อย่างที่ทราบกันว่า ตอนนี้ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังเจอมรสุมครั้งใหญ่ และอาจถูกลงโทษสถานหนัก ถึงขั้นโดนปรับตกชั้นจากเวที พรีเมียร์ลีก จากการละเมิดกฎไฟแนนเชี่ยลแฟร์เพลย์มากกว่า 100 ครั้ง ช่วงระหว่างปี 2009-2018 ซึ่งถึงแม้สโมสรยืนยันแล้วว่า พวกเขาไม่ได้กระทำผิด แต่ถ้าหากความผิดดังกล่าวได้รับการยืนยัน โทษสูงสุดคือการปรับ "ตกชั้น" และนี่คือ 5 สโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรป ที่เคยถูกปรับลงไปเริ่มต้นใหม่ในลีกระดับล่างของประเทศตัวเอง (ข้อมูลจาก dailystar.co.uk)
- ยูเวนตุส
"กัลโชโปลี" ถือเป็นคดีอื้อฉาวที่เขย่าวงการฟุตบอล และได้เปลี่ยนอนาคตของ ยูเวนตุส ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางการสืบสวนของตำรวจอิตาลีไปตลอดกาล
ยูเวนตุส ถูกตัดสินว่ามีความผิด เกี่ยวกับการกดดันผู้ตัดสินให้เป่าเข้าข้างพวกตน ซึ่งผลพวงดังกล่าวทำให้ก่อนเริ่มต้นฤดูกาล 2006/07 พวกเขาถูกริบตำแหน่งแชมป์ เซเรีย อา (สคูเด็ตโต้) สองสมัย และที่หนักว่านั้นคือการถูกปรับตกชั้นสู่ เซเรีย บี
"ม้าลาย" เริ่มต้นฤดูกาล 2006/07 ในเวที เซเรีย บี ด้วยการมีคะแนนติดลบ 9 แต้ม แต่พวกเขาก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และดีพอจนคว้าแชมป์ พร้อมคัมแบ็กสู่เวที เซเรีย อา ได้แบบทันทีในฤดูกาลต่อมา แต่พวกเขาก็ต้องใช้เวลานานถึง 4 ปี กว่าจะกลับสู่การเป็นสโมสรหมายเลขหนึ่งของแดนมะกะโรนี
- เรนเจอร์ส
นี่คือสโมสรลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ และคว้าแชมป์มากที่สุดสโมสรหนึ่งของโลก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงหายนะที่มาจากการจัดการเงินที่ผิดพลาดในปี 2012 ได้
ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2012 เรนเจอร์ส ถูกควบคุมกิจการ และสี่เดือนต่อมา พวกเขาก็เข้าสู่กระบวนการชำระหนี้ แม้สโมสรยังคงอยู่ แต่พวกเขาถูกสั่งให้ลงไปเล่นในลีกระดับล่างสุดของสกอตแลนด์ ซึ่งนั่นก็คือ ดิวิชั่น 4 ตั้งแต่ฤดูกาล 2012/13
เรนเจอร์ส คว้าแชมป์ไต่ระดับมาเรื่อยๆ จนคืนสู่เวทีสูงสุดอย่าง สกอตติช แชมเปี้ยนชิพ ในฤดูกาล 2016/17 จากนั้นในฤดูกาล 2020/21 สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก็พาสโมสรคว้าแชมป์ลีกมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการโกยคะแนนมากถึง 102 แต้ม และฤดูกาลต่อมา เรนเจอร์ส ภายใต้การนำทัพของ โจวานนี่ ฟาน บรองค์ฮอร์สท์ สามารถไปไกลถึงรอบชิงชนะเลิศ ในถ้วย ยูฟ่า ยูโรปา ลีก
- สเตอัว บูคาเรสต์
ในปี 1986 สเตอัว บูคาเรสต์ สร้างชื่อให้กับวงการฟุตบอลโรมาเนีย ด้วยการผงาดคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปัจจุบัน) หลังดวลจุดโทษชนะ บาร์เซโลน่า และนับจากวันนั้น พวกเขาถือเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศ และเป็นหน้าเป็นตาให้กับวงการฟุตบอลโรมาเนีย
อย่างไรก็ตาม 3 ปีต่อมา การปฏิวัติโรมาเนียก็เกิดขึ้น ซึ่งทำให้สเตอัว ต้องแยกตัวออกจากสโมสรกีฬาขนาดใหญ่ (ซึ่งมีทั้งทีมกีฬาบาสเกตบอล, แฮนด์บอล, รักบี้ เป็นต้น) ที่ดูแลโดยกระทรวงกลาโหม และตั้งตัวเป็นเพียงแค่ทีมฟุตบอล ทว่าในปี 2014 กระทรวงกลาโหมได้ฟ้องร้องพวกเขา พร้อมอ้างว่า กองทัพทหารโรมาเนีย มีสิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าของชื่อและตราสโมสร ซึ่งศาลก็ตัดสินให้กระทรวงเป็นฝ่ายชนะด้วยในปี 2017
นั่นทำให้ทางสโมสรฟุตบอลได้ทำการแยกตัวออกมาอีกที พร้อมเปลี่ยนตราสโมสร และตั้งชื่อสโมสรว่า เอฟซี เอฟซีเอสบี (FC FCSB) อย่างที่รู้จักกันในปัจจุบัน เพื่อเลี่ยงการใช้ชื่อ "สเตอัว" และเพื่อที่จะได้ทำการแข่งขันในลีกสูงสุดของประเทศต่อไป ทว่าทีมกีฬาชนิดอื่นๆ ที่ยังใช้ชื่อ "สเตอัว บูคาเรสต์" ซึ่งก็รวมถึงสโมสรฟุตบอลเดิม ถูกลดชั้นลงไปเล่นในระดับ ดิวิชั่น 4 แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือ ทั้ง เอฟซี เอฟซีเอสบี และ สเตอัว บูคาเรสต์ ต่างอ้างตัวเองว่า เป็นสโมสรที่ได้แชมป์ยุโรปเมื่อปี 1986 เหมือนกัน
- โอลิมปิก มาร์กเซย
จนถึงทุกวันนี้ โอลิมปิก มาร์กเซย ยังคงเป็นสโมสรฟุตบอลหนึ่งเดียวของประเทศฝรั่งเศส ที่ได้สัมผัสถ้วย "บิ๊ก เอียร์ส" หลังจากที่ปราบ เอซี มิลาน 1-0 ในเกมนัดชิงฯ ยูโรเปี้ยน คัพ เมื่อปี 1993
อย่างไรก็ตาม ก่อนถึงเกมประวัติศาสตร์ดังกล่าว มาร์กเซย มีคิวลงเตะเกม ลีก เอิง กับ วาล็องเซียนน์ ซึ่งถือเป็นเกมที่พวกเขา "ต้องชนะ" เพราะกำลังแข่งขันลุ้นแชมป์กับ โอลิมปิก ลียง และ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง อย่างดุเดือด ซึ่งนั่นทำให้ แบร์กนาร์ ตาปี ประธานสโมสร ณ เวลานั้น พยายามติดสินบนสมาชิกหลายคนในทีม วาล็องเซียนน์
จริงๆ แล้วไม่มีใครทราบเหตุการณ์ดังกล่าว แต่สุดท้าย มาร์กเซย ก็ถึงคราวซวยจนได้ เพราะไม่กี่ปีต่อมา มีชายคนหนึ่งที่ มาร์กเซย พยายามติดสินบน ได้หลุดปากพูดความจริงออกมา จนนำไปสู่การสอบสวนและในที่สุด มาร์กเซย ก็ถูกปรับตกชั้นลงสู่ ลีก เดอซ์ ในปี 1994 ก่อนคัมแบ็กสู่เวที ลีก เอิง ได้ในฤดูกาล 1996/97 และนับจากนั้นพวกเขาคว้าแชมป์ลีกได้แค่หนเดียว ซึ่งเกิดขึ้นในฤดูกาล 2009/10
- ฟิออเรนติน่า
สมัยทศวรรษ 1990 ฟิออเรนติน่า คือหนึ่งในทีมชั้นนำของ อิตาลี ที่คู่แข่งหลายทีมต้องหวาดกลัว อย่างเช่นการเคยมีนักเตะอย่าง รุย คอสต้า และ กาเบรียล บาติสตูต้า อยู่ในทีม แต่พอเปลี่ยนศตวรรษแล้วนั้นโชคชะตาของพวกเขาก็พลิกผัน
ฟิออเรนติน่า มีปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรงรวมถึงมีฟอร์มที่เลวร้ายตามไปด้วย โดยพวกเขาจบฤดูกาล 2001-02 ด้วยการเป็นรองบ๊วยจนตามสิทธิ์แล้วจะต้องหล่นไปเล่นใน เซเรีย บี แต่หลังจากนั้น "ม่วงมหากาฬ" โดนสั่งให้มีสถานะล้มละลายโทษฐานมีปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก ซึ่งนั่นเท่ากับการทำให้ทีมโดนตัดสิทธิ์ในการเล่น เซเรีย บี ตามไปด้วย
ท้ายที่สุดแล้วมันต้องมีการก่อตั้งทีมกันใหม่ในชื่อ ฟิออเรนติน่า วิโอล่า โดยที่ต้องไปเริ่มเล่นใน กัลโช่ เซเรีย ซี2 ซึ่งพวกเขาใช้เวลาไม่นานก่อนที่จะกลับมาสู่ลีกสูงสุดได้ และสามารถซื้อสิทธิ์การกลับไปใช้ชื่อ ฟิออเรนติน่า ได้
Subinho