เลสเตอร์ พบ ลิเวอร์พูล : 5 ประเด็นร้อน! หงส์จ่อแชมป์-เทรนต์ซัดงาม-จิ้งจอกตกชั้น

ลิเวอร์พูล จ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ขยับเข้าใกล้การคว้าแชมป์แทบ 100% แล้วหลังบุกมาสยบ เลสเตอร์ ได้แบบเฉียดฉิว 1-0 ในเกมการฟาดแข้งที่ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 เม.ย. โดยมี เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ สวมบทซูเปอร์ซับซัดประตูโทนให้ทีมได้แฮปปี้พร้อมฉุด จิ้งจอกสยาม ลงไปเล่นใน แชมเปี้ยนชิพ ซีซั่นหน้า

1. เดอะ ฟ็อกซ์ สลับโผสามรายรับมือจ่าฝูง

เลสเตอร์ ซิตี้ โรเตชั่นทีมตัวจริงทั้งหมดสามตำแหน่งจากเกมลีกนัดก่อนที่พวกเขาบุกไปไล่ตีเสมอ ไบรท์ตัน 2-2 แบ่งแต้มออกมาได้สำเร็จเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

รุด ฟาน นิสเตลรอย กุนซือดัตช์เลือกใช้งาน ริคาร์โด้ เปเรยร่า ขุนพลตัวเก๋าที่ลงเล่นเป็นสำรองนัดก่อนออกสตาร์ตเป็นตัวจริงเกมแรกหลังเจ็บไปนานห้าเดือน ขณะที่ เวาท์ ฟาส ซึ่งเกมที่แล้วไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเนื่องจากบาดเจ็บได้กลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงเช่นกั

สุดท้าย บ๊อบบี้ เดคอร์โดวา รีด เป็นอีกรายที่ได้ออกสตาร์ตเป็นเกมแรกของเขานับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก.พ.โดยเกมเจ๊ากับ นกนางนวล เขาถูกส่งลงสนามในอึดใจสุดท้าย

2. หงส์ ได้ เทรนต์ คืนฟิตนั่งสำรอง

อาร์เน่อ สล็อต กุนซือ ลิเวอร์พูล ใส่ชื่อ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ในโผตัวสำรองหลังแบ็คขวาคนสำคัญบาดเจ็บจนหายหน้าไปนานสี่เกมโดยมี ดาร์วิน นูนเญซ หัวหอกจอมทื่อนั่งอยู่ในซุ้มเช่นกัน

เทียบจากเกมนัดก่อนที่เฝ้าบ้านเฉือนชนะ เวสต์แฮม ได้แบบหวุดหวิด 2-1 อาคันตุกะ ปรับทัพสองรายโดย โคดี้ กัคโป ได้กลับมาออกสตาร์ตก่อนหน้า ดีโอโก้ โชต้า เช่นเดียวกับ โดมินิค โซโบซไล ที่เขี่ย เคอร์ติส โจนส์ หล่นไปนั่งอยู่ในซุ้ม

อย่างไรก็ดี เป็นเกมที่สองในการฟาดแข้งศึก พรีเมียร์ลีก ที่ เร้ด แมชีน ไม่ส่งนักเตะอิงลิชลงบู๊เป็นตัวจริงเลยแม้แต่รายเดียวเช่นเดียวกับเกมบุกไปเสมอกับ เอฟเวอร์ตัน 2-2 เมื่อเดือนก.พ.

3. จ่าฝูงจบสกอร์ไม่เปรี้ยง

ลิเวอร์พูล บุกมาสร้างปัญหาให้ เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ตามคาด และสร้างโอกาสคลำเป้าได้อย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาที่เห็นได้ชัดในหลายเกมหลังของทีมเยือนคือพวกเขาไม่มีความเด็ดขาดในการทำประตูเหมือนก่อนซึ่งส่งผลให้ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ที่เคยมีลุ้นคว้าสี่แชมป์เหลือแค่โทรฟี่ พรีเมียร์ลีก ใบเดียวเท่านั้นที่อยู่ในกำมือของพวกเขา

แม้จากฟอร์มในระยะหลัง เดอะ ฟ๊อกซ์ จะมีเกมรับที่เลวร้ายสิ้นดี แต่จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ยังควานหาสกอร์ไม่ได้ทั้งๆที่ครองบอลได้มากกว่า 60.30%:39.70% และได้ส่องยิง 14 ครั้งเข้ากรอบ 6 ครั้ง ขณะที่เจ้าบ้านได้ลุ้น 2 ครั้ง แต่ส่งบอลเข้ากรอบไม่ได้เลย

จากตัวเลขดังกล่าวหมายความว่า หงส์แดง เช็กบิลฝ่ายตรงข้ามได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่พวกเขาที่เคยทำได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมบู๊กับทีมรองบ่อน และมันเป็นผลงานที่ย่ำแย่ที่สุดในเกมครึ่งแรกซีซั่นนี้ของพวกเขารองจากเกมบู๊กับ เบรนท์ฟอร์ด เมื่อเดือนม.ค.ซึ่งทีมของ อาร์เน่อ สล็อต ได้ยิงในครึ่งแรกมากกว่าเกมนี้รวม 19 ครั้ง แต่ไม่มีสกอร์เช่นกัน

