"ราชันชุดขาว" ของกุนซือ คาร์โล อันเชล็อตติ แม้พึ่งพ่ายมาในเกมลีกแต่ผลงานรายการนี้ไว้ใจได้แนวรุกวาง คาริม เบนเซม่า นำทัพ ต้อนรับ "สิงห์บลูส์" ที่นายใหญ่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด มีเรื่องให้คิดเพียบหลังทีมไม่ชนะใครมา 4 เกมติดต่อกัน ในศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก คืนวันพุธที่ 12 เมษายนนี้
ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก
วันพุธที่ 12 เมษายน 2566
เรอัล มาดริด (สเปน) - เชลซี (อังกฤษ)
เวลา : 02.00 น. ถ่ายทอดสด : bein sport 3
สนาม : เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว, มาดริด
เรอัล มาดริด แพ้เป็นเกมแรกในรอบ 3 เกมรวมทุกรายการหลังเปิดบ้านพ่ายให้กับ บียาร์เรอัล 2-3 ในเกมลีกนัดล่าสุด ส่วนผลงานในรายการนี้เจ้าบ้านผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายมาได้ด้วยการถล่มเอาชนะ ลิเวอร์พูล ด้วยสกอร์ 6-2 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
ความพร้อมในเกมนี้ คาร์โล อันเชล็อตติ เทรนเนอร์ชาวอิตาลี ยังคงไม่สามารถใช้งาน แฟร์กล็อง เมนดี้ ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บบริเวณน่องจากการฝึกซ้อมเมื่อเดือนที่แล้วเพียงแค่รายเดียวเท่านั้น
ทางด้าน เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ที่เดินเข้าไปชกหน้า อเล็กซ์ บาเอน่า แข้ง เรือดำน้ำสีเหลือง บริเวณลานจอดรถบัสหลังจบเกมล่าสุด เนื่องจาก บัลเบร์เด้ ผูกใจเจ็บที่ บาเอน่า เคยพูดจาถากถางเขาเรื่องลูกในเกม โกปา เดล เรย์ ที่ทั้งสองทีมเคยดวลกันมาก่อนจะยังไม่ได้รับโทษแบนในทันทีทันใดและจะลงสนามได้ตามปกติ แม้ว่า บาเอน่า เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ตาม
ส่วนการจัดทัพคาดว่า อันเชล็อตติ จะมาในระบบ 4-3-3 โดยที่ คาริม เบนเซม่า จะได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า พร้อมกับมี เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ และ วินิซิอุส จูเนียร์ ขนาบข้างในพื้นที่ริมเส้นขวา-ซ้ายตามลำดับ
ขณะที่ในแดนกลางเป็นหน้าที่ของ ลูก้า โมดริช, เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า และ โทนี่ โครส คอยเดินเกม ทางด้านตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กใช้งาน อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และ เอแดร์ มิลิเตา คุมหลังบ้านอยู่ด้านหน้าผู้รักษาประตูอย่าง ติโบต์ กูร์กตัวส์ ที่ทำหน้าที่เฝ้าเสา
เชลซี ไม่ชนะใครมา 4 เกมติดต่อกันในลีกหลังออกไปพ่ายให้กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน 0-1 ในเกมลีกนัดล่าสุด ส่วนผลงานในรายการนี้ทีมเยือนผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายมาได้ด้วยการเฉือนชนะ ดอร์ทมุนด์ ด้วยสกอร์รวม 2-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
สภาพทีมในเกมนี้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีมชาวอังกฤษ ยังคงไม่มี เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า และ อาร์มานโด้ โบรย่า ที่โดนโรคเดี้ยงเล่นงาน รวมไปถึง เบอนัวต์ บาเดียชิล, ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง, โนนี่ มาดูเอเก้ และ ดาวิด ดาโทร โฟฟาน่า ที่ไร้ชื่อบู๊ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อคเอาท์ แต่มีข่าวดีคือ ติอาโก้ ซิลวา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ เมสัน เมาท์ กลับมาฝึกซ้อมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทางด้าน เกปา อาร์ริซาบาลาก้า, ติอาโก้ ซิลวา, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, คอเนอร์ กัลลาเกอร์, รีซ เจมส์, คาลิดู คูลิบาลี่ และ มิไคโล มูดริค จะพลาดการลงสนามในเกมนัดที่สองของรอบ 8 ทีมสุดท้ายทันทีถ้าหากพวกเขาโดนใบเหลืองอีกหนึ่งใบในเกมนี้
ส่วนการจัดทัพคาดว่า แลมพาร์ด จะมาในระบบ 4-3-3 โดยที่ ไค ฮาแวร์ทซ์ จะได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า พร้อมกับมี ราฮีม สเตอร์ลิง และ ชูเอา เฟลิกซ์ ขนาบข้างในพื้นที่ริมเส้นขวา-ซ้ายตามลำดับ
ขณะที่ในแดนกลางเป็นหน้าที่ของ มาเตโอ โควาชิซ, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ คอยเดินเกม ทางด้านตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กใช้งาน เวสลี่ย์ โฟฟาน่า และ คาลิดู คูลิบาลี่ คุมหลังบ้านอยู่ด้านหน้าผู้รักษาประตูอย่าง เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ที่ทำหน้าที่เฝ้าเสา
รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
เรอัล มาดริด (4-3-3) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ - ดานี่ การ์บาฆาล, เอแดร์ มิลิเตา, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, ดาวิด อลาบา - ลูก้า โมดริช, เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า, โทนี่ โครส - เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้, คาริม เบนเซม่า, วินิซิอุส จูเนียร์
เชลซี (4-3-3) : เกปา อาร์ริซาบาลาก้า - รีซ เจมส์, เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, คาลิดู คูลิบาลี่, เบน ชิลเวลล์ - มาเตโอ โควาชิซ, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ - ราฮีม สเตอร์ลิง, ไค ฮาแวร์ทซ์, ชูเอา เฟลิกซ์
ผู้ตัดสิน : ฟร็องซัวส์ เลเตอซิเย่ร์ (ฝรั่งเศส)
ผลการพบกัน 5 นัดหลังสุด
วัน/เดือน/ปี รายการ ผลการแข่งขัน
13/04/22 แชมเปี้ยนส์ ลีกเรอัล มาดริด 2 - 3 เชลซี
07/04/22 แชมเปี้ยนส์ ลีกเชลซี1 - 3เรอัล มาดริด
06/05/21 แชมเปี้ยนส์ ลีกเชลซี2 - 0เรอัล มาดริด
28/04/21 แชมเปี้ยนส์ ลีกเรอัล มาดริด1 - 1เชลซี
31/07/16 ไอซีซีเรอัล มาดริด3 - 2เชลซี
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
เรอัล มาดริด
09/04/23 แพ้ บียาร์เรอัล 2-3 (เหย้า) ลา ลีกา
06/04/23 ชนะ บาร์เซโลน่า 4-0 (เยือน) โกปา เดล เรย์
02/04/23 ชนะ เรอัล บายาโดลิด 6-0 (เหย้า) ลา ลีกา
20/03/23 แพ้ บาร์เซโลน่า 1-2 (เยือน) ลา ลีกา
16/03/23 ชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 (เหย้า) แชมเปี้ยนส์ ลีก
เชลซี
08/04/23 แพ้ วูล์ฟแฮมป์ตัน 0-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
04/04/23 เสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
01/04/23 แพ้ แอสตัน วิลล่า 0-2 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
18/03/23 เสมอ เอฟเวอร์ตัน 2-2 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
11/03/23 ชนะ เลสเตอร์ 3-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก