เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องนำทัพ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล บุกเยือน อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ วันพุธที่ 26 ตุลาคมนี้ โดยพวกเขาเพิ่งเสียฟอร์มจากการแพ้ น็อตติงแฮมป์ ฟอเรสต์ ทีมบ๊วยในลีกเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา งานนี้สิ่งที่ "เดอะ เร้ดส์" ต้องทำก็คือการเรียกศรัทธากลับคืนมา เพราะหากสามารถนำทีมเสมอ หรือชนะในแมตช์นี้ จะทำให้พวกเขาผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ทันที และนั่นจะทำให้ทีมกลับมาโฟกัสในเกมพรีเมียร์ลีก ได้อย่างเต็มที่
1. กอบกู้ศรัทธา
สถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล ต้องบอกเลยว่าสามวันดีสี่วันร่วงใครเป็นแฟนบอล "หงส์แดง" ต้องทำใจ เพราะพวกเขากำลังอยู่ในช่วงถ่ายเลือดใหม่ และสร้างทีมดังนั้นฟอร์มการเล่นยังคงไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยเท่าไหร่นัก
คิดดูก็แล้วกันฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมในแมตช์หักปากกาเซียนชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับหายวับไปกับตาในเกมที่บุกไปอมบ๊วยติดคอแพ้ น็อตติงแฮมป์ ฟอเรสต์ ดังนั้นในช่วงเวลานี้ "เดอะ เร้ดส์" ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้
เช่นเดียวกับฟอร์มการเล่นของนักเตะบางคนอย่างเช่น โจ โกเมซ ที่ตอนนี้ได้ถอดร่างสังข์ทองกลับไปสวมชุดเงาะป่าอีกครั้ง! ฉะนั้นในแมตช์ปะทะกับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม คงได้เห็นเขาไปนั่งอยู่ข้างสนาม และเป็นคิวของ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ที่หายเจ็บกลับมาจับคู่กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์
สำหรับเกมกับ อาแจ็กซ์ เหล่าพลพรรค "หงส์แดง" ต้องร่วมพลังประจัญบานเพื่อให้ได้ผลการแข่งขันที่ดีที่สุดกลับแอนฟิลด์ให้ได้ เพราะมันคือการเรียกศรัทธาคืนจากแฟนบอล และยังเป็นการเตรียมพร้อมในเกมพรีเมียร์ลีกรับมือ ลีดส์ ยูไนเต็ด ด้วย
2. สองกำลังสำคัญลุ้นลงตัวจริง
ช่วงวันอังคารที่ผ่านมาต้องบอกว่า ลิเวอร์พูล พอจะมีข่าวดีให้ชื่นอกชื่นใจอยู่บ้างเมื่อ ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าค่าตัวแพงระยับกลับมาร่วมฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้แล้ว หลังจากพลาดลงสนามในเกมล่าสุดเนื่องจากมีอาการกล้ามเนื้อหลังต้นขาตึง
แน่นอนว่านี่คือเรื่องที่น่ายินดีเพราะอย่างน้อยๆ ศักยภาพในการทำประตูของ นูนเญซ คงจะช่วยกอบกู้วิกฤติแนวรุกที่ขาดแคลนการยิงประตูในช่วงที่ผ่านมา และมีความเป็นไปได้สูงที่ คล็อปป์ จะจับเขาลงเล่นตัวจริง
นอกจากนี้นักเตะอีกรายที่ถือเป็นตัวความหวังในเกมรับนั่นก็คือ โกนาเต้ ตอนนี้ก็สามารถกลับมาซ้อมได้อย่างเต็มที่แล้ว ฉะนั้นคงจะได้เห็นเขาลงสนามจับคู่กับ ฟาน ไดค์ ซึ่งคงจะช่วยขันเกมรับให้แน่นขึ้นมากกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ติอาโก้ อัลกันทาร่า จอมทัพคนสำคัญยังไม่สามารถช่วยทีมได้เช่นเดียวกับ หลุยส์ ดิอาซ, โฌแอล มาติป, อาร์ตูร์ และ ดีโอโก้ โชต้า
3. อลีสซง ตามรอยตำนานโกล "หงส์แดง"
สำหรับวันพุธที่ 26 ตุลาคมนี้จะเป็นหนึ่งในค่ำคืนสำคัญสำหรับ อลีสซง เบ็คเกอร์ เพราะเขาจะลงเฝ้าเสาให้กับสโมสรครบ 200 เกมตลอดการแข่งขันทุกรายการ
ลิเวอร์พูล มีนายทวารแค่ 9 รายเท่านั้นที่ลงคุมเสาประตูมากกว่าเขาได้แก่ ซิมง มิโญเล่ต์ (204 เกม), เดวิด เจมส์ (276 เกม), ทอมมี่ ลอว์เรนซ์ (390 เกม), เปเป้ เรน่า (394 เกม), เอลิชา สก็อตต์ (468 เกม), บรูซ กร็อบเบลาร์ (628 เกม) และ เรย์ คลีเมนซ์ (665 เกม)
นอกจากนี้ นายด่านชาวบราซิเลียน กำลังสร้างสถิติในการเก็บคลีนชีตตามตำนานโกลแห่งถิ่นแอนฟิลด์โดยปัจจุบันเขาสามารถทำได้ 89 คลีนชีต
ส่วนผู้รักษาประตูที่มีสถิติเหนือกว่า อลีสซง ก็มีเพียง 6 รายเท่านั้นได้แก่ เจมส์ (102 คลีนชีต), ลอว์เรนซ์ (133 คลีนชีต), สกอตต์ (137 คลีนชีต), เรน่า (177 คลีนชีต), กร็อบเบลาร์ (267 คลีนชีต) และ คลีเมนซ์ (323 คลีนชีต)
อย่างไรก็ตามหากคิดเป็นเปอร์เซนต์ในเรื่องการเก็บคลีนชีตต่อการลงเล่นตัวจริง อลีสซง ถือว่าไม่ธรรมดาเมื่อมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 44.72 เปอร์เซนต์ เป็นรองเพียง เรน่า (44.92 เปอร์เซนต์) และ คลีเมนซ์ (48.57 เปอร์เซนต์)
4. ซาลาห์เตรียมแซง เจอร์ราร์ด ในเกมฟุตบอลถ้วยยุโรป
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยังคงเป็นผู้เล่นคนสำคัญสำหรับ ลิเวอร์พูล อยู่เสมอ แม้ว่าในฤดูกาลนี้ฟอร์มตะบันตาข่ายคู่แข่งอาจจะฝืดเคืองไปบ้าง แต่ก็ยังสามารถขู่แนวรับคู่แข่งได้ตลอดเวลา
สำหรับตอนนี้ "บังโม" กำลังจะก้าวแซงหน้า สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานกัปตันทีม โดยเขาต้องการอีกเพียงแค่สองประตูเท่านั้นก็จะทำสถิติเทียบเท่า "สตีวี่จี" ในฐานะดาวซัลโวตลอดกาลในเกมฟุตบอลถ้วยยุโรปของ "เดอะ เร้ดส์"
เจอร์ราร์ด ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นกุนซือว่างงานหลังจากที่โดน แอสตัน วิลล่า ปลดออกจากตำแหน่งช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ยิงประตูในเกมฟุตบอลถ้วยยุโรปให้ลิเวอร์พูล 41 ลูก ฉะนั้นมีโอกาสที่สถิติของเขาจะโดนก้าวเข้ามาเทียบเท่า หรือทำลายโดย ซาลาห์
ปัจจุบัน ซาลาห์ แซงหน้า เจอร์ราร์ด ในฐานะดาวซัลโวสูงสุดของสโมสรจากการเล่นในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฉะนั้นนี่จะเป็นอีกหนึ่งเกียรติประวัติสำคัญที่เขาจะมีเอาไว้ประดับบารมีในฐานะยอดแข้งแห่งถิ่นแอนฟิลด์
5. เป้าหมายการันตีเข้ารอบน็อกเอาต์
คล็อปป์ คงมีการกระตุ้นลูกทีมในการเรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมาให้เร็วที่สุด หลังจากเสียฟอร์มในเกมลีกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉะนั้นในการเยือน อาแจ็กซ์ ถือว่ามีความหมายอย่างมายทั้งเรื่องการเรียกความมั่นใจ และการเข้ารอบต่อไป
ด้วยสถานการณ์ในรอบแบ่งกลุ่ม ดูเหมือนว่า "เดอะ เร้ดส์" แทบจะลอยลำเข้ารอบน็อกเอาต์อยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ห้ามประมาทเด็ดขาดเพราะในเกมลูกหนังทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ
แม้ตอนนี้เงื่อนไขของ ลิเวอร์พูล ต้องการแค่ 1 คะแนนจากแดนกังหันลมก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาตีตั๋วเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่หากพลาดท่าพ่ายแพ้ งานนี้ คล็อปป์ แอนด์ โค. ต้องเจองานหนักในการลุ้นเข้ารอบเพราะการพบกับ นาโปลี นัดสุดท้าย บอกเลยว่าพวกเขามีเสียวแน่นอน
กระนั้นหากได้ผลเสมอหรือเจ๋งสุดคว้าชัยชนะ นั่นจะทำให้ทีมมีสมาธิกลับมาเล่นเกมลีก เพราะสถานการณ์ในประเทศอังกฤษของ "เดอะ เร้ดส์" ยังน่าเป็นห่วงเหลือเกิน
ทอมเม้ง