บรรยากาศการฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019/20 ย้อนกลับมาในความทรงจำอีกครั้ง..
ถ้าจะว่าไปแล้ว แม้จะมีความสุขอยู่มาก แต่ด้วยสภาวการณ์รอบตัว ต่อให้อยากจะสุขเพียงใดมันก็ยังสุขได้ไม่สุด
ภาวะโควิด-19 ทำให้ฤดูกาลไม่ได้ดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น มันเต็มไปด้วยความอลหม่านหวาดผวา ด้วยชีวิตและความเป็นความตายคือเรื่องที่อยู่เหนือการแข่งขันทั้งปวง
มีความวิตก มีความกังวล มีความรู้สึกไม่มั่นคงในอนาคต
มีความสูญเสีย..
ในวินาทีที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ซอยเท้าชูถ้วยพรีเมียร์ลีกอันโอ่อ่าขึ้นสู่ฟ้า แน่นอนครับมันคือวินาทีแห่งการปลดปล่อย เราได้แชมป์แล้ว
แต่มันจะงดงามและอลังการยิ่งกว่านั้นอีกมาก.. มากกว่ากันอีกหลายเท่าทีเดียว ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามครรลอง
แดดเย็นช่วงซัมเมอร์ แฟนบอลเต็มทุกด้านของอัฒจันทร์ แผ่นป้ายเขียนข้อความถึงนักฟุตบอล ผ้าพันคอ และธงทิวปลิวไสว เสียงเพลงตะโกนก้องไม่หยุดยั้ง เพลงแล้ว.. เพลงเล่า ของนักเตะคนแล้วคนเล่า
อดีตขุนพลในชุดแดงเพลิงและผู้จัดการทีมเข้ามาอยู่ในแอนฟิลด์ มาร่วมสมทบงานคืนสู่เหย้าตามความสะดวกของแต่ละคน ร่วมยินดีกับน้อง ๆ ในวันที่การรอคอยสิ้นสุด.. 30 ปีทั้งทีงานก็ต้องเอิกเกริกกันหน่อย
พิธีมอบถ้วยแชมป์ตระการตา เวทีโอ่อ่าตั้งกลางสนาม ถ้วยพรีเมียร์ลีกเงางามยืนเด่น
โฆษกสนามประกาศชื่อนักฟุตบอลเรียงคนพร้อมเสียงเฮที่ดังสนั่นตามมาในทุก ๆ ชื่อที่ได้ยิน
แล้วมาดของแต่ละคนที่เดินออกมาก็เหลือกิน ร็อบโบอาจมาพร้อมหน้าตากวน ๆ ของเขา ดีไม่ดีนุ่งคิลต์กระโปรงลายสกอตต์ออกมาด้วย จินี่มาพร้อมแว่นดำ เอาผ้าพันคอพันสะโพก แล้วโยกเอวตามจังหวะดนตรี
น้าติ๊ปกับรอยยิ้มกว้าง ลอฟเรนออกมาอย่างยืดอกเดินผายมือกางแขน สีหน้าอิ่มเอมกับเสียงเชียร์ที่มีให้
ลัลลาน่าหยอกล้อออกมากับน้าเจมส์ เทรนต์เดินนิ่ง ๆ ยิ้มนิด ๆ ดูเก๊กหน่อย ๆ ตามสไตล์ TAA66
ดิว็อกสวมแว่นดำเดินเท่ ทั้งซีซั่นเล่นตัวจริงในลีกแค่ 7 นัดแล้วไง มหาเทพโอริกิซิอุสเล่นแค่นั้นบวกลงสำรองเบา ๆ อีก 21 เกมก็พอแล้ว Football without Origi is nothing พวกเราชาวมนุษย์ต้องระลึกไว้
ฟาน ไดค์ ก็เดินเท่ ๆ ชิลล์ ๆ ออกมาตามบุคลิก โมออกมาพร้อมรอยยิ้มอาย ๆ เหมือนเคย เช่นเดียวกับมาเน่ ที่เราต่างก็รักในความเรียบง่ายของเขา
บ๊อบบี้.. ขานี้ต้องไม่ธรรมดา เราคาดเดาไม่ได้เลยว่าเขาจะมาไม้ไหน ใส่แว่นดำวิ่งออกมาแล้วกระโดดเตะ เดินปิดตา ชี้นิ้วไปที่หู ทำท่ารัวปืน หรือจะยืนนิ่งเอา 2 มือไพล่หลัง ถลกกางเกงลง หรือจะทำท่า No Look ตลอดทางเดิน แต่ที่แน่ ๆ เขาจะยิ้มฟันขาวจั๊วะแทบจะสะท้อนแดดยามเย็นกระเด็นเข้าตาเรา
เสียงเพลง Si Senor ก็ดังกระหึ่มตามระเบียบ เช่นเดียวกับเพลงของคนอื่น ๆ ที่ทุกคนในสนามต่างตะโกนร้องมอบให้อย่างสุดเสียง
และแน่นอน เมื่อโฆษกสนามประกาศชื่อ เยอร์เก้น คล็อปป์.. คงไม่ต้องจินตนาการก็รู้ได้เลยว่าอารมณ์ในสนามจะพุ่งกระฉูดระดับไหน
เยอร์เก้นคงจะวิ่งออกมาอย่างกระฉับกระเฉง โบกไม้โบกมือให้เดอะค็อปทั้งสนาม ก่อนจะเอามือขวาทาบที่หน้าอก ดวงใจของผมเป็นของพวกคุณ
เสียงเพลง I'm so glad that Jurgen is a Red จะดังกระหึ่มไม่ยอมหยุด
และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน.. กัปตันของเราคือคนสุดท้าย
ณ วินาทีนั้น ทุกคนจะพร้อมกันอยู่บนเวที กอดคอหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างสนุกสนาน และมองไปที่เฮนโด้เป็นสายตาเดียว
กัปตันในเสื้อหมายเลข 14 หรือนาทีนั้นอาจเปลี่ยนไปสวมเสื้อตัวพิเศษที่สกรีนเลข 19 อยู่ด้านหลัง ค่อย ๆ เดินมาอย่างสุขุม หน้าตาผ่องใส ทรงผมเรียบแปล้
จับมือพูดคุยกับประธานในงานที่เป็นคนมอบโทรฟี่เล็กน้อย แล้วสองมือก็จับหูฝั่งละข้างของถ้วย ยกมันขึ้นมาถือ หันเดินช้า ๆ ไปยังหมู่คณะ
ห้วงเวลานั้นที่ทุกคนรอคอย มันคือภาพที่เราอยากจะเห็น เฝ้าฝันในระดับสุดปรารถนา มันมาถึงแล้ว.. 30 ปีที่รอคอยสิ้นสุดลงตรงนี้แล้ว
เฮนโด้หันหลังให้กล้อง หันหน้าหาเพื่อนร่วมทีมที่ทุกคนกำลังย่อตัวทำท่าร่ายนิ้วเหมือนกำลังเสกคาถา ส่งเสียงฮูว์ว์ว์ววว ยาว ๆ รอคอยท่าไม้ตายของยอดกัปตัน
แล้วเฮนโด้ก็ค่อย ๆ ซอยเท้า เร็วขึ้น เร็วขึ้น และเร็วขึ้น เสียงฮูว์ว์ว์ว์วววววววว ก็ดังขึ้น ดังขึ้น และดังขึ้นจากคนทั้งสนาม
แล้วเขาก็หันกลับมา สะบัดชูถ้วยขึ้นเหนือศีรษะ แหกปากกว้างตะโกนส่งเสียงสุดปอด
เสียงพลุ เสียงระเบิดเปเปอร์ชู้ต เสียงปล่อยควันฟู่ดังขึ้นพร้อม ๆ กับเสียงเชียร์ในสนาม อื้ออึ้งและอลังการ
นักเตะทุกคนกรูเข้ามาหาคนชูถ้วย กอดคอฉลองกัน กระโดดโลดเต้นกันเหมือนเด็ก ๆ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะกระจายไปทั่ว
บรรยากาศในแอนฟิลด์อบอวลด้วยความสุขที่เหมือนกับจะเป็นนิรันดร์ ไม่มีอะไรทดแทนได้...
