แอนฟิลด์ ถูกเผา,เบนเซม่า ทิงเจอร์เรียกพี่! 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล โดน มาดริด บุกขยี้เละ

เจออย่างนี้เข้าไป มันจึงกลายเป็นบอลแพ้ทางกันไปแล้วเนื่องจากเป็นเกมที่เจ็ดติดต่อกันแล้วที่ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ไม่สามารถกำชัยเหนือ ราชันชุดขาว ได้เลยโดยเฉพาะเกมล่าสุดนับเป็นหายนะของสังเวียนแข้ง แอนฟิลด์ โดยแท้

ยิ่งไปกว่านั้น ลิเวอร์พูล เป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยที่ออกนำสองเม็ด แต่แพ้ด้วยผลต่างประตูที่มากกว่าสามลูกขึ้นไปในเกมที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ คุมทีมลงเล่นเป็นเกมที่ 200 พอดีในทุกรายการ ขณะที่ ราชันชุดขาว ก็เป็นทีมแรกเช่นกันที่โดนสอยตาข่ายก่อนสองตุง แต่พลิกชนะมากกว่าสามตุงของฟุตบอลรายการนี้

1.หงส์ ส่งชุดเดิมบุกสยบ สาลิกา ลงบู๊

ลิเวอร์พูล ไม่มีการเปลี่ยนทีมจากเกม พรีเมียร์ลีก นัดล่าสุดที่บุกไปคว่ำ นิวคาสเซิ่ล 2-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาซึ่งหมายความว่า ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าทีมชาติ อุรุกวัย ที่เจ็บไหล่จนต้องเปลี่ยนตัวออกฟิตมากพอที่จะลงบู๊ได้

พร้อมกันนี้ โคดี้ กัคโป ขุนพลทีมชาติ ฮอลแลนด์ ที่เริ่มพังประตูให้ หงส์แดง ได้แล้วสองนัดซ้อนได้ประเดิมสนามในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก ให้ทีมยักษ์แห่งเมอร์ซีย์ไซด์เช่นกัน

ด้าน สเตฟาน บายเซติช กลายเป็นดาวเตะ หงส์แดง อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ให้กับสโมสรในวัย 18 ปี 122 วัน ทำลายสถิติเดิมของ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ 18 ปี 318 วันในเกมเยือน อินเตอร์ มิลาน เมื่อปีก่อน

2. ราชัน ได้ เบนเซม่า ฟิตนำทัพ

เรอัล มาดริด บุกมาเยือน แอนฟิลด์ โดยมี คาริม เบนเซม่า กองหน้าจอมเก๋าลงบู๊ได้หลังมีปัญหาบาดเจ็บกล้ามเนื้อ และถูกพักเอาไว้ไม่มีชื่อร่วมทีมนัดบุกไปสอย โอซาซูน่า 2-0 ในเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์

นอกจากนี้ ดานี่ การ์บาฆาล ซึ่งถูกส่งลงเล่นเป็นตัวสำรองเมื่อวันเสาร์ก็กลับมาอยู่ในโผตัวจริง แถม โทนี่ โครส ซึ่งมีข่าวชวดบู๊เกมนี้เนื่องจากป่วยบินมากับทีมด้วย และนั่งรออยู่ที่ข้างสนาม

กระนั้นก็ดี ในรายของ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ที่ตกเป็นข่าวพลาดเกมนี้เนื่องจากป่วยเช่นเดียวกับดาวเตะชาวเมืองไส้กรอกไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

รวมแล้ว แชมป์เก่า ปรับทัพสองรายโดย ดานี่ เซบายอส กับ นาโช่ เฟร์นานเดซ หล่นไปเป็นตัวสำรองหลีกทางให้ เบนเซม่า กับ การ์บาฆาล

3. เริ่มต้นดีมีชัยซะที่ไหน

ถือเป็นเกมที่ ลิเวอร์พูล เริ่มต้นได้ดีเหลือเชื่อเมื่อใช้เวลาสามนาทีต้มมาม่าออกนำไปก่อนจากลูกไขว้ของ นูนเญซ ที่ โม ซาลาห์ จ่ายให้อย่างเหมาะเหม็ง

ต่อประตูดังกล่าวของดาวยิงละติน มีการยืนยันว่าอุบัติขึ้นในเวลา 3 นาที 10 วินาทีของเกมซึ่งกลายเป็นประตูที่เกิดขึ้นเร็วที่สุดในรายการนี้ของ เร้ด แมชีน ในรังของตัวเองด้วย

ถึงตรงนี้จึงดูท่าว่า คล็อปป์ สร้างสามพระกาฬในแนวรุกโฉมใหม่แทน ซาลาห์-ซาดิโอ มาเน่-โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ได้อย่างลงตัวแล้วเนื่องจาก ซาลาห์-นูนเญซ-กัคโป เริ่มผลิตประตูให้กับทีมได้ แต่กลายเป็นว่า ลิเวอร์พูล แพ้ยับ

4. สถิติที่ไร้ค่าของ ซาลาห์

หลังผ่านบอลให้ นูนเญซ ซัดเม็ดแรกพาทีมออกนำ ซาลาห์ ก็สบโอกาสกระทุ้งเม็ดสองให้กับเจ้าบ้านในนาทีที่ 14 พร้อมทั้งสร้างสถิติมากมายด้วยการนำเป็นดาวซัลโวของถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นนี้แปดประตู

ขณะเดียวกัน กองหน้าทีมชาติ อียิปต์ ยังผงาดเป็นดาวซัลโวสูงสุดในรายการนี้ของดาวเตะแอฟริกันร่วมกับ ดิดิเยร์ ดร็อกบา 44 ประตูด้วย (ไม่นับรวมเกมในรอบคัดเลือก)

ดิดิเยร์ ดร็อกบา , โม ซาลาห์ 44 ประตู

ซามูเอล เอโต้ 30 ประตู

ซาดิโอ มาเน่ 27 ประตู

ริยาด มาห์เรซ 19 ประตู

ปิแอร์ เอเมริค โอบาเมยอง  17 ประตู

พร้อมกันนี้ บังโม แซงนำ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ไปแล้วกับการเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลในถ้วยใบนี้ของสโมสร 42 ประตูมากกว่า เดอะ เจิด หนึ่งประตู แต่สุดท้ายทั้งหมดนี้ก็ไม่มีความหมาย

5. ที่นี่ แอนฟิลด์

หลังจัดการยิงเบิ้ลตีเสมอให้ เรอัล มาดริด 2-2 วินิซิอุส ก็สถาปนาตัวเองเป็นมือปราบ หงส์แดง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

รวมเบ็ดเสร็จ กองหน้าทีมชาติ บราซิล ฉีกตาข่าย ลิเวอร์พูล ได้เป็นเม็ดที่ห้าแล้วซึ่งทำให้เขาเป็นดาวยิงที่กระซวกประตู เร้ด แมชีน ในรายการนี้ได้มากที่สุด ส่วนอันดับรองลงมาได้แก่ เบนเซม่า และ ดร็อกบา ซึ่งจัดการไปได้ 4 ประตูเท่ากัน

และที่สำคัญ วินิซิอุส เป็นนักเตะทีมเยือนที่อายุน้อยที่สุด ( 22 ปี 224 วัน) รองจาก โยฮัน ครัฟฟ์ ( 19 ปี 233 วัน) ที่บุกมายิงประตูใน แอนฟิลด์ ได้สองเม็ดในเกมฟุตบอลยุโรปนัดเดียวกันโดยตำนานทีมชาติ ฮอลแลนด์ ผู้ล่วงลับทำได้ในสีเสื้อของ อาแจ็กซ์ ในเกม ยูโรเปี้ยนคัพ เดือนธ.ค.1966

อย่างไรก็ดี เบนเซม่า ไม่ยอมน้อยหน้าเมื่อจัดการกดได้สองเม็ดเช่นกัน พร้อมทั้งกลายเป็นนักเตะอายุมากที่สุดที่ยิงประตูในรังของ หงส์แดง ได้ในถ้วยยุโรป (35ปี) ทำลายสถิติของ  อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ ที่เคยทำไว้กับ อูดิเนเซ่ ในศึก ยูโรปาลีก เดือนต.ค. 2012

และจากสองประตูที่ว่าก็ทำให้ดาวยิงเลือดน้ำหอมกลายเป็นตัวแสบอันดับหนึ่งของ ลิเวอร์พูล แทน วินิซิอุส ทันทีเนื่องจากเขาเพิ่มสถิติยิงประตูทีมดังของอังกฤษรายนี้ได้เพิ่มเป็นหกเม็ดมากกว่าพ่อค้าแข้งทุกรายที่ทำได้กับ หงส์แดง ในถ้วยใหญ่ของยุโรปโดยในจำนวนนี้สี่ประตูเกิดขึ้นที่ แอนฟิลด์ ด้วยซึ่งทำให้เขาเป็นนักเตะที่ยิงได้ในสนามแห่งนี้ของถ้วยยุโรปมากกว่าดาวเตะทีมเยือนทุกชีวิตเช่นกัน

ขณะเดียวกัน ลิเวอร์พูล ไม่เคยเสียประตูนัดเหย้าของถ้วยยุโรปมากถึง 5 ประตูมาก่อนด้วย แต่หนีไม่พ้นโดน เรอัล มาดริด ทำแสบเข้าให้จนได้

อย่างไรก็ดี หากนับรวมรายการอื่นก็ถือเป็นหนที่สามในรอบศตวรรษที่ เร้ด แมชีน โดนยิงในบ้านห้าเม็ดจากที่เคยแพ้ อาร์เซน่อล 6-3 เมื่อเดือนม.ค.2007 และเสมอ อาร์เซน่อล 5-5 เมื่อเดือนต.ค. 2019 (ถ้วย คาราบาวคัพ ลิเวอร์พูล ชนะการดวลลูกโทษตัดสิน)

นอกจากนี้ สมัยยังเป็นดิวิชั่นหนึ่งเดิม ลิเวอร์พูล เคยโดน เวสต์บรอมวิช บุกมาถล่ม 5-2 ในเกมเมื่อวันที่ 27 ต.ค. 1951