หลังพ่ายแพ้แบบหมดสภาพใน 2 เกมแรกของฤดูกาลจนจมลงไปที่ก้นตาราง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็พุ่งเข้าชนและวิ่งเข้าใส่ชัยชนะถึง 4 เกมติดต่อกัน ทะยานจากหลุมขึ้นมาจ่อตูดจ่าฝูงแค่ 3 แต้ม
ถามว่าอะไรคือ 'จุดเปลี่ยน' ของพวกเขา
1. เกมที่ถูกสโมสรผึ้งน้อยถล่ม 4-0 นั่นแหละ
ไม่เพียงแต่จะปราชัยอย่างยับเยิน ฟอร์มการเล่นยังห่วยแตก แถมอุดมด้วยความผิดพลาด โดยจัดเป็นความพ่ายแพ้อันน่าอับอายขายขี้หน้ายิ่งนัก
อย่างไรก็ตาม
ความพินาศในนัดนี้ช่วยให้พวกเขาบรรลุโสดาบนฟลอร์หญ้าว่าตัวเองมีจุดบกพร่องตรงไหน ตัวเองมีจุดอ่อนตรงไหน และตัวเองต้องปรับปรุงตรงไหน
อันดับแรกคือความทุ่มเท
เพราะสถิติบ่งชัดว่านักเตะพันธุ์อสูรวิ่งน้อยกว่าผู้เล่นของ
เบรนต์ฟอร์ด อยู่หลายกิโลเมตร
คิดง่ายๆ ว่าถ้าคุณขยันมากกว่า คุณทุ่มเทมากกว่า คุณก็มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า
ว่าแล้ว เอริค เทน ฮาก สั่งตัดวันหยุดลูกทีมแล้วซ้อมพิเศษ โดยให้พวกเขาวิ่งชดเชยความเหยาะแหยะของตัวเองในเกมล่าสุด
เกมต่อมาในศึกแดงเดือด ผู้เล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด วิ่งมากกว่าผู้เล่นของ ลิเวอร์พูล ก่อนเป็นผู้มีชัย
อันดับต่อมาคือความยับเยินช่วยให้ผู้จัดการทีมมองเห็นจุดอ่อนของทีมตัวเองแล้วปรับปรุง & แก้ไข
ในการศึกครั้งนั้น ปราการหลังอย่าง ลิซานโดร มาร์ติเนซ กลายเป็นจุดอ่อน เพราะความกระทัดรัดของเขาถูกคู่แข่งจี้เข้าใส่จนต้องเปลี่ยนตัวออกพร้อมเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า...เล่นในสมรภูมิแข้งที่ฮาร์ดคอร์อย่างพรีเมียร์ลีกไม่ได้
แต่เมื่อเห็นแล้วว่าจุดอ่อนอยู่ตรงไหน เอริค เทน ฮาก จึงมำการแก้ไขในเกมต่อๆ มา
แทนที่ 'ลิซ่า' จะหลุดเป็นตัวสำรอง กองหลังที่หลุดเป็นตัวสำรองคือ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เพื่อให้ ราฟาแอล วาราน ลงเล่นแทน
นอกจากนี้ กุนซือชาวดัตช์รู้แล้วว่าคู่แข่งจ้องจะเล่นงาน
เซ็นเตอร์แบ็คตัวเล็กชาวอาร์เจนติน่าผู้นี้จึงวางแผนให้
ราฟาแอล วาราน ช่วยประคองเป็นพิเศษอยู่ใกล้ๆ พลางถอยมิดฟิลด์ตัวรับอย่าง สก๊อตต์ แม็คโทมิเนย์ มาช่วยป้องกันลูกกลางอากาศโดยเฉพาะ
จึงต้องขอขอบคุณ เบรนต์ฟอร์ด มา ณ ที่นี้ด้วย
2. หัวแตงโมไม่ได้ลงตัวจริง !!!
จริงๆ จุดอ่อนไม่ได้อยู่ที่ ลิซานโดร มาร์ติเนซ หรอกนะครับ แต่จุดอ่อนของ แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ที่กัปตันทีมอย่าง แฮร์รี่
แม็กไกวร์ นี่แหละ
แถมทำตัวเป็นจุดอ่อนมานานแล้วด้วย
นับตั้งแต่ไอ้หัวแตงโมหลุดจากตำแหน่งตัวจริง โดยให้นักเตะ ฝรั่งเศส กับ อาร์เจนติน่า เป็นเซ็นเตอร์แบ็คคู่กัน แล้วเอาปลอกแขนไปให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส สวมใส่
แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 4 เกมติดต่อกัน มิซ้ำยังเสียไปแค่ 2 ประตู
คิดเอา !!!
3. ตำแหน่งของ คริสเตียน เอริคเซ่น
นัดแรกที่พ่ายแพ้แบบคาบ้านต่อ ไบรท์ตัน - ดาวเตะหัวใจไม่ค่อยแข็งแรงผู้นี้ถูกขยับขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้า !!!
แต่ประโยชน์ของ คริสเตียน เอริคเซ่น คือการวางบอลยาวจากในแดนกลาง
เกมต่อมาที่ถูกเลื่อยไฟฟ้ายัดเข้าไปในรูตูด by เบรนต์ฟอร์ด เขาถอยต่ำลงมาเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับอยู่หน้าแผงแบ็คโฟร์
จังหวะที่ ดาบิด เค เคอา ยัดบอลมาให้ดาวเตะวัยสามหมิบผู้นี้ที่หน้ากรอบเขตโทษจึงโดนฉกไปทำประตู เนื่องเพราะมันไม่ใช่ตำแหน่งการเล่นที่เชี่ยวชาญ
ต่อเมื่อได้ลงเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวคุมจังหวะพลางขับเคลื่อนเหมือนเป็นการผสมผสานกันระหว่างผู้เล่นหมายเลข 6 กับหมายเลข 8 อย่างที่ เอริค เทน ฮาก อธิบายเอาไว้
ทุกคนจึงได้เห็นศักยพลานุภาพที่แท้จริงของ คริสเตียน
เอริคเซ่น
การเล่นของเขา นอกจากจะช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นเป็นรูปและเป็นทรงมากขึ้น มันยังช่วยให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส สร้างสรรค์เกมอย่างอิสระมากขึ้นจนสามารถเปล่งพลังทำลายออกมาได้อีกด้วย
4. ความเด็ดขาดของ เอริค เทน ฮาก
เขากล้าดร็อป แฮร์รี่ แม็กไกวร์ โดยไม่แยแสว่านักเตะผู้นี้คือเจ้าของปลอกแขนกัปตันทีม
เขาไม่สนใจเสียงนกเสียงกาว่า ลิซานโดร มาร์ติเนซ เล่นไม่ได้ในพรีเมียร์ลีก
เขาไม่ถอด สก๊อตต์ แม็คโทมิเนย์ ออกจากตำแหน่ง ทั้งๆ ที่กระชากมิดฟิลด์ตัวรับระดับโลกอย่าง กาเซมิโร่ เข้ามาในราคาถึง 70 ล้านปอนด์ ในเมื่อไอ้หนุ่มตาร์ตั้นยังโชว์ฟอร์มได้ไฉไล
เขากล้าเล่นหิ้งด้วยการมอบสนับตูดให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สวมใส่ในเมื่อมารายงานตัวฝึกซ้อมช้า กระสันอยากย้ายทีม และสภาพร่างกายไม่ปิ๊ดปี้ปิ๊ดเหมือนเดิม
เขายืนยันว่าจะ 'เอานะ' อันโตนี่ มาร่วมทีมให้ได้ เพื่อเพิ่มมิติ
พิสวงในเกมรุก
แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ดื้อที่จะดึงดันให้ลูกทีมเล่นฟุตบอลตามปรัชญาของตัวเองในวันที่สภาพทีมยังไม่พร้อม โดยสามารถโอนอ่อนและผ่อนปรนไปตามสถานการณ์
5. ชัยชนะในศึกแดงเดือด
หลังพลาดท่าจนม้วยมรณามา 2 นัด สภาพจิตใจท้อแท้และห่อเหี่ยวยิ่งนัก
โอกาสแพ้เป็นเกมที่ 3 ติดต่อกันมีสูงมาก เมื่อผู้มาเยือนคือ ลิเวอร์พูล
โชคดีที่พลพรรคหงส์แดงก็อยู่ในฟอร์มการเล่นที่กระท่อนกระแท่นเช่นกัน
และการยัดเยียดความปราชัยให้คู่แค้นตลอดชาติและคู่แข่งที่น่าขามเกรงอย่าง ลิเวอร์พูล นี่แหละที่ช่วยกระชากความมั่นใจกลับคืนมาแบบเต็มพิกัด
...ว่าแล้วต้องขอขอบคุณพวกพรี่ๆ มา ณ ที่นี้ด้วย
โบนัส แทร็ค: อย่างไรก็ต้องดูกันยาวๆ อย่าเพิ่งหลงระเริงคิดว่าปีศาจแดงตัวจริงกลับมาแล้วนะครับ
"บอ.บู๋"