เลาตาโร่ หรือ อัลวาเรซ จะได้อยู่ในทำเนียบไหม? 11 นักเตะที่ได้แชมป์โลกและแชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นเดียวกัน

เลาตาโร่ หรือ อัลวาเรซ จะได้อยู่ในทำเนียบไหม? 11 นักเตะที่ได้แชมป์โลกและแชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นเดียวกัน
ฟุตบอลโลก และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถือเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ในวงการลูกหนังระดับทีมชาติกับสโมสร แน่นอนว่านี่คือการแข่งขัน 2 รายการที่นักฟุตบอลอาชีพใฝ่ฝันอยากจะครอบครองเพื่อเป็นการเติมเต็มเกียรติประวัติในฐานะพ่อค้าแข้ง




สำหรับนักฟุตบอลการได้แชมป์เวิลด์ คัพ หรือได้ชูโทรฟี่ "หูกาง" ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในอาชีพของพวกเขา แต่ถ้าหากบุญพาวาสนาส่งประสบความสำเร็จใน 2 รายการในปีเดียวกันถือว่าเป็นโบนัสในชีวิตเลยทีเดียว

การที่จะได้แชมป์ที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 2 รายการไม่ใช่เรื่องง่าย โดยในซีซั่นนี้ มีแค่ 2 คนเท่านั้นที่มีลุ้นสร้างประวัติศาสตร์นี้นั่นก็คือ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ กองหน้าอินเตอร์ มิลาน และ ฮูเลียน อัลวาเรซ ดาวยิง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เพิ่งคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ร่วมกับ อาร์เจนตินา และตอนนี้ทั้งคู่ต้องดวลกันนัดชิง ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นนี้

ก่อนหน้าที่จะได้รู้ว่า มาร์ติเนซ หรือ อัลวาเรซ จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ลองมาย้อนดู 11 นักเตะที่เคยสร้างชื่อในฐานะแชมป์โลก และแชมป์ถ้วยใบโตยุโรป ภายในฤดูกาลเดียวกัน

1. แกร์ด มุลเลอร์


แม้ว่า แกร์ด มุลเลอร์ จะตะบันไปเพียง 4 ประตูในศึกฟุตบอลโลก 1974 ถือว่าน่าผิดหวังเมื่อเดียวกับตอนที่เขาคว้ารางวัลดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์ด้วยการตะบันไปถึง 10 ประตูเมื่อ 4 ปีก่อน แต่เจ้าตัวคือคนที่ยิงประตูตัดสินเกมนัดชิงเอาชนะ เนเธอร์แลนด์ 2-1 หลังจากนั้น "ไอ้ลูกระเบิด" ซัดเบิ้ลให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ถล่ม แอตเลติโก มาดริด 4-0 ในเกมนัดชิง ศึกยูโรเปี้ยน คัพ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) ในปี 1974 ด้วย

2. โรแบร์โต้ คาร์ลอส


หนึ่งในนักเตะที่มีเท้าซ้ายทรงพลังที่สุดในวงการลูกหนังอย่าง โรแบร์โต้ คาร์ลอส คว้าแชมป์เวิลด์ คัพ และแชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2002 โดยเขาเป็นนักเตะคนล่าสุดที่ทำแบบนี้ได้ในรอบ 16 ปี ตอนนั้น บราซิล เอาชนะ เยอรมนี ได้อย่างสุดยอด นอกจากนี้ คาร์ลอส ยังเป็นคนแอสซิสต์ให้ ซีเนดีน ซีดาน ยิงประตูสำคัญในเกมถ้วยใบโตยุโรปปี 2002 ด้วย  

3. ฟร้านซ์ เบ็คเคนเบาเออร์


หากพิจารณากองหลังที่เก่งที่สุดตลอดการ และเป็นสัญลักษณ์ของวงการฟุตบอลเยอรมนี แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้น ฟร้านซ์ เบ็คเคนเบาเออร์ โดยเขามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการนำเยอรมันตะวันตก (ปัจจุบันคือ เยอร์มัน) และ บาเยิร์น คว้าสองแชมป์สำคัญในปี 1974 "ไกเซอร์ฟร้านซ์" คือกัปตันทีมคนแรกที่ได้ชูโทรฟี่แชมป์เวิลด์ คัพ, ยูโรเปี้ยน คัพ และฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป นอกจากนี้ เบ็คเคนเบาเออร์ ยังเป็นหนึ่งในสามนักเตะที่ได้แชมป์โลกในฐานะผู้เล่น (1974) และกุนซือ (1990)

4. เซปป์ ไมเออร์


ไม่ใช่แค่การสร้างชื่อให้กับ บาเยิร์น และเยอรมันตะวันตก ในช่วงต้นยุค 70 เท่านั้น เซปป์ ไมเออร์ ถือเป็นหนึ่งในนายทวารที่ยิ่งใหญ่ของวงการลูกหนังโลก โดยเขาเป็นผู้เล่นของ "เสือใต้" ชุดคว้าแชมป์ "บิ๊กเอียร์" 3 สมัยซ้อน (1974-1976) ที่สำคัญยังเสียแค่ประตูเดียวจากการลงสนามนัดชิง 3 ครั้ง

5. ราฟาแอล วาราน


วาราน ปัจจุบันเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของเขาเกิดขึ้นตอนที่อยู่กับ เรอัล มาดริด โดย ปราการหลังชาวฝรั่งเศส ประสบความสำเร็จทั้ง 2 รายการในปี 2018 ที่สำคัญเจ้าตัวยังได้แชมป์ "หูกาง" ถึง 4 สมัยจากนั้นก็นำ ฝรั่งเศส คว้าแชมป์เวิลด์ คัพ ที่ประเทศรัสเซีย 

6. ฮันส์-ยอร์ค ชวาร์เซ่นแบร์ก


นี่คือหนึ่งในนักเตะยุคทองของ บาเยิร์น มิวนิค โดยเขาสร้างความสำเร็จมากมายกับทัพ "เสือใต้" และยังได้แชมป์ฟุตบอลโลก กับยูโรเปี้ยน คัพ ในปี 1974 โดย ฮันส์-ยอร์ค ชวาร์เซ่นแบร์ก ซัดประตูในนาทีที่ 120 เกมเสมอ แอตเลติโก มาดริด 1-1 เกมนัดชิง ส่งผลให้ต้องเล่นเกมรีเพลย์ และเป็น บาเยิร์น ที่ถล่มไปสบายเกือก 4-0

7. อูลี่ เฮอเนสส์


อดีตประธานสโมสรบาเยิร์น มิวนิค สมัยเป็นนักเตะมีส่วนสำคัญในการสร้างความสำเร็จกับยอดทีมแห่งแคว้นบาวาเรียน เมื่อแขวนสตั๊ดก็หันไปทำงานในเป็นบอร์ดบริหารทีม โดยย้อนไปตอนที่โลดแล่นในสังเวียนหญ้าเขียวขจี เขาช่วยทัพ "อินทรีเหล็ก" คว้าแชมป์โลก (1974) และ ยูโร (1972) นอกจากนี้ยังได้แชมป์ถ้วยใบโตยุโรปปี 1974 ด้วย 

8. คริสติยอง การอมเบอ 


แม้ว่า ฝรั่งเศส จะผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1998 แต่ คริสติยอง การอมเบอ ไม่ค่อยได้รับเครดิตอย่างที่สมควรจะได้รับซักเท่าไหร่ โดย มิดฟิลด์ทรงผมขัดใจแม่  สร้างผลงานได้ยอดเยี่ยม และถือเป็นห้องเครื่องที่แข็งแกร่งของทีมแต่ไม่ค่อยได้รับโอกาสจาก เอมเม่ ฌักเก้ต์ ให้ลงเล่นตัวจริงกับทัพ "ตราไก่" มากนัก กระนั้นในปีเดียวกัน การอมเบอ มีโอกาสได้ย้ายจาก ซามพ์โดเรีย ไปเล่นกับ เรอัล มาดริด ในช่วงกลางซีซั่น และคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก ในอีก 4 เดือนหลังจากนั้น แถมยิงได้ 3 ประตูในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และรอบตัดเชือก 

9. พอล ไบรท์เนอร์ 

แบ็กซ้ายทรงผมอย่างเท่ ซึ่งเป็นผู้เล่นที่มีพละกำลังและเทคนิคที่หลากหลาย ทำผลงานได้อย่างสุดยอดเมื่อช่วย เยอรมนี คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ในปี 1974 และในปีเดียวกันก็ได้แชมป์ "หูกาง" กับ บาเยิร์น มิวนิค จากนั้นเขาย้ายไปเล่นให้ เรอัล มาดริด และประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ ลา ลีกา 2 สมัย ก่อนจะกลับมาเล่นให้ บาเยิร์น ในอีก 4 ปีหลังจากนั้น 

10. จุปป์ คาเปลมันน์


คาเปลมันน์ อยู่ในช่วงฟอร์มพีคสุดขีดและมีส่วนสำคัญนำ "อินทรีเหล็ก" คว้าแชมป์เวิลด์ คัพ 1974 เขาย้ายจาก โคโลญจน์ มาอยู่กับ บาเยิร์น และก็ประสบความสำเร็จร่วมกับ "เสือใต้" ในถ้วยใบโตยุโรป จากนั้นก็มีโอกาสได้เล่นให้เยอรมันตะวันตก พร้อมกับคว้าแชมป์โลกด้วย 

11. ซามี่ เคดิร่า 


ซามี่ เคดิร่า เจออาการบาดเจ็บเล่นงานอย่างหนักก่อนและระหว่างศึกฟุตบอลโลก 2014 แต่สิ่งนั้นไม่สามารถห้ามเขาในการสร้างประวัติศาสตร์ลูกหนัง โดยย้อนกลับไปในช่วงเวลาดังกล่าวนักเตะหวนกลับมาลงสนามหลังจากใช้เวลาครึ่งปีในการพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ก่อนที่จะมีส่วนช่วยทีมถลุง แอต. มาดริด 4-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ นัดชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2014 จากนั้นก็ติดธง "อินทรีเหล็ก" บุกดินแดนแซมบ้า แต่ก็ต้องโดนโรคเดี้ยงเล่นงานอีกรอบ  แต่สุดท้าย เยอรมนี ก็แชมป์เวิลด์ คัพ ได้สำเร็จ หลังเฉือน อาร์เจนตินา 1-0  

ทอมเม้ง


ที่มาของภาพ : dailystar.co.uk/
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport
X