.........
ภาพเหล่านี้ไม่เกิดขึ้น มันอยู่ได้เพียงแค่ในจินตนาการของแต่ละคน
เป็นภาพที่หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์..
กระนั้น หากเรามองมันจากอีกด้านของกระจก การฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019/20 ก็เป็นการฉลองแบบ 'แรร์ไอเท็ม' อยู่เหมือนกัน
เป็นการฉลองแชมป์ที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น เป็นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่มีแค่ไม่กี่ทีมบนโลกใบนี้มีโอกาสฉลองอย่างนั้น
จากที่ควรจะเป็นแชมป์เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ กลับเป็นการได้แชมป์ที่ช้าที่สุดในประวัติศาสตร์ มีที่ไหนได้แชมป์ลีกเอาในช่วงปลายเดือนมิถุนายน
มันก็เท่ดีเหมือนกันเพราะสถิติได้แชมป์เร็วที่สุดน่ะอาจถูกทำลายได้ แต่สถิติได้แชมป์ช้าที่สุดนี้น่าจะอยู่ในข่าย - Unbeatable - ไม่มีวันถูกทำลาย
แต่ก็แน่นอนครับ งานฉลองแชมป์เมื่อปี 2020 นั้นคือ "ความตระการตาที่หายไป" และยังมีอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างที่ขาดหายไปเช่นกัน
ในวันที่เดอะค็อปทั่วโลกควรจะได้สัมผัสกับมันอย่างครบถ้วน ได้มีความสุขที่สุดในทุก ๆ แง่มุม ได้กอดคอเพื่อนผอง ได้ฉลองสุดเหวี่ยง ได้โห่ร้องตะโกนกระโดดโลดเต้น ได้ตระเวณแห่ไปทั่วเมือง ให้สมกับที่ได้จบการรอคอย 30 ปี
ในวันนี้ เข้าสู่ 5 เกมสุดท้ายของฤดูกาล ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามครรลอง คนปกติ ฤดูกาลปกติ ชีวิตปกติ ยังไม่มีวี่แววของความวุ่นวายทั้งหลายเหมือนฤดูกาล 2019/20 ที่ก่อนโควิดยังมีทั้งสงครามโลกครั้งที่สาม ทั้งอุกกาบาตจะถล่มโลก.. อะไรก็ไม่รู้
ผมหวังเพียงให้ทุกอย่างยังดำเนินไปตามปกติ ทองคำจะขึ้นจะลงช่างมัน สังคมจะดราม่าอะไรกันบ้างก็ช่างม่าง ผมขอแค่ได้เฝ้ารอวินาทีที่อยากเห็น..
วินาทีที่อยากเห็น.. เริ่มจากวันอาทิตย์นี้ ที่จะได้สัมผัสกับความรู้สึกว่าเกมนี้เล่นเพื่อเป็นแชมป์
ลงสนามไปเพื่อเก็บผลที่ต้องการ ลิเวอร์พูลขอแค่ไม่แพ้สเปอร์สผู้มาเยือนก็จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2024/25
นี่คือสิ่งแรกที่อยากเห็น เหมือนที่เขียนไปเมื่อ 2 วันก่อน..
--------------
"และถ้าโชคดี เมื่อเข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้ายทีมอาจกำลังนำอยู่
จะกี่ประตูก็เถอะ แต่เรากำลังนำอยู่ และเรากำลังจะเป็นแชมป์
ผมอยากเห็นบรรยากาศอย่างนั้น
ผมอยากเห็นอารมณ์ของการนับถอยหลังเฝ้ารอเสียงนกหวีดสุดท้ายที่ปรารถนา.. มันจะเป็นเสียงนกหวีดที่หวานฉ่ำที่สุดของฤดูกาล
ผมอยากเห็นกล้อนแพนไปจับบรรดาผู้เล่นตัวสำรองข้างสนาม ซึ่งนาทีนั้นจะไม่มีใครนั่งอยู่ในคอกกันแล้ว
ทุกคนจะออกมายืนออกันจนแทบจะล้นเข้าไปในพื้นที่โค้ช หน้าตาแต่ละคนดูก็รู้ว่ากำลังหื่นกระหายใจจดใจจ่อรอคอยเสียงนกหวีดจากกรรมการอย่างโคตรจะกระสับกระส่ายเลย
"จารย์.. เป่าได้แล้ว จาน.. จ๊านนน"
แล้วผมก็อยากเห็นวินาทีนั้น..
วินาทีที่ผู้ตัดสินชูมือขึ้นฟ้า เป่านกหวีดจบเกม
วินาทีที่ทุกอย่างถูกปลดปล่อย
วินาทีที่เราเป็นแชมป์
แล้วหูของทุกคนก็จะอื้ออึงไปด้วยเสียงโห่ร้องกึกก้องกัมปนาท น้ำตาอาจคลอเบ้าขึ้นมาทันทีกับภาพที่เห็น
ลองจินตนาการดูสิครับ.. ลองจินตนาการไปด้วยกันดู
พลันที่เสียงนกหวีดจบเกมดังขึ้น นักเตะในสนามก็วิ่งกอดกันกลม หันไปเจอใครก็โผเข้าใส่ไว้ก่อน แล้วกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันล้มกลิ้งล้มหงาย
เสียงตะโกนใส่กันฟังไม่ได้ศัพท์ จับใจความได้บางประโยคว่า "พวกเราทำได้แล้ว!"
บางคนแหงนหน้าขึ้นฟ้า บางคนอาจทรุดลงฟุบกับผืนหญ้า แล้วร้องไห้โฮอย่างไม่อายใคร น้ำตาแห่งความปีติภูมิใจพรั่งพรู
ผู้เล่นสำรองและเหล่าสตาฟฟ์โค้ชวิ่งกรูกันลงไปในสนามเหมือนผึ้งแตกรัง กระจัดกระจายกันไปหาเป้าหมายที่อยู่ใกล้ที่สุดตามแต่ทิศทางของแต่ละคน
ใครเป็นใครไม่รู้กันแล้ว กระโดดกอดล็อกตัวเอาไว้ก่อน แล้วแหกปากดีใจสุดเสียงไปด้วยกัน
แล้วกล้องก็จะจับไปที่ อาร์เน่อ เขาจะทำหน้าอย่างไรกันนะ จะแค่แย้มน้อย ๆ หรือฉีกยิ้มกว้าง แต่ที่แน่ ๆ ฉากหลังที่เป็นอัฒจันทร์แห่งแอนฟิลด์จะมีชีวิตชีวาอย่างอลังการ
วินาทีนั้นเดอะค็อปที่ได้เห็นหน้าของเขาผ่านจอทีวีก็อาจจะยิ่งรักเขาขึ้นไปอีก เปิดใจรับเขามากขึ้น.. อาร์เน่อ ปีแรกของคุณมันช่างมหัศจรรย์จริง ๆ
ภาพจากกล้องตัวแล้วตัวเล่ารอบสนามถูกโปรดิวเซอร์เลือกดึงมาออกอากาศ มันคือขุมทรัพย์แห่งความสุขเชียวล่ะ
กองเชียร์แหกปากตะโกนสุดเสียง กวัดแกว่งผ้าพันคอ กระโดดกระทืบเท้าจนอัฒจันทร์สะเทือน
ธงทิวปลิวไสว ผืนผ้าโบกสะบัด สีสันจัดจ้านกลางแดดยามเย็นแห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์
แอนฟิลด์ที่มีเสน่ห์อยู่แล้วก็จะยิ่งงดงามขึ้นไปอีก ยามนั้นไม่เพียงมีผู้คนมากมายบนอัฒจันทร์ที่กำลังกอดคอกันทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน หากบรรยากาศในสนามยังพุ่งกระฉูดถึงขีดสุด
มันจะเป็นห้วงเวลาแห่งความทรงจำ แอนฟิลด์อบอวลไปด้วยความสมหวัง ความสุขสันต์ และความฝันที่กลายเป็นจริง
28 เมษายน 1990 คือครั้งล่าสุดที่เดอะค็อปได้สัมผัสกับมัน..
ได้มีบรรยากาศแบบที่ "เกมนี้ชนะเพื่อเป็นแชมป์"
ได้ร้อนรนกระสับกระส่ายรอฟังเสียงนกหวีดหมดเวลาจากผู้ตัดสิน
ได้ฉลองวินาทีแห่งความสุขในแอนฟิลด์..
เอียน รัช กับ จอห์น บาร์นส์ ยิงคนละประตูพาทีมพิชิต ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส 2-1 คว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 18 ตั้งแต่ฤดูกาลยังเหลืออีก 2 เกม
เดอะค็อปหลายล้านชีวิตไม่เคยได้สัมผัสมัน กระทั่งอีกหลายคนที่แม้จะเกิดร่วมสมัยก็ยังเลือน ๆ ไปแล้วว่าความรู้สึกในวินาทีนั้นเป็นอย่างไร
เพราะมันก็ผ่านมา 35 ปีเข้าไปแล้ว..
แน่นอนครับ การได้แชมป์นั้นจะอย่างไรย่อมมีคุณค่าเสมอ และก็แน่นอนอีกเช่นกัน คู่ต่อสู้จะเป็นทีมไหนเราไม่ควรลืมที่จะให้เกียรติพวกเขา
มันคงจะเป็นแค่ความปรารถนาส่วนตัวที่ดูจะเรื่องเยอะอยู่สักหน่อยนะครับ แต่แค่จินตนาการถึงวันนั้นว่าถ้ามันเกิดขึ้นจริง ผมก็ยังหยุดยิ้มไม่ได้เลย.."
--------------
วันอาทิตย์นี้ จะเป็นอย่างไรกันนะ..
มันจะเกิดภาพเหล่านี้ไหม สเปอร์สจะบุกมาพังงานถึงแอนฟิลด์หรือเปล่า
ไม่มีใครรู้
แต่ที่แน่ ๆ ในวันสุดท้ายของฤดูกาล อาทิตย์ที่ 25 พ.ค. ลิเวอร์พูล พบ คริสตัล พาเลซ
90 นาทีของเกมจะไม่สำคัญเท่าช่วงเวลาหลังจบเกม การเตรียมสถานที่ เตรียมพิธีการ บรรยากาศของการรอคอยงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่จะแตกต่างออกไป
จากงานที่ไม่มีใคร สู่งานที่มองไปทางไหนก็เห็นแต่ผู้คน อารมณ์ร่วมเกินร้อย ในสนาม นอกสนาม เมืองลิเวอร์พูล และทั่วโลก
มันจะไม่ได้เป็นการรับแชมป์ที่เหมือนกับเมื่อ 5 ปีที่แล้วอีกแล้ว
ปมในใจต่าง ๆ กำลังจะกลายเป็นอดีต แชมป์พรีเมียร์ลีก 2024/25 นี้จะเยียวยาบาดแผลเหล่านั้นเองถ้าหากใครจะมี และงานฉลองแบบ "ลิมิเต็ดอีดิชั่น" ครั้งนั้นจะถูกมองด้วยความผ่อนคลายมากขึ้น ภูมิใจได้ด้วยว่ามันเป็นงานฉลองที่ไม่เหมือนใคร
ลิเวอร์พูลกำลังจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ยินดีกับเดอะค็อปทุกคนด้วยครับ
#อีกแต้มเดียว #แชมป์พรีเมียร์ลีก
-ตังกุย-