ประวัติศาสตร์รออยู่, อินเตอร์ พร้อมหักปากกาเซียน! 5 ประเด็นเด็ดก่อนเกม แมนซิตี้ ปะทะ อินเตอร์ ชิงโทรฟี่ "บิ๊กเอียร์"

ประวัติศาสตร์รออยู่, อินเตอร์ พร้อมหักปากกาเซียน! 5 ประเด็นเด็ดก่อนเกม แมนซิตี้ ปะทะ อินเตอร์ ชิงโทรฟี่ "บิ๊กเอียร์"
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหลืออีกแค่ด่านเดียวเท่านั้นพวกเขาก็จะสามารถสร้างประวัติศาสตร์คว้าทริปเบิ้ลแชมป์ในฤดูกาลนี้ โดย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แอนด์ โค. มีคิวต้องปะทะกับ อินเตอร์ มิลาน ในการชิงชัยโทรฟี่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ สำหรับตอนนี้หลายคนยกให้ทัพ "สำเภาทอง" เหนือกว่า "งูใหญ่" ทุกกระบวนท่า เนื่องจากผลงานและความสำเร็จของทีมดังแห่งถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม ข่มคู่แข่งจาก อิตาลี แบบมิดด้าม กอปรกับแรงกระตุ้นในการลุ้น 3 แชมป์เพื่อทาบรัศมีความยิ่งใหญ่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิ่งทำให้พวกเขาฮึกเหิม แต่อย่างลืมในเกมลูกกลมๆ หลายครั้ง "ม้ามืด" อาจจะกลางร่างเป็น "ม้านิลมังกร", "ม้าสีหมอก" หรือ "ม้าเซ็กเธาว์" ดีด "เรือใบสีฟ้า" จนเรือแตกจมทะเลเอาได้ง่ายๆ เช่นกัน

1. ทาบรัศมีความยิ่งใหญ่แมนฯ ยูไนเต็ด


ตอนนี้ใครที่เป็นแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คงอดใจที่จะวาดฝันถึงการได้เห็นทีมรักผงาดคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ในฤดูกาลนี้ หลังจากที่พวกเขาฟาดแชมป์พรีเมียร์ลีก และ เอฟเอ คัพ เอาไประดับในตู้โชว์ถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยมเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้นด่านสุดท้ายก็คือการปราบ อินเตอร์ มิลาน ในรอบชิง ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เท่านั้น

แน่นอนว่าสาวก "เรือใบสีฟ้า" คงรู้สึกเก็บกดมานานจากการที่พวกเขาต้องเป็นเบี้ยล่างให้กับบรรดาแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มานานหลายทศวรรษ จนกระทั่งก้าวสู่ยุคใหม่กับเจ้าของใหม่ระดับอภิมหาเศรษฐีอย่าง ชีคห์ มานซูร์  ที่เข้ามาเทคโอเวอร์และนำทีมประสบความสำเร็จมากมาย จนข่ม "ปีศาจแดง" มิดด้ามในช่วงหลายๆ ปีที่แล้ว

ตอนนี้ แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสที่จะทาบรัศมีความยิ่งใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ถ้าหากพวกเขาสามารถคว้าโทรฟี่ "หูกาง" มาครอบครองได้สำเร็จ เพราะจะทำให้ทีมเถลิง 3 แชมป์ เหมือนที่ "เร้ด เดวิลส์" เคยทำได้ในยุคเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุมบังเหียนในปี 1999 

ลองนึกภาพบรรดาสาวกแมนฯ ซิตี้ สวมเสื้อสีฟ้ายืนเรียงรายอยู่ตามริมถนนในวันที่ทีมรักแห่ 3 แชมป์ไปทั่วเมืองแมนเชสเตอร์ งานนี้บอกเลยว่า "สีแดง" ที่เคยยิ่งใหญ่มานานคงต้องเก็บตัวอยู่เงียบๆ ในบ้าน เพราะโทรฟี่แชมป์คาราบาว คัพ มันทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการวาดฝันว่าทีมจะกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่เหมือนยุคทองของ "ป๋า" !!!

