แนวรุกต่างกันเยอะ! เกร็ดน่ารู้จากเกม มาดริด ทุบ เชลซี

แนวรุกต่างกันเยอะ! เกร็ดน่ารู้จากเกม มาดริด ทุบ เชลซี
จบกันไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับยกแรกในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศระหว่าง เรอัล มาดริด กับ เชลซี ซึ่งบทสรุปก็คือ "ราชันชุดขาว" เปิดรัง ซานติอาโก้ เบร์เนาบว เอาชนะ "สิงห์บลูส์" ไปได้ 2-0

สำหรับเกมนี้นั้นมีจุดที่น่าพูดถึงหลายอย่างทั้งในส่วนของผู้ชนะและผู้แพ้ อย่างเช่นผลงานส่วนตัวของ อันเชล็อตติ และเกมการเล่นที่เลวร้ายของ เชลซี โดยสถิติเหล่านี้บันทึกโดย อ็อปต้า สื่อด้านสถิติชื่อก้องเลยทีเดียว

- ความอันตรายของ วินิซิอุส

ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้ วินิซิอุส จูเนียร์ ถือเป็นหนึ่งในกำลังหลักในเกมรุกของ มาดริด จากการที่เขามักจะทำผลงานได้ดีหลายนัด โดยในเกมล่าสุดเขาหาช่องว่างได้ดีจนได้จับบอลในกรอบเขตโทษของ เชลซี ถึง 19 ครั้ง ซึ่งในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้นั้น มันไม่มีนักเตะคนไหนเลยที่ได้จับบอลภายในกรอบ 18 หลาบ่อยมากเท่ากับเขา ในทางตรงกันข้าม นักเตะของ เชลซี ได้จับบอลในกรอบเขตโทษของ มาดริด รวมกันแค่ 10 หนเท่านั้น

นอกจากนี้ วินิซิอุส ก็ถือเป็นนักเตะที่มีจังหวะเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งเยอะที่สุดของศึกชิงถ้วยบิ๊กเอียร์ประจำซีซั่น 2022-23 ด้วย หลังจากทำได้ถึง 36 ครั้ง โดยอันดับ 2 คือ ราฟาเอล เลเอา ดาวเตะ เอซี มิลาน ที่ทำอย่างนั้นได้ 33 หน

- เชลซี โดนล่อเป้าเยอะ

เกมนี้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีมชั่วคราวของ เชลซี วางแผนให้ทีมมาเน้นเล่นเกมรับเป็นหลัก ซึ่งนั่นก็ส่งผลให้แค่ในครึ่งแรก มาดริด ก็มีจังหวะยิงตรงกรอบถึง 8 ครั้ง และหากนับตั้งแต่ที่ อ็อปต้า มีการบันทึกสถิติต่างๆ กันตั้งแต่ฤดูกาล 2003-04 เป็นต้นมาแล้วล่ะก็ นี่ก็ถือเป็นเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พวกเขาปล่อยให้คู่แข่งมีจังหวะยิงตรงกรอบในครึ่งแรกมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ร่วม

ขณะที่ในครึ่งหลัง มาดริด ก็มีจังหวะยิงตรงกรอบอีก 2 ครั้ง ทำให้จำนวนรวมตลอดทั้งเกมเป็น 10 หน ซึ่งมันก็ทำให้นี่นับเป็นเกมแรกนับตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมปี 2019 ที่ เชลซี ปล่อยให้คู่ต่อสู้มีจังหวะยิงตรงกรอบภายในเกมเดียวอย่างน้อย 10 ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายก่อนหน้านี้เป็นเกมลีกนัดแพ้ ลิเวอร์พูล 1-2 เมื่อช่วงเดือนกันยายน ปี 2019 ซึ่งครั้งนั้น "หงส์แดง" มีจังหวะยิงตรงกรอบ 11 ครั้ง และกุนซือของ เชลซี ในตอนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น แลมพาร์ด นั่นเอง

- เบนเซม่า ฮอตต่อเนื่อง

เรียกได้ว่ายังคงรักษาฟอร์มการทำประตูที่น่าประทับใจเอาไว้ได้สำหรับ คาริม เบนเซม่า เพราะนัดล่าสุดเขาเป็นคนทำประตูขึ้นนำให้กับทีม และมันก็นับเป็นประตูที่ 20 ของเขาในการเจอกับสโมสรจากอังกฤษ มีเพียง ลิโอเนล เมสซี่ ที่เจาะตาข่ายสโมสรจากเมืองผู้ดีได้มากกว่าเขาภายหลัง เมสซี่ ยิงได้ 27 ลูก

ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นก็คือหากนับตั้งแต่ตอนเข้าสู่ปี 2023 เป็นต้นมาแล้วล่ะก็ เบนเซม่า ก็ทำประตูในทุกรายการได้แล้ว 18 ลูก ทำให้เขาเป็นนักเตะที่ทำประตูได้มากที่สุดในปีนี้ร่วมกับ เออร์ลิง ฮาลันด์ ดาวยิง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เลยทีเดียว แถมประตูจากนัดล่าสุดยังทำให้ เบนเซม่า กลายเป็นคนที่ 4 ในประวัติศาสตร์ที่ทำประตูในถ้วยบิ๊กเอียร์ได้แตะหลัก 90 ลูกอีกต่างหาก โดยมันเป็นลูกที่ 90 ของเขาพอดี อีก 3 คนได้แก่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (140 ประตู), เมสซี่ (129 ลูก) และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (91 ลูก)

- เกมรุกสุดทื่อของ เชลซี

ด้วยความที่ เชลซี เป็นทีมดังรวมถึงมีนักเตะแกนรุกค่าตัวแพงหลายคน ทำให้มันเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนจะคาดหวังว่าพวกเขาจะทำประตูได้เยอะในระดับหนึ่ง แต่นัดล่าสุดทีมของ แลมพาร์ด กลับทำอย่างนั้นไม่ได้ จนทำให้นี่นับเป็นเกมที่ 4 ติดต่อกันแล้วที่พวกเขาเจาะตาข่ายคู่แข่งไม่สำเร็จ

ทั้งนี้ นี่นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1993 ที่ เชลซี เท้าบอด 4 เกมติดต่อกันในทุกรายการ โดยตอนนั้นพวกเขาแพ้ อาร์เซน่อล 0-2, เสมอกับ แมนฯ ซิตี้ 0-0, พ่าย เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 0-1 ต่อด้วยการปราชัยต่อ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 0-2 ซึ่งหากเจาะลึกลงไปแล้วนั้น เชลซี ก็ยิงประตูไม่ได้มาเกิน 6 ชั่วโมงเข้าไปแล้ว ทั้งที่ในช่วงเวลานั้นพวกเขาได้จังหวะยิงรวมกันถึง 61 หนด้วยกัน

- อันเชล็อตติ ครองสถิติเดี่ยวๆ

นี่นับเป็นชัยชนะในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฐานะกุนซือ มาดริด นัดที่ 35 ของ คาร์โล อันเชล็อตติ โดยเขาทำได้จากการนำทีมลงเล่นในรายการนี้ไปเพียง 47 นัด ซึ่งนี่ก็ทำให้เขาเป็นกุนซือ "ราชันชุดขาว" ที่ชนะในเกมชิงถ้วยบิ๊กเอียร์แบบเดี่ยวๆ มากที่สุดได้แล้ว หลังก่อนหน้านี้ครองสถิติร่วมกับ บิเซนเต้ เดล บอสเก้


- เด็กเกร็ดบอล -


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : เด็กเกร็ดบอล
เด็กเกร็ดบอล
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport