แมนฯ ยูไนเต็ด ประสบกับความปราชัยในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก อีกจนได้แม้จะเพิ่งกำชัยเป็นเกมแรกในรายการดังกล่าวเมื่อสองสัปดาห์ก่อน แต่ก็บุกมาโดน โคเปนเฮเก้น ถอนแค้นด้วยสกอร์ 4-3 ในเกมที่ พาร์เก้น สเตเดี้ยม เมื่อวันพุธที่ 8 พ.ย.จากการฟาดแข้งรอบแบ่งกลุ่มนัดที่สี่ของกลุ่มเอซึ่งทำให้ ผีแดง แพ้ไปแล้วถึงสามจากห้านัดแม้จะว่าไปเกมนี้ทีมจากเมืองผู้ดีไม่ได้เล่นแย่เลย แต่เหมือนสถานการณ์ไม่เป็นใจทั้งๆที่อุตส่าห์บุกไปนำหน้าก่อนถึงสองเม็ด แต่ก็เหลือนักเตะสิบรายซึ่งความพ่ายแพ้เกมนี้ทำให้ เร้ด เดวิลส์ รั้งอันดับบ๊วยของกลุ่มโดยอีกสองเกมสุดท้ายพวกเขาต้องเจองานหนักทั้งบุกไปเยือน กาลาตาซาราย และต้อนรับ บาเยิร์น มิวนิค
1. เจ้าบ้านสลับโผตัวจริงสามราย
โคเปนเฮเก้น จ่าฝูงลีกโคนมมีการเปลี่ยนโผตัวจริงสามรายจากเกมลีกนัดล่าสุดที่พวกเขาบุกไปพิชิต แรนเดอร์ส 4-2
ในจำนวนนี้ ออสการ์ ฮอยลุนด์ น้องชายของ ราสมุส ฮอยลุนด์ กองหน้าทีม แมนฯ ยูไนเต็ด หล่นไปรับบทตัวสำรองตามคาดโดยที่ ดีโอโก้ กอนซัลเวส ได้เสียบแทน
สำหรับอีกสองราย ทีมเจ้าถิ่นเลือกใช้งาน วิคเตอร์ คลาสสัน กับ โมฮาเหม็ด เอลยูนุสซี่ ก่อนหน้า อันเดรียส คอร์เนเลียส กับ รูนี่ บาร์ดยี่
อย่างไรก็ดี ยาค็อบ นีสทรุป จัดทัพ 11 คนแรกชุดเดิมทั้งหมดจากนัดบุกไปแพ้ ผีแดง อย่างเฉียดฉิว 1-0 เมื่อสองสัปดาห์ก่อน
2. ผียึดทีมเกมชนะเจ้าสัว
แมนฯ ยูไนเต็ด วางใจทีมชุดบุกชนะ ฟูแล่ม 1-0 ในศึก พรีเมียร์ลีก เมื่อสุดสัปดาห์โดยมีการปรับโผแค่จุดเดียวเท่านั้น
เอริค เทน ฮาก กุนซือดัตช์ตัดสินใจส่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ฟิตสมบูรณ์ลงบู๊แทน อันโตนี่ ปีกขวาทีมชาติ บราซิล ที่ยังโชว์ฟอร์มได้อย่างเลวร้าย
ด้วยเหตุนี้ ราฟาแอล วาราน จึงนั่งข้างสนามต่อไปเช่นเดียวกับ เมสัน เมาท์ , โฟซียาน อัมราบัต และ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ที่หายป่วยกลับมานั่งในซุ้มได้
สำหรับ จอนนี่ อีแวนส์ นับเป็นการได้ลงเล่นเป็นตัวจริงรายการนี้หนแรกในรอบเกือบสิบปีนับตั้งแต่เกมที่ ผีแดง เฝ้าบ้านคว่่ำ ชัคตาร์ 1-0 ในรอบแบ่งกลุ่มเดือนธ.ค.2013
3. ฮอยลุนด์ สร้างสถิติ
นอกจากจะยิงประตูทีมเก่าแล้ว ราสมุส ฮอยลุนด์ ซึ่งถูกโฉลกกับถ้วยใบนี้ยังสร้างชื่อเป็นนักเตะเดนมาร์ครายแรกที่ยิงประตูทีมจากบ้านเกิดของตัวเองได้ในรายการ แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วย
และจากการเหมายิงสองเม็ดในครึ่งแรก ทำให้สตาร์วัย 20 ปีสอยตาข่ายในรายการนี้ของซีซั่นนี้เป็นเม็ดที่ห้าแล้วจากสี่เกมซึ่งส่งผลให้เจ้าตัวคลำเป้าในถ้วยใบนี้ได้ถึงหลักดังกล่าวไวที่สุดในบรรดาดาวเตะ เร้ด เดวิลส์
ยิ่งไปกว่านั้น ในวัย 20 ปี 277 วัน ดาวยิงเดนส์กลายเป็นนักเตะอายุน้อยของ ปีศาจแดง ที่สุดด้วยที่เข่นได้สองประตูในเกมเยือนถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก
4. แรชฟอร์ด ดวงแตก
แม้จะออกสตาร์ตได้ดีโดยนำห่าง โคเปนเฮเก้น ถึงสองประตู แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด โชคร้ายสุดขีดที่มาเสีย แรชฟอร์ด ในนาทีที่ 42 เมื่อผู้ตัดสินเช็ควีเออาร์แล้วไล่กองหน้าทีมชาติ อังกฤษ ข้อหาย่ำใส่คู่แข่ง
อันที่จริง ในจังหวะดังกล่าว แรชฟอร์ด ไม่ได้เจตนาเล่นแรงเลยเนื่องจากเขาพลิกตัวขวางการเข้าแย่งจากฝ่ายตรงข้ามซึ่งพ่อค้าแข้งทุกรายในโลกทำกันแบบนี้เป็นประจำ แต่โชคร้ายที่ท่านเปามองว่าเป็นการเล่นที่อันตราย และเลือกแจกใบแดงให้สตาร์ทีมเยือนซึ่งซีซั่นนี้จัดว่าดวงตกสุดขีดเพราะนอกจากจะฝืดสุดฤทธิ์ยิงได้แค่เม็ดเดียวแล้ว เกมนี้ยังมาได้ใบแดงชนิดที่คอมเมนเตเตอร์หลายรายพากันเห็นอกเห็นใจอีกด้วย และส่งผลให้ทีมเสียหายทั้งๆที่กำลังได้เปรียบสกอร์นำถึงสองประตู
อย่างไรก็ดี ตามประวัติแล้ว แรชฟอร์ด ไม่ใช่นักเตะที่เล่นสกปรกเนื่องจากเป็นใบแดงแรกที่เขาได้รับในรอบห้าปีนับจากเกมบู๊กับ เบิร์นลีย์ เดือนก.ย.2018 และเป็นใบแดงที่สองของเขาจากการลงเล่นให้ ผีแดง 374 นัดในทุกรายการ
และในที่สุด สิบนักเตะของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่อาจต้านทานเกมรุกของเจ้าบ้านได้ แถมเสียคืนทั้งสองประตูในช่วงท้ายซึ่งมีการทดเวลานานถึง 13 นาทีเนื่องจากเกมหยุดชะงักในตอนต้นไปนานกับการมีแฟนบอลป่วยกระทันหันบนอัฒจันทร์
ถึงกระนั้น จากภาพรวมในครึ่งแรกที่ พาร์เก้น สเตเดี้ยม ต้องถือว่าเกมนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นได้ดีที่สุดเกมหนึ่งของซีซั่นเนื่องจากพวกเขาครองบอลได้เหนือกว่า 51:49% และได้ยิง 5 ครั้งเข้ากรอบทุกครั้ง ขณะที่แชมป์ลีกเมืองโคนมได้ยิง 6 ครั้งเข้ากรอบ 3 ครั้ง
5. สานต่อผลงานเลวร้าย
ท้ายที่สุด แมนฯ ยูไนเต็ด ก็บุกมาแพ้ โคเปนเฮเก้น 4-3 แม้ว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส จะซัดลูกโทษให้ทีมนำหน้าอีกหน 3-2 โดยที่มีกำลังพลน้อยกว่า แต่อย่างไรเสียน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟทั้งๆที่ ผีแดง ไม่ได้โชว์ฟอร์มแย่เลยกับการมีจำนวนผู้เล่นเป็นรอง
จบ 90 นาที โคเปนเฮเก้น พลิกกลับมาครองบอลได้เหนือกว่าตามระเบียบ แต่ไม่ได้มากมายอะไรจากอัตราส่วน 52:48% และได้ส่องยิง 16 ครั้งเข้ากรอบ 8 ครั้ง ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ยิง 9 ครั้งเข้ากรอบ 8 ครั้ง
แต่ก็นั่นแหละ ในเมื่อแพ้แม้จะเป็นไปแบบหวุดหวิด เทน ฮาก ก็เพิ่มสถิติที่ย่ำแย่ให้กับตัวเองต่อไปเนื่องจากเขาคุมทีมแพ้มากถึง 9 นัดแล้วจาก 17 นัดแรกในทุกรายการของซีซั่นนี้ซึ่งเทียบได้กับซีซั่น 1973/74 ที่สโมสรมีอันต้องตกชั้น
ขณะเดียวกัน ผีแดง แพ้เกม แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นหนแรกด้วยหลังได้ประตูนำหน้าคู่แข่งก่อนสองเม็ดเป็นอย่างต่ำ และหากนับรวมทุกรายการเป็นครั้งแรกที่พวกเขาปราชัยนับตั้งแต่เกมนำ เลสเตอร์ สองเม็ด แต่แพ้ 5-3 เมื่อเดือนก.ย.2014