4.เทรนต์ ซัดงามหยดพาทีมจ่อซิวแชมป์

ในที่สุด สถานการณ์ก็สร้างวีรบุรุษเมื่อ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ลุกจากม้านั่งข้างสนามไปซัดประตูสำคัญให้ทีมกำชัยเหนือ เลสเตอร์ ได้ด้วยสกอร์ 1-0 แถมเป็นลูกยิงที่น่าฮือฮาเช่นกันเนื่องจากเด็กปั้นของ หงส์แดง ซัลโวด้วยเท้าซ้ายส่งบอลปะทะตาข่ายได้เป็นเม็ดแรกในอาชีพพ่อค้าแข้ง

ถึงตอนนี้ แบ็คขวาทีมชาติ อังกฤษ สอยตาข่ายให้ เร้ด แมชีน เป็นเม็ดที่ 23 แล้วจากทุกรายการ แต่เป็นเม็ดแรกที่เขาใช้เท้าซ้ายส่งบอลเข้าประตูได้เนื่องจากทั้ง 22 เม็ดก่อนหน้านี้ ยอดฟูลแบ็คยิงด้วยเท้าขวาเป็นประตูเรียบวุธ

แม้จะเอาชนะ เดอะ ฟ็อกซ์ ได้ด้วยสกอร์ที่น้อยเกินคาดเมื่อเทียบผลงานระหว่างทั้งสองทีม และโอกาสในเกมที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่มันก็มากพอที่จะเป็นสามแต้มล้ำค่าสำหรับทีมของ สล็อต ซึ่งจะการันตีแชมป์ลีกเมืองผู้ดีทันทีในเกมหน้านัดต้อนรับ สเปอร์ส วันอาทิตย์นี้หากพวกเขากำชัยได้

จบเกม 90 นาทีที่ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ลิเวอร์พูล เหนือกว่าเจ้าบ้านทุกประตูแม้จะทำสกอร์ได้แค่เม็ดเดียวโดยทีมเยือนครองบอลได้มากกว่า 58:42% และได้ยิง 28 ครั้งเข้ากรอบ 10 ครั้ง ขณะที่ เลสเตอร์ ได้ยิง 5 ครั้งและไม่เข้ากรอบเลย

5.ลาก่อน จิ้งจอกสยาม

เป็นอันว่า เลสเตอร์ หนีไม่พ้นต้องกลับไปเล่นใน แชมเปี้ยนชิพ ตาม เซาธ์แฮมป์ตัน ในซีซั่นหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังเฝ้าบ้านแพ้ ลิเวอร์พูล ตามคาด แต่เป็นไปด้วยสกอร์ที่เฉียดฉิว 1-0 เท่านั้นแม้รูปเกมจะด้อยกว่าทีมเยือนอย่างมหาศาลก็ตาม

ก่อนโบกมือลา พรีเมียร์ลีก อย่างเป็นทางการ ทีมของ รุด ฟาน นิสเตลรอย มีผลงานชวนให้น่าละเหี่ยใจอย่างยิ่งจากการแพ้เกมลีกแปดนัดรวดก่อนเบรกสถิติที่เลวร้ายได้ด้วยการบุกไปแชร์แต้มจาก ไบรท์ตัน นัดก่อนด้วยสกอร์ 2-2

เท่านั้นไม่พอ ตลอดแปดเกมก่อนหน้านี้ ทีมของ ฟาน นิสเตลรอย ทำสกอร์ไม่ได้เลยแม้แต่เกมเดียวก่อนคลำเป้าได้สองเม็ดในเกมที่ เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม แต่สุดท้ายก็พังประตูไม่ได้อีกตามเคยในเกมแพ้ ลิเวอร์พูล กระทั่งต้องตกชั้น

พร้อมกันนี้ เดอะ ฟ็อกซ์ สร้างชื่อในทางลบเป็นทีมแรกในลีกสูงสุดของประเทศด้วยที่ยิงประตูในเกมเหย้าไม่ได้แม้แต่ลูกเดียวตลอดการลงสนามเก้านัดติดต่อกันซึ่งไม่น่าแปลกที่สุดท้ายพวกเขาไม่อาจเอาตัวรอดใน พรีเมียร์ลีก ได้อีกต่อไป

ขณะเดียวกัน เลสเตอร์ ไม่อาจส่งบอลเข้ากรอบฝ่ายตรงข้ามได้เลยแม้แต่ครั้งเดียวในการลงเล่นเกมลีกที่ คิง เพาเวอร์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ.2023 

สุดท้ายแล้ว คำถามสำคัญที่ทุกคนกำลังเฝ้ารอคำตอบเช่นเดียวกับ ฟาน นิสเตลรอย คืออดีตกองหน้าทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ จะมีโอกาสกุมบังเหียน จิ้งจอกสยาม ต่อในซีซั่นหน้าหรือไม่ในเมื่อผลงานของเขาย่ำแย่อย่างหนัก