2. เป๊ป ต้องลบคำสบประมาท


ไม่มีใครปฏิเสธว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คือหนึ่งในกุนซือที่เก่งที่สุดในโลก และน่าจะเก่งที่สุดในยุคมิลเลนเนียม เพราะความสำเร็จของเขาที่สร้างมาต้องยอมรับโดยสดุดีว่ามันช่างอลังการงานสร้าง ไม่ใช่แค่เฉพาะโทรฟี่แชมป์เท่านั้น แต่ยังรวมทั้งแนวทางการเล่น และแท็กติกที่หลากหลายที่เจ้าตัวนำมาใช้กับทุกๆ ทีมที่คุม

อย่างไรก็ตามความสำเร็จของ เป๊ป ยังมีบางคนที่ค่อนขอดว่ายังไม่ถึงที่สุด เพราะสมัยที่เจ้าตัวกุมบังเหียน บาร์เซโลน่า ก็มี ลิโอเนล เมสซี่ เป็นคีย์แมนสำคัญที่ช่วยสร้างเกียรติประวัติให้กับเขาทั้งการคว้าแชมป์ ลา ลีกา และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (2 สมัย) แต่พอมาคุม บาเยิร์น มิวนิค เขากับทำได้เพียงแชมป์บุนเดสลีกา เท่านั้น ไม่สามารถนำ "เสือใต้" เถลิงความยิ่งใหญ่บนเวทียุโรปได้เลย

ยิ่งพอมาคุม แมนฯ ซิตี้ ก็โดนแขวะว่าทีมรวยใช้เงินซื้อความสำเร็จ ทั้งๆ ที่เมื่อมองจากคุณภาพในการเล่นของ "เรือใบสีฟ้า" หลายคนต่างซูฮกว่ามันสุดยอดมากๆ และมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะกับคู่แข่งในแต่ละเกม กระนั้นการที่ "เป๊ป" ยังไม่สามารถคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก กับต้นสังกัดก็เลยเป็นช่องว่างให้หลายคนพยายามด้อยค่าเขา 

ด้วยเหตุนี้ นายใหญ่ชาวสแปนิช จึงแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการนำ แมนฯ ซิตี้ ครองโทรฟี่ "บิ๊กเอียร์" ให้ได้ เพราะจะเป็นการตอกย้ำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเจ้าตัวกับสโมสรยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน ไม่ใช่แค่ใน อังกฤษ แต่รวมถึงในยุโรปด้วย 

3. ฮาลันด์ อันตรายแต่ระวัง เชโก้ ให้ดี


ตอนนี้ทุกๆ คนที่เป็นคู่แข่งของแมนฯ ซิตี้ หากได้ยินชื่อของ เออร์ลิง ฮาลันด์ ต่างก็ขาสั่นทั้งๆ เพราะนี่คือกองหน้าที่ร้อนแรงที่สุดในยุคนี้ สถิติการตะบัน 52 ประตูในการเล่นทุกรายการซีซั่นแรกให้กับต้นสังกัดเป็นเครื่องการันตีความโหดของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี

ยิ่งการที่ หัวหอกชาวนอร์เวย์ มีเพื่อนร่วมทีมสายแม่นยำในการเปิดและผ่านบอลอย่าง เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน, แจ็ค กรีลิช รวมทั้ง แบร์นาร์โด้ ซิลวา งานนี้ยิ่งทำให้เขาแทบไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ปรับกบาลกับข้อเท้าให้ตรงก่อนตะบันบอลเท่านั้นเจ้าลูกกลมๆ ก็ลอยละลิ่วเข้าไปซุกก้นตาข่าย 

อย่างไรก็ตาม ฮาลันด์ ก็มนุษย์คนหนึ่งและมีบางเกมที่เจ้าตัวเล่นไม่ออก ฉะนั้น อินเตอร์ ต้องมีแผนเด็ดในการรับมือกับเขา เพราะหากนักเตะไม่สามารถงัดฟอร์มเครื่องจักรถล่มประตูออกมาได้ อย่างน้อยๆ ก็ทำให้แนวรับกับผู้รักษาประตูงานเบาขึ้นนิดนึง 

ไม่ใช่ว่า อินเตอร์ เท่านั้นที่ต้องระวัง เพราะ แมนฯ ซิตี้ ก็อย่าประมาทเด็ดขาด เพราะการเล่นในสไตล์สามัคคีคือพลังเป็นจุดที่ "งูใหญ่" จะนำมาใช้ในแมตช์นี้ ที่สำคัญพวกเขายังมีทีเด็ดอยู่ที่ เอดิน เชก้า หัวหอกจอมเก๋า ซึ่งเป็นศิษย์เก่า "เรือใบสีฟ้า" ด้วย 

แม้ว่าปัจจุบัน เชโก้ อายุ 37 ปีแล้ว แต่สภาพร่างกายยังแข็งแกร่ง ความเก่งฉกาจในการเล่นลูกโด่ง และประสบการณ์ถือสำคัญมากกับ อินเตอร์ อย่างมาก โดยเฉพาะการที่ "เนรัซซูรี่" เป็นทีมที่เน้น "หน้าคู่" ถือว่ามีประโยชน์สำหรับนักเตะ เพราะทั้ง เฮนริค มคิตาร์ยาน, เลาตาโร่ มาร์ติเนซ แม้แต่ ฆัวกิน คอร์เรอา สามารถช่วยแบ่งเบาภาระ เชโก้ ได้เยอะมาก และทำให้เขาไม่ต้องเปลืองพละกำลังมากนัก 

4. เกมรับ อินเตอร์ อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ


แมนฯ ซิตี้ มีจุดเด่นเรื่องการเล่นเกมรุก ในขณะเดียวกัน อินเตอร์ มิลาน มีความแข็งแกร่งในเกมรับ ดังนั้นนี่อาจจะเป็นไม้ตายสำคัญที่จะเอาไว้ใช้ปราบ "เรือใบสีฟ้า" เพราะหลายครั้งพวกเขามักแสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนในด้านนี้เวลาที่เจอกับทีมที่เน้นการเล่นแบบเหนียวแน่นเอาไว้ก่อน'

จากสถิติของ "เนรัซซูรี่" พวกเขาสามารถเก็บคลีนชีตได้ถึง 8 แมตช์จาก 12 เกมในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ รวมทั้งการทำได้ 5 แมตช์จาก 6 เกมในรอบน็อกเอาต์ซะด้วย ดังนั้นนี่คือจุดที่ เป๊ป แอนด์ โค. ต้องระมัดระวังเอาไว้ให้ดีๆ เพราะทีเด็ดอีกอย่างของ อินเตอร์ ก็คือการเล่นสวนกลับ และความเฉียบคมในการยิงประตูของแนวรุก

ลองนึกภาพหาก "เรือใบสีฟ้า"เป็นฝ่ายครองเกมตลอด แต่ไม่สามารถเจาะตาข่าย "งูใหญ่" ได้เลย ยิ่งเวลาผ่านไปสถานการณ์ยิ่งตึงเครียด แถมพวกเขาเคยมีประสบการณ์แบบนี้มาแล้วตอนที่เล่นนัดชิงกับ เชลซี เมื่อ 2 ปีก่อน ฉะนั้น ซิโอเน่ อินซากี้ ต้องกระตุ้นลูกทีมให้ใช้ประโยชน์จากการเล่นเกมรับให้มากที่สุด และฉกฉวยโอกาสจากการเสียสมาธิของ แมนฯ ซิตี้

5. ทริปเบิ้ลแชมป์อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง


การได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก และนำไปสู่การคว้าทริปเบิ้ลแชมป์แน่นอนว่าแฟนบอลแมนฯ ซิตี้ คงยิ้มหัวใจพองตองไปอีกหลายเดือน แต่ในขณะเดียวบนความสำเร็จในระดับประวัติศาสตร์อาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงแบบพลิกสโมสรเลยก็ได้ !!

กวาร์ดิโอล่า สร้างความยิ่งใหญ่กับทัพ "สำเภาทอง" อย่างมากโดยเฉพาะการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัยติดต่อกัน และเป็นแชมป์สมัยที่ 5 จาก 6 ฤดูกาล รวมทั้งการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ และ คาราบาว คัพ ฉะนั้นความสำเร็จในอังกฤษถือเป็นเรื่องปกติสำหรับ "เป๊ป"

อย่างไรก็ตามความยิ่งใหญ่บนแผ่นดินยุโรปของ กุนซือชาวสแปนิช ดูเหมือนว่าจะมีเพียงแค่ตอนที่คุม บาร์เซโลน่า เท่านั้น เพราะกับ บาเยิร์น มิวนิค และ แมนฯ ซิตี้ เขายังไม่สามารถโอบกอดโทรฟี่ "หูกาง" ได้เลย ดังนั้นนี่จึงเป็นเป้าหมายที่จะมาเติมเต็มความสำเร็จของเจ้าตัวให้สมบูรณ์แบบ

หลายคนมองว่าแชมป์ "บิ๊กเอียร์" คือจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายสำหรับ เป๊ป ในการทำงานที่ถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม และถ้าหากเขาสามารถทำได้สำเร็จในฤดูกาลนี้ มีความเป็นไปได้ที่เจ้าตัวอาจจะประกาศข่าวช็อกอำลาสโมสรเพื่อไปหาความท้าทายใหม่

ยิ่งล่าสุด เป๊ป ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธเกี่ยวกับเรื่องการอยู่ทำงานกับ แมนฯ ซิตี้ ต่อไปหากนำทีมได้แชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก ดังนั้นแฟนบอล "เรือใบสีฟ้า" คงต้องภาวนาให้เขาอยู่ต่อหากนำทีมจารึกชื่อบนโทรฟี่ "หูกาง" ได้สำเร็จ ขณะที่สาวกทีมอื่นๆ ในอังกฤษ คงอยากให้ เป๊ป อำลาทีม เพื่อจะทำให้พวกเขาได้เห็นทีมรักลืมตาอ้าปากได้บ้าง !!

ทอมเม้ง


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport