การบ้าน5ข้อ บาเยิร์น ต้องทำให้ได้ถ้าหวังพลิกล้ม แมนซิตี้

การบ้าน5ข้อ บาเยิร์น ต้องทำให้ได้ถ้าหวังพลิกล้ม แมนซิตี้
เปิด 5 จุดสำคัญที่ บาเยิร์น ต้องอาศัยให้เป็นประโยชน์ถ้ายังหวังสร้างปาฎิหาริย์เขี่ย แมนฯ ซิตี้ ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังนัดแรกแพ้มาเละเทะ 0-3

โธมัส ทูเคิ่ล เทรนเนอร์ บาเยิร์น มิวนิค มหาอำนาจลูกหนัง บุนเดสลีกา เยอรมัน จะนำทัพ "เสือใต้" ต้อนรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง ที่สนาม อัลลิอันซ์ อารีน่า คืนวันพุธที่ 19 เมษายนนี้ (02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) 

ทูเคิ่ล ต้องเจองานหนักหากหวังผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ หลังจากนัดแรกออกไปพ่าย "เรือใบสีฟ้า" มาก่อนถึง 0-3 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยทีมของ เป็ป กวาร์ดิโอล่า ได้ประตูเรียงหน้าจาก โรดรี้, แบร์นาโด้ ซิลวา และ เออร์ลิง ฮาลันด์

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างยังเป็นไปได้ในเกมลูกหนัง และนี่คือการบ้าน 5 ข้อที่ บาเยิร์น ต้องทำให้ได้ถ้ายังหวังที่จะสร้างปาฎิหาริย์ผ่านเข้ารอบให้ได้

1. อาศัยป้อมปราการเหล็ก

ในฤดูกาลนี้ บาเยิร์น ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและแข็งแกร่งเมื่อลงเล่นถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ อัลลิอันซ์ อารีน่า รังเหย้าของตัวเอง 

ลูกทีมของ ทูเคิ่ล ยิงได้ถึง 11 ประตูและไม่เสียเลยในรอบแบ่งกลุ่มเมื่อเล่นในบ้านกับคู่แข่งทั้ง บาร์เซโลน่า, อินเตอร์ มิลาน และ วิคตอเรีย เพลเซ่น

ขณะที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายก็เปิดบ้านชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 2-0 และที่ผ่านมาในซีซั่นนี้บรรดายอดกองหน้าทั้ง ลิโอเนล เมสซี่, คิลิยัน เอ็มบัปเป้, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และ เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ ไม่สามารถมายิงได้ที่นี่

บาเยิร์น ต้องใช้จุดแข็งนี้เข้าสู้ แมนฯ ซิตี้ และบรรดากองเชียร์ "เสือใต้" ก็ต้องช่วยกันกดดันนักเตะทีมคู่แข่งให้ได้มากที่สุด

2. ทูเคิ่ล เอฟเฟกต์

อีกหนึ่งจุดสำคัญที่จะช่วยให้ บาเยิร์น พลิกชนะ แมนฯ ซิตี้ คือกุนซือของพวกเขาเอง หลัง ทูเคิ่ล  เพิ่งเข้ามาคุม บาเยิร์น ต่อจาก ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ ช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา

ทูเคิ่ล เคยสร้างความเจ็บแสบให้กับ เป็ป มาแล้ว สมัยที่เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน ยังคุม เชลซี เจอ แมนฯ ซิตี้ ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2020/21 รอบชิงชนะเลิศ 

เกมนั้นจบลงด้วยการที่ ทูเคิ่ล นำ "สิงห์บลูส์" เฉือนเอาชนะ 1-0 ส่งผลให้ เป็ป ชวดพา "เรือใบสีฟ้า" คว้าแชมป์ยุโรปสมัยแรกของสโมสรไปอย่างน่าเสียดาย

3. มั่นใจในการคัมแบ็ก

เกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อกเอาต์ เคยมีเหตุการณ์คัมแบ็กผ่านเข้ารอบมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่านัดแรกจะแพ้มา 3 หรือ 4 ลูกก็ยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้เสมอ

บาเยิร์น ก็เคยทำผลงานคัมแบ็กที่ยอดเยี่ยมมาได้เหมือนกันอย่างในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฤดูกาล 2014/15 ที่เกมแรกพวกเขาออกไปแพ้ ปอร์โต้ 1-3 ก่อนกลับมาเปิดบ้านอัดไปถึง 6-1

ทูเคิ่ล ต้องกระตุ้นลูกทีมให้มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถกลับมาได้ และต้องพยายามทำประตูแรกให้เร็วที่สุดเพื่อสร้างความกดดันให้กับนักเตะ แมนฯ ซิตี้ 

4. ใช้ประสบการณ์ให้เป็นประโยชน์

บาเยิร์น ครองเจ้ายุโรปมาแล้ว 6 สมัย ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ยังไม่เคยได้เชยชมถ้วยหูใหญ่เลย และเพิ่งได้มาเล่นใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกเมื่อฤดูกาล 2011/12

นับตั้งแต่ที่ แมนฯ ซิตี้ มาเล่นรายการนี้ครั้งแรกเมื่อปี 2011 นั้น บาเยิร์น สามารถผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศหรือดีกว่านั้นได้ถึง 7 หน 

หากพูดถึงผลงานและประสบการณ์แค่ในรายการนี้ต้องยกให้ บาเยิร์น ที่เหนือกว่า และพวกเขาก็ต้องอาศัยจุดนี้ให้เป็นประโยชน์ด้วย และต้องไม่ก่อความผิดพลาดกันเองเหมือนในนัดที่แล้ว

5. หยุด ฮาลันด์ ให้ได้

เออร์ลิง ฮาลันด์ กองหน้า แมนฯ ซิตี้ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่ย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาเข้าถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อซัมเมอร์ปีที่ผ่านมา

หัวหอกทีมชาตินอร์เวย์ เป็นคนทำประตูที่ 3 ในเกมเจอกันนัดแรก และฤดูกาลนี้เจ้าตัวก็ยิงในทุกรายการไปแล้วถึง 47 ประตู

นักเตะ "เสือใต้" ต้องหยุด ฮาลันด์ ให้ได้ และไม่ใช้แค่ดาวเตะนอร์วีเจี้ยนเท่านั้นที่อันตราย เพราะแนวรุกคนอื่นๆ อย่าง เควิน เดอ บรอยน์, แจ็ค กรีลิช, แบร์นาโด้ ซิลวา หรือแม้แต่ ฟิล โฟเด้น ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา ก็ล้วนน่ากลัวทุกคน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องไม่ปล่อยให้เกิดความผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียว


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport