แมนยูคงเสียดาย! 5 แข้งระดับท็อปที่ "ปีศาจแดง" ปล่อยพลาด ก่อนแจ้งเกิดกับทีมอื่น

ดาวเตะทีมชาติสวีเดน โดนมองว่าเป็นส่วนเกินของทัพ "ปีศาจแดง" ในยุคเอริค เทน ฮาก และตัดสินใจเฉดหัวเขาออกจากสโมสรไปเล่นกับ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ด้วยค่าตัวเพียง 15 ล้านปอนด์ (ราว 660 ล้านบาท) 

การย้ายไปเล่นในถิ่นซิตี้ กราวนด์ ทำให้ เอลังก้า ระเบิดฟอร์มสุดยอดออกมาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดก็โชว์ลีลาโซโล่เดี่ยวกว่าครึ่งสนามซัดประตูโทนให้ "เจ้าป่า" คว่ำ แมนยู 1-0 เกมลีกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา 

ผลงานของ ปีกจอมพลิ้ววัย 22 ปี ตะบันไปแล้ว 6 ประตูกับ 8 แอสซิสต์ ในฤดูกาลนี้ ซึ่งถือว่าโดดเด่นกว่านักเตะตัวจริง แมนยูไนเต็ด ในชุดปัจจุบันเกือบยกทีม โดยมีแค่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เท่านั้นที่เหนือกว่าเขา

 จะว่าไปแล้ว แมนยู เคยปล่อยนักเตะฝีเท้าดีออกไปหลายคน แต่มีอยู่ 5 รายที่แฟนผีโปรเจกต์รู้สึกเสียดายที่สโมสรอันเป็นที่รักตัดสินใจไม่เก็บพวกเขาเอาไว้ เพราะผลงานที่สร้างกับทีมอื่นมันช่วงโดดเด่นเหลือเกิน 

1. แดนนี่ เวลเบ็ค

กองหน้าจอมเก๋าชาวอังกฤษ วัย 34 ปี ยิงประตูได้มากกว่านักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดชุดปัจจุบันซะอีกในฤดูกาลนี้ 

จริงๆ แล้ว แดนนี่ เวลเบ็ค ไม่ใช่กองหน้าจอมจบสกอร์ที่เก่งฉกาจจนเป็นที่ครั้นคร้านตลอดอาชีพของเขา แต่สิ่งหนึ่งที่นักเตะมีมาตลอดก็คือการเล่นที่คงเส้นคงวา และ ไบรท์ตัน ได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้

เวลเบ็ค ซัดไป 8 ประตูกับ 4 แอสซิสต์ในทุกรายการให้กับทัพ "เดอะ ซีกัลส์" ในฤดูกาลนี้ เขาลงสนาม 28 เกม และช่วยทีมของกุนซือฟาเบียน เฮอร์เซอเลอร์ มีลุ้นทำอันดับไปเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรป ขณะที่ แมนยู มีความเป็นไปได้ที่จะจบซีซั่นครึ่งล่างของตารางลีก

ตอนที่ เวลเบ็ค ถูกขายให้กับ อาร์เซน่อล ด้วยค่าตัว 16 ล้านปอนด์ (ราว 704 ล้านบาท) เมื่อปี 2014 แฟนบอลผีแดงไม่ได้บ่นเสียดายอะไรเลย แม้นักเตะจะไม่ได้โดดเด่นกับทัพ "ปืนใหญ่" แต่ก็ยิงไปถึง 32 ประตู และคว้า 2 แชมป์กับ "เดอะ กันเนอร์ส"

ปัจจุบัน เวลเบ็ค เล่นกับ ไบรท์ตัน 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา เขาแสดงให้เห็นแล้วว่าทีมต้องการความยอดเยี่ยมจากเขา หลังซัดไป 34 ประตูจากการเล่น 153 เกม สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงฟอร์มที่คงเส้นคงวา จนถึงขนาดที่ เวย์น รูนี่ย์ ตำนานแมนยู เรียกร้องให้ "ผีแดง" ดึงตัวเขากลับไปกู้วิกฤติแดนหน้า 

2. เคราร์ด ปิเก้

บางที เคราร์ด ปิเก้ คือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ไม่ประสบความสำเร็จกับสโมสรก็ว่าได้

ปิเก้ เริ่มต้นอาชีพจากการเป็นเด็กปั้นในศูนย์ฝึกลา มาเซีย ก่อนตัดสินใจย้ายไปร่วมงานกับ แมนยูไนเต็ด เมื่อปี 2004 โดย กองหลังชาวสแปนิช ต้องพบกับความยากลำบากในการทำให้เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไว้วางใจว่าเขาดีพอที่จะลงเป็นตัวจริงให้กับทีมชุดใหญ่ หลังโดนส่งไปฝึกปรือฝีเท้ากับทีมเยาวชนะและทีมสำรองในซีซั่นแรก

 ฤดูกาล 2005/2006 เขาไม่สามารถสอดแทรกในทีมชุดใหญ่ได้เนื่องจากทีมมี ริโอ เฟอร์ดินานด์ กับ มิกาแอล ซิลแวