ไร้ปาฏิหาริย์ที่เบร์นาเบว! เบนเซม่า ซัลโวประตูโทนให้ เรอัล มาดริด ย้ำชัยเหนือ ลิเวอร์พูล 1-0 รวมผลสองนัดผ่านเข้าไปเล่นในรอบก่อนรองชนะเลิศ ด้วยประตูรวม 6-2 ส่วน "หงส์แดง" จอดแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย หมดลุ้นทุกถ้วยในฤดูกาลนี้ โดยการจับสลากรอบ 8 ทีมสุดท้ายจะมีขึ้นในช่วงเย็นวันศุกร์นี้
ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัด 2 เมื่อคืนวันพุธที่ 15 มีนาคม ที่ผ่านมา เจ้าบ้าน เรอัล มาดริด เปิด ซานติอาโก้ เบร์นาเบว รับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล โดยเกมแรกที่ แอนฟิลด์ แชมป์เก่า ราชันชุดขาว บุกไปเอาชนะมาถึง 5-2
คาร์โล อันเชลอตติ เกมนี้ได้ คาริม เบนเซม่า กัปตันทีมจอมเก๋าฟิตทันกลับมาล่าตาข่ายร่วมกับ เฟเดรีโก้ วัลเวร์เด้ และ วินิซิอุส จูเนียร์
ส่วนทาง เจอร์เก้น คล็อปป์ สภาพทีมไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ขาดทั้ สเตฟาน บายเซติช และกัปตันทีมอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ป่วยไม่ได้เดินทางมากับทีม ทำให้แดนกลางปรับทัพส่งทั้ง ดีโอโก้ โชต้า และเจมส์ มิลเนอร์ ลงปั้นเกมร่วมกับ ฟาบินโญ่ โดยมีสามประสานแดนหน้าชุดเดิมทั้ง
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ,โคดี้ กัคโป และ ดาร์วิน นูนเญซ
เปิดฉากครึ่งแรก แค่นาทีที่ 7 "หงส์แดง" เกือบได้ลุ้นขึ้นนำ จากความผิดพลาดของแนวรับ เรอัล มาดริด ที่ส่งคืนหลังให้ รือดิเกอร์ ห่างไปก่อนที่ ซาลาห์ จะวิ่งไปฉกบอลแล้วจ่ายต่อให้ ดาร์วิน นูนเญซ ซัดไปติดเซฟของ ติโบต์ กูร์กตัวส์
นาที 14 แฟนชุดขาวเกือบได้เฮ หลัง โทนี่ โครส เปิดไปเสาไกลให้ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ โขกย้อนมาเสาแรกถึง วินิซิอุส จูเนียร์ แปไม่ถึง 5 หลาแต่ยังไปติดเซฟของ อลีสซง อย่างเหลื่อเชื่อ
กลายเป็นทัพราชันชุดขาว ที่บุกได้น้ำได้เนื้อกว่า มีลุ้นอีกครั้งในนาทีที่ 20 จากจังหวะยิงไกลของ เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า บอลพุ่งโดนปลายมือ อลีสซง ก่อนเลยไปชนคานอย่างน่าเสียดาย
เกมรุกของเจ้าถิ่นยังดุดันบุกมาต่อเนื่อง นาที 22 ลูก้า โมดริช เก็บแถวสองได้ก่อนตะบันซัดเต็มแรงจากนอกกรอบ ก่อนบอลพุ่งเฉียดคานออกไป
นาที 33 ลิเวอร์พูล ได้ลุยขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ได้ลุ้นทันทีหลัง นูนเญซ ลากหนีก การ์บาฆาล เข้าไปซัดกำลังจะเสียบเสาไกลอยู่แล้วแต่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ยังเร็วพุ่งปัดปลายนิ้ว
อีกสามนาทีถัดมา กัคโป ได้ลองซัดเน้นๆเต็มแรงแต่บอลยังพุ่งไปตรงตัวกูร์กตัวส์ ปัดออกไปได้
จบครึ่งแรก ยังเสมอกัน 0-0
นาที 53 ลิเวอร์พูล เกือบเสียท่าหลัง เบนเซม่า แทงบอลให้ เฟเดรีโก้ วัลเวร์เด้ หลุดไปซัด อลีสซง ที่ออกมาปิดมุม แต่ยังตามไปเก็บบอลก่อนจ่ายคืนมาให้ เบนเซม่า อัดด้วยขวาไปตรงตัว อลีสซง อีกที
จนแล้วจนรอด "หงส์แดง" เป็นฝ่ายเสียจนได้ จากจังหวะที่ เบนเซม่า ดีดสุดเหนือให้ วินิซิอุส จูเนียร์ แต่สตาร์ทีมชาติบราซิลเสียหลักเป็นล้มลงไปแต่บอลไปเข้าทาง เบนเซม่า ได้ยิงโล่งๆ หน้าประตูเข้าไปไม่เหลือให้ เรอัล มาดริด ขึ้นนำ ลิเวอร์พูล 1-0 ในนาที 78
นาที 83 หงส์แดง เกือบได้ลุ้นตีเสมอจาก เอลเลียต ตัวสำรองที่ซัดนอกกรอบแต่ กูร์กตัวส์ ยังเหนียวปัดออกไปได้
ช่วงทดเจ็บ นาที 90+2 โรดรีโก้ วิ่งมาซัดติดบล็อค ฟาน ไดค์ บอลแฉลบไปโดนแขน ซิมิกาส ก่อนที่ ผู้ตัดสินจะวิ่งไปดูที่จอ วีเออาร์ ข้างสนามซึ่งปรากฎว่าวิ่งมาทำสัญญาณมือว่าไม่ให้จุดโทษ
จบเกม เรอัล มาดริด ย้ำชัยเหนือ ลิเวอร์พูล 1-0 รวมผลสองนัดผ่านเข้าไปเล่นในรอบก่อนรองชนะเลิศ ด้วยประตูรวม 6-2 ส่วน "หงส์แดง" จอดแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย หมดลุ้นทุกถ้วยในฤดูกาลนี้ โดยการจับสลากรอบ 8 ทีมสุดท้ายจะมีขึ้นในช่วงเย็นวันศุกร์นี้
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เรอัล มาดริด (4-3-3) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ - ดาเนียล การ์บาฆาล (ลูกัส บาสเกซ น.86), เอแดร์ มิลิเตา, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, นาโช่ เฟร์นานเดซ - ลูก้า โมดริช (ดานี่ เซบายอส น.82), เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า, โทนี่ โครส (ออเรเลียง ชูอาเมนี่ น.84) - เฟเดรีโก้ วัลเวร์เด้, คาริม เบนเซม่า (โรดรีโก้ น.82), วินิซิอุส จูเนียร์ (มาร์โก อเซนซิโอ้ น.84)
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ - เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (คอสตาส ซิมิกาส น.90+1) - ดีโอโก้ โชต้า (ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ น.57), ฟาบินโญ่, เจมส์ มิลเนอร์ (อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน น.73) - โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ,โคดี้ กัคโป (ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ น.90+1), ดาร์วิน นูนเญซ (โรแบร์โต ฟีร์มิโน่ น.57)