สถานการณ์ในการลุ้นแชมป์ตอนนี้เหลือเพียงม้าสองตัวได้แก่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ อาร์เซน่อล ขณะที่การลุ้นหนีตกชั้นก็เข้มข้นไม่แพ้กันเพราะมีถึง 6 ทีมที่ต้องดิ้นรนสุดฤทธิ์ในช่วง 3 เกมสุดท้าย สำหรับพื้นที่ท็อปโฟร์ต้องบอกว่าสู้กันเดือดสุดๆ ไม่แพ้กัน และมีสิทธิ์ที่จะต้องวัดกันในวันสุดท้ายของฤดูกาลซะด้วย
ช่วง 2-3 เดือนก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าการลุ้นโควตาไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมากนัก เพราะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถเก็บแต้มได้อย่างต่อเนื่อง และทำคะแนนทิ้งห่าง ลิเวอร์พูล, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ค่อนข้างเยอะ
กระนั้นดูเหมือนสวรรค์อยากให้การลุ้นท็อปโฟร์สนุกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นในช่วงโค้งสุดท้าย เพราะอยู่ดีไม่ว่าดี "หงส์แดง" สามารถเค้นฟอร์มโหดเก็บชัยชนะเป็นว่าเล่น 6 แมตช์ติดต่อกัน ขณะที่คู่แข่งอย่าง "สาลิกาดง" และ "ปีศาจแดง" ทำแต้มหลุดมือไปหลายเกม
ส่งผลให้สถานการณ์ตอนนี้ทีมของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ กระโดดขึ้นมาอยู่อันดับ 5 มี 62 แต้ม ตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 4 เพียง 1 คะแนน และ "เดอะ แม็กพายส์" อันดับ 3 อยู่ 3 คะแนน แต่ "หงส์แดง" แข่งมากกว่า 1 เกม นั่นทำให้โอกาสไม่ได้อยู่ในมือของพวกเขาซะทีเดียว
อย่างไรก็ตามในช่วง 1 เดือนครึ่งนี้ทั้งสามทีมห้ามสะดุดขาตัวเองทำแต้มหลุดมืออย่างเด็ดขาด เพราะการพลาดเพียงแค่เกมเดียว นั่นอาจหมายถึงโควตา แชมเปี้ยนส์ ลีก มีสิทธิ์เปลี่ยนเป็นโควตา ยูโรปา ลีก หรือคอนเฟอเรนซ์ ลีก ได้เลยทีเดียว
งานนี้ลองมาพิจารณาคู่แข่งของ ลิเวอร์พูล ในการแย่งพื้นที่สำคัญเพื่อไปลุยโทรฟี่ "บิ๊กเอียร์" ว่าได้เปรียบพวกเขามากแค่ไหน และมีโอกาสหรือไม่ที่ "เดอะ เร้ดส์" จะสร้างเซอร์ไพรส์แซงคู่แข่งคว้าชิ้นปลามันไปครองได้ !!
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด อันดับ 3 มี 65 คะแนน
โปรแกรมที่เหลือ :
- ลีดส์ ยูไนเต็ด (เยือน)
- ไบรท์ตัน (เหย้า)
- เลสเตอร์ ซิตี้ (เหย้า)
- เชลซี (เยือน)
โอกาสเก็บคะแนนสูงสุด : 77 คะแนน
"เดอะ แม็กพายส์" ถือว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างได้เปรียบคู่แข่งอีก 3 ทีม เพราะพวกเขารั้งอันดับ 3 พร้อมกับมี 65 คะแนน แถมยังมีเกมอยู่ในมืออีก 1 แมตช์ ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ นิวคาสเซิ่ล มีโอกาสปิดจ็อบท็อปโฟร์ได้ไม่ยากนัก
สำหรับโปรแกรมของพวกเขาต้องบอกว่าค่อนข้างยากลำบากเช่นกัน เนื่องจากต้องเจอกับคู่แข่งแย่งท็อปโฟร์อย่าง ไบรท์ตัน และสู้กับทีมหนีตายทั้ง ลีดส์ และ เลสเตอร์ ส่วนการปะทะกับ เชลซี แม้จะไม่มีลุ้นอะไรแล้วแต่ศักดิ์ศรีทีมใหญ่คงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แน่นอน
งานนี้ ลิเวอร์พูล คงต้องภาวนาให้ทีมของกุนซือเอ็ดดี้ ฮาว สะดุดหลายชั้นโดยหวังให้พวกเขาเก็บได้แค่ 5 แต้มจาก 4 เกมที่เหลืออยู่ เพราะนั่นจะทำให้ "สาลิกาดง" มีคะแนนสูงสุดเพียง 70 แต้มเท่านั้น ขณะเดียวกับ คล็อปป์ แอนด์ โค. ก็ต้องเก็บชัย 3 แมตช์รวดเพื่อมี 71 แต้ม จะได้แซงหน้าคู่แข่งแบบไม่ต้องไปลุ้นผลต่างประตูได้เสีย
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันดับ 4 มี 63 คะแนน
โปรแกรมที่เหลือ :
- วูล์ฟส์ (เหย้า)
- บอร์นมัธ (เยือน)
- เชลซี (เหย้า)
- ฟูแล่ม (เหย้า)
โอกาสเก็บคะแนนสูงสุด : 75 คะแนน
แมนฯ ยูไนเต็ด ยึดอันดับ 4 อย่างเหนียวแน่นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และมีคะแนนเหนือกว่า ลิเวอร์พูล 1 คะแนน พร้อมทั้งมีเกมอยู่ในมือ 1 แมตช์ด้วย ฉะนั้นพวกเขายังถือว่ามีภาษีเหนือกว่าคู่อริตลอดกาลพอสมควร
แน่นอนว่า "เดอะ เร้ดส์" ต้องแช่ง "ผีแดง" ให้ทำแต้มหลุดมือ 2 จาก 4 เกมที่เหลืออยู่ของพวกเขาซึ่งหากเป็นแบบนั้นสถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล จะพลิกกลับมาเหนือกว่าทันที แต่แน่นอนว่าเงื่อนไขสำคัญ คล็อปป์ ต้องนำลูกทีมเก็บชัย 3 แมตช์รวดด้วย
มันไม่สำคัญว่า แมนฯ ยูฯ จะเสมอสองเกม, แพ้สองเกม หรือจะผสมกันทั้งสองแบบ เพราะถ้าเกิดจับพลัดจับผลูทั้งสองทีมมีคะแนนเท่ากัน นั่นหมายความว่า ลิเวอร์พูล จะได้เปรียบทันทีเพราะตอนนี้พวกเขามีผลต่างประตูได้เสียเหนือกว่าถึง 17 ลูก
กระนั้นหาก แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถเก็บได้ 9 คะแนนจาก 4 โปรแกรมที่เหลืออยู่ พวกเขาก็จะลอยลำคว้าท็อปโฟร์ไปแบบไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อย เพราะ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถทำคะแนนแซงหน้าได้อย่างแน่นอน
ลิเวอร์พูล อันดับ 5 มี 62 คะแนน
โปรแกรมที่เหลือ :
- เลสเตอร์ (เยือน)
- แอสตัน วิลล่า (เหย้า)
- เซาธ์แฮมป์ตัน (เยือน)
โอกาสเก็บคะแนนสูงสุด : 71 คะแนน
จากทีมที่มีลุ้น 4 แชมป์เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ตอนนี้พวกเขากลายเป็นทีมที่ต้องดิ้นรนในการคว้าท็อปโฟร์ในฤดูกาลนี้ โดยสถานการณ์ของพวกเขาค่อนข้างจะเสียเปรียบทั้ง นิวคาสเซิ่ล และ แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะเป็นรองทั้งคะแนน แถมยังแข่งมากกว่า 1 แมตช์
ก่อนหน้านี้สาวก "เดอะ ค็อป" รวมทั้ง คล็อปป์ ต่างทำใจที่จะต้องย้ายไปเล่นในเกมยูโรปา ลีก ในฤดูกาลหน้า แต่อยู่ดีๆ ในช่วงเดือนที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ทีมดันทำผลงานร้อนแรงเก็บแต้มเป็นว่าเล่น และพุ่งขึ้นมาอยู่อันดับ 5 ขณะที่สองทีมคู่แข่งดันสะดุดทำแต้มหลุดมือไปหลายคะแนน
แน่นอนว่าโปรแกรมของ "หงส์แดง" จะบอกว่ายากก็ยาก จะบอกว่าง่ายก็ง่าย เพราะการต้องพบกับ 2 ทีมหนีตายไม่ใช่งานหมูๆ แน่นอน ขณะที่ วิลล่า ต้องบอกว่าทีเด็ดของพวกเขาอยู่ที่ อูไน เอเมรี่ กุนซือชาวสแปนิช และสามารถทำให้ยอดทีมแห่งถิ่นแอนฟิลด์น้ำตาตกได้เช่นกัน
ทอมเม้ง