต้องสาธยายว่า ”คิง ออฟ ยุโรป“ เก่งกาจเพียงไร

แม้นักเตะเปลี่ยนไปตามยุคสมัย

โค้ชก็เปลี่ยนไปเยอะแยะ แต่ความรู้สึกของแฟนบอลราชันชุดขาวในการเป็นเจ้ายุโรปนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง…

เรียกว่าต้นทุนของพวกเขานั้น “ห่าง” จาก เสือเหลืองมากมายนัก

ดูเหมือนทุกทิศทางเอียงไปที่  A Por La 15 

หรือแชมป์15 สมัย

ผมคิดว่าแฟนบอลไม่น้อยที่ก็อยากเห็น ดอร์ทมุนด์ พลิกล็อคในการชิงเจ้ายุโรปเที่ยวนี้

แต่ก็นั่นแหละ สิ่งที่อยากเห็นกับสิ่งเกิดขึ้นจริง อาจไม่ไปในทางเดียวกันก็มีไม่น้อย 

คูนี้จะมีการบันทึกเชิงประวัติศาสตร์ไปอีกนาน

-ครั้งสุดท้ายของ โทนี โครส กับ ชปล (ได้5 ครั้ง) เช่นเดียวกันกับ มาร์โก ร้อยส์ ที่รับใช้เสือเหลือง มา12 ปี นี่คือเกมสุดท้ายของนักเตะที่ถูกมองว่า “อาภัพ” คนหนึ่งของวงการ

- จูด เบลลิงแฮม กับ เจดอน ซานโช 2 นักเตะอังกฤษที่ชะตาแตกต่างกัน (เสือเหลืองมีนักเตะอังกฤษอีกคนคือ เจมี ไบโน-กิตเท่นส์)

- คารโล อันเชลอตติ กับ เจ้ายุโรปสมัยที่7

แชมป์กับมิลาน ตอนเป็นนักเตะ 2 ครั้ง1989,90

แชมป์ตอนเป็นโค้ช 4 ครั้ง มิลาน2 (2003,2007) กับ เรอัล มาดริด 2014,2022 

- หรือจะเป็น ครั้งแรกของ เอดิน แตร์ซิช , มารโก ร้อยส์ หรือว่า มัตต์ ฮุมเมิลส์ 

ถ้าว่ากันถึงฟุตบอล….ล้วนๆ

เรอัล มาดริด ก็ยังเหนือกว่าทุกกระบวนท่า ตั้งแต่โค้ชจนถึงตัวสำรอง…

รูปแบบ 4-4-2 ไดมอนด์ ไม่มีอะไรซับซ้อน

การหาจังหวะโจมตีแดนสามคู่แข่งขอให้มีเกิดขึ้น1-2 จังหวะ พวกเขาจะทำประตูได้ทันที  มันหมายถึงคุณภาพทั้งการโจมตี การจบสกอร์!!!

โครส อาจวางหลังไลน์ ให้ วินิซิอุส JR หรือ โรดริโก วิ่งฉีกกองหลัง หรือการสร้างที่ว่าง ก่อนแทงช่องให้แนวรุกวิ่ง หรือจะโจมตีด้านข้างอย่างรวดเร็ว รวมทั้ง set piece 

ไม่ต้องบุกเยอะหรือครองบอลนานแบบ แมนฯซิตี้

ขอสร้างจังหวะเหมาะๆเข้าโจมตี นั่นคือเรอัล มาดริดชุด อันเชลอตติ ที่ปล่อยให้ความสามารถนักเตะนำเกมมากกว่ากำหนดรายละเอียดเชิงแทกติกซับซ้อน จนจำกัดเทคนิคและทักษะนักบอล

ส่วนทีมเสือเหลืองของ แตรซิช คงต้องใช้การเล่นแบบฉาบฉวย เคานเตอร์ แอทแทก ตามถนัดให้แม่นและเด็ดขาด ยูเลียน บลันด์ ต้องโชว์ของ , เจดอน ซานโช มีแรงจูงใจเพียบ ที่สำคัญนัดชิงแบบนี้ อย่าสั่น อย่าตื่นสนาม เมื่อมีโอกาสต้องเป็นประตู

สุดท้ายแล้ว….พวกเขาต้องไม่ลืมว่า ฟุตบอลเล่นกัน11 คนใน UCL แต่ เรอัล มาดริด มักจะชนะ

แชมป์นี้จะเป็นของ ร้อยส์….โครส….ครั้งที่7 ของ อันเชลอตติหรือครั้งแรกของ แตรซิช 

อยากถามทุกท่านว่า เรอัล มาดริด หรือ ดอร์ทมุนด์ ดีครับ

JACKIE


ที่มาของภาพ : getty images
BY : JACKIE
อดิสรณ์ พึ่งยา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport