เป็นอันว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ประเดิมชัยชนะในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มซีซั่นนี้ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อเปิดสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด เอาชนะ โคเปนเฮเก้น ไปแบบน่าใจหายใจคว่ำ 1-0 จากการฟาดแข้งเมื่อวันอังคารที่ 24 ต.ค. พร้อมทั้งต่อโอกาสลุ้นเข้ารอบน็อกเอาต์ได้ต่อไป แต่ไม่วายที่ ผีแดง ยังมีฟอร์มที่ไม่ชวนให้น่าไว้วางใจอีกตามเคยเนื่องจากในช่วงทดเวลานาทีสุดท้ายเกือบมีดราม่าเสียประตูตีเสมอให้กับอาคันตุกะทั้งๆที่พวกเขาน่าจะคว้าสามแต้มเต็มได้แบบแบเบอร์อยู่แล้ว
1. ผีปรับทัพเปลี่ยนสองแนวรับ
แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งปราศจาก กาเซมีโร่ ที่ติดโทษแบนเปลี่ยนโผนักเตะ 11 คนแรกจากเกม พรีเมียร์ลีก นัดบุกไปเฉือนชนะ เชฟฯ ยูไนเต็ด 2-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมารวมสองรายโดยเป็นผู้เล่นในแนวรับทั้งคู่
เอริค เทน ฮาก นายใหญ่ ผีแดง ตัดสินใจส่ง เซร์คิโอ เรกีลอน ที่กลับมาฟิตสมบูรณ์แล้วลงสนามเป็นตัวจริงเช่นเดียวกับ ราฟาแอล วาราน โดยที่ จอนนี่ อีแวนส์ ซึ่งบาดเจ็บเล็กน้อยจนโดนเปลี่ยนตัวออกจากเกมบู๊กับทีม ดาบคู่ มีชื่อนั่งอยู่ข้างสนามร่วมกับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ แบ็คซ้ายขัดตาทัพ
2. น้องชาย ฮอยลุนด์ นั่งสำรอง
โคเปนเฮเก้น ของ ยาค็อบ นีสตรุป กุนซือหนุ่มวัย 35 ปีได้ เอเลียส ยาเลิร์ต พ้นโทษแบนกลับมาลงเล่นได้โดยดาวเตะวัย 20 ปีได้สวมบทแบ็คซ้ายในเกมนี้ ขณะที่ ปีเตอร์ อันเคอร์เซ่น จะทำหน้าที่เป็นแบ็คขวา
สำหรับสองพี่น้องคู่แฝดของ ราสมุส ฮอยลุนด์ หัวหอกทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ปรากฏว่ามีแค่ ออสการ์ กองกลางรายเดียวที่มีชื่อนั่งเป็นตัวสำรอง แต่ไร้เงา เอมิล กองหน้าจึงหมายความว่าหมดสิทธิ์เกิดประวัติศาสตร์ของเกม แชมเปี้ยนส์ลีก ที่จะมีสามนักเตะพี่น้องลงเล่นเกมเดียวกันเป็นครั้งแรกของรายการนี้อย่างแน่นอนแล้ว
กระนั้นก็ดี เอมิล ถูกส่งลงสนามเกม ยูฟ่ายูธลีก ก่อนหน้านี้ของวันเดียวกันซึ่ง โคเปเฮเก้น ชุดยู 19 บุกมาพิชิต แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ 1-0
3. จะหวังพึ่ง แม็คโทมิเนย์ ทุกนัดไม่ได้
ปัญหาใหญ่ที่เห็นได้ชัดอีกอย่างของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในซีซั่นนี้คือ มาร์คัส แรชฟอร์ด ดาวซัลโวของทีมจากซีซั่นก่อนฟอร์มตกชนิดกู่ไม่กลับ ม้นจึงทำให้ ผีแดง ขาดตัวทำสกอร์ซึ่งแม้ ฮอยลุนด์ จะสอยตาข่ายได้แล้ว แต่ก็เป็นแค่เกม แชมเปี้ยนส์ลีก และไม่เพียงพอที่จะทำให้ทีมรอดพ้นจากความปราชัยได้ในสองเกมแรกโดยที่กองหน้าทีมชาติ เดนมาร์ค ยังเปิดบริสุทธิ์ในเกม พรีเมียร์ลีก ไม่ได้เลย
จากปัญหาดังกล่าว จะเห็นได้ว่า เทน ฮาก ตัดสินใจแก้ไขด้วยการเปิดโอกาสให้ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ มีบทบาทมากขึ้นในการวิ่งเข้าเขตโทษหาโอกาสทำประตูหลังจากสตาร์ทีมชาติ สกอตแลนด์ ซัดได้สามประตูจากสองเกมหลังของ พรีเมียร์ลีก ช่วยให้ทีมเก็บได้หกแต้มเต็มแบบกระท่อนกระแท่นนัดชนะ เบรนท์ฟอร์ด และ เชฟฯ ยูไนเต็ด 2-1 เช่นกัน
ต่อแผนดังกล่าวของกุนซือดัตช์ ส่งผลให้ แม็คโทมิเนย์ ขยับขึ้นสูงเข้าไปในแดนอันตรายของ โคเปนเฮเก้น ได้สองสามหนในครึ่งแรก แต่ยังไม่เป็นผลมากนัก ขณะที่ โซฟียาน อัมราบัต ได้สวมบทมิดฟิลด์ตัวรับแบบเต็มร้อย แต่รวมแล้ว ผีแดง ยังไม่ดีพอที่จะเช็กบิลทีมเยือนได้ในครึ่งแรกซึ่งทั้งสองฝ่ายเสมอกันไปแบบไร้สกอร์โดยเกมใน 45 นาทีแรกทีมเจ้าบ้านครองบอลได้มากกว่าเล็กน้อยเท่านั้นแค่ 51:49% และได้ยิงน้อยกว่าทีมเยือน 5:7 ครั้ง แต่ทั้งสองทีมส่งบอลเข้ากรอบ 1 ครั้งเท่ากันซึ่งชี้ให้เห็นว่า เทน ฮาก ยังแก้ไขปัญหาฟอร์มการเล่นที่ไม่ปะติดปะต่อของทีมไม่ได้เลย
4. แม็กไกวร์ ตัวจริงยาว
อย่างไรก็ดี หลังกลับมาลงสนามในครึ่งหลัง ผีแดง ซึ่งจะแพ้อีกไม่ได้หากต้องการมีลุ้นเข้ารอบเปิดเกมบุกแหลกแบบเต็มกำลัง และต้องยกความดีความชอบให้ เทน ฮาก เช่นกันที่ถอด อัมราบัต ออกเนื่องจากนับตั้งแต่ย้ายมาจาก ฟิออเรนติน่า แบบยืมตัว ดาวเตะทีมชาติ โมร็อกโก ยังไม่มีเกมที่น่าประทับใจเลย และการส่ง คริสเตียน เอริคเซ่น ลงเล่นแทนก็ทำให้เกมรุกของทีมมีชีวิตชีวามากขึ้นหลายเท่า
จนในที่สุด กองกลางทีมชาติ เดนมาร์ค เป็นคนสาดลูกยาวจากกราบขวาให้ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ โขกตุงตาข่ายที่เสาสองพาทีมเจ้าบ้านออกนำจนได้ในนาทีที่ 72 ซึ่งน่าจะเป็นการการันตีได้แล้วว่าเซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติ อังกฤษ สมควรกลับมาอยู่ในโผ 11 คนแรกอีกหนหลังเกือบโดนโละทิ้งเมื่อช่วงซัมเมอร์เนื่องจากเจ้าตัวไม่ได้ก่อความผิดพลาดบ่อยครั้งเหมือนก่อนแล้ว และมีฟอร์มที่ดีขึ้นเป็นลำดับกระทั่งเกมนี้สามารถพังประตูชัยให้ทีมได้สำเร็จอีกด้วย
อย่างไรก็ดี ก่อนที่ ผีแดง จะได้เฮฮา พวกเขาต้องลุ้นกันตัวโก่งเนื่องจาก แม็คโทมิเนย์ ทำเสียลูกโทษในนาทีสุดท้ายของช่วงทดเวลา แต่นอกจากจะมี แม็กไกวร์ เป็นเหมือนฮีโร่แล้ว อ็องเดร โอนาน่า ก็สมควรยืนอยู่บนโพเดี้ยมคู่กับกองหลังทีมชาติ อังกฤษ เนื่องจากเขาเซฟลูกยิงจาก จอร์แดน ลาร์สสัน กองหน้าทีมเยือนซึ่งเป็นลูกชายของ เฮนริค ลาร์สสัน อดีตกองหน้าทีมชาติ สวีเดน ซึ่งเคยค้าแข้งกับถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้อย่างยอดเยี่ยมซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าหากจะมีคุณสมบัติข้อไหนที่เหนือกว่า ดาบิด เด เคอา อดีตมือกาวของ ผีแดง ก็น่าจะเป็นการเซฟลูกโทษซึ่งหากเกมนี้เจ้าบ้านยังมีอดีตโกลเลือดกระทิงดุเฝ้าเสา แมนฯ ยูไนเต็ด ก็อาจทำได้แค่แบ่งแต้มกับทีมจากเมืองโคนมก็เป็นได้
สำหรับ แม็กไกวร์ หลังโหม่งให้ทีมกำชัยได้สำเร็จ มันเป็นการสอยตาข่ายในรายการนี้เม็ดที่สองของเขาด้วยจากการลงบู๊ทั้งหมด 12 นัดเนื่องจากประตูแรกที่กองหลังค่าตัวแพงทำได้ในถ้วยหูใหญ่เป็นเกมดวลกับ อตาลันต้า เมื่อเดือนต.ค.2021
และถึงแม้ ผีแดง จะเล่นได้ดีขึ้นในครึ่งหลัง และเอาชนะ โคเปนเฮเก้น ไปได้ แต่ความจริงแล้วสถิติหลังครบ 90 นาทีของพวกเขาไม่ได้เหนือไปกว่าอาคันตุกะเลยเนื่องจากทั้งสองทีมครองบอลได้เท่ากัน 50:50% โดย แมนฯ ยูไนเต็ด หาโอกาสเช็กบิลได้น้อยกว่าอีกตามเคย 15:16 ครั้ง แต่ส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่า 5:4 ครั้งซึ่งถือว่ามากพอที่จะทำให้พวกเขาซิวชัยในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เป็นนัดแรกนับตั้งแต่บุกไปคว่ำ บียาร์เรอัล 2-0 เมื่อวันที่ 23 พ.ย.2021 และเป็นการชนะเกมเหย้ารายการนี้นัดแรกเช่นกันนับตั้งแต่เกมสยบ อตาลันต้า 3-2 เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2021
5. เตรียมตัวรับแรงกระแทกต่อ
อย่างที่เห็นกันว่าสามเกมหลังที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะคู่แข่งได้ในทุกรายการล้วนเป็นไปอย่างทุลักทะเลทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นเกมลีกสองนัดกับ เบรนท์ฟอร์ด และ เชฟฯ ยูไนเต็ด เรื่อยมาถึงเกมหูใหญ่กับ โคเปเฮเก้น
ฉะนั้นแล้วมันจึงบ่งบอกให้เห็นว่าฟอร์มการเล่นของพวกเขายังไม่อาจวางใจได้ และในเมื่อทีมของ เทน ฮาก ยังเล่นกันได้แค่นี้แฟน ผีแดง ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจกันให้ดีเนื่องจากอีกสองเกมข้างหน้าพวกเขาจะเจอกับเกมที่โหดอย่างแท้จริงแม้จะยังได้เล่นในบ้านทั้งสองนัดก็ตาม
นั่นคือวันอาทิตย์นี้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีนัดทำศึกดาร์บี้แมตช์กับ แมนฯ ซิตี้ ที่ โรงละครแห่งความฝัน ซึ่งในเมื่อพวกเขาต่อกรกับ โคเปนเฮเก้น ได้อย่างสูสีชนิดเจียนอยู่เจียนไป จะมีใครเชื่อบ้างว่า เร้ด เดวิลส์ จะเก็บแต้มในรังไปจากแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้
จากนั้นในเกมกลางสัปดาห์วันพุธที่ 1 พ.ย. แมนฯ ยูไนเต็ด จะป้องกันแชมป์ คาราบาวคัพ ต่อด้วยการเปิดบ้านลงเล่นกับ นิวคาสเซิ่ล คู่ปรับจากซีซั่นก่อนในรอบสี่ และอย่างที่เห็นกันว่า สาลิกาดง ยังมีผลงานที่น่าเกรงขามในซีซั่นนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็น่าจะลำบากหากหวังกำชัยเหนือทีมอีสานได้แบบสบายเท้าเหมือนรอบก่อนหน้านี้ที่พวกเขาเปิดบ้านถลุง คริสตัล พาเลซ 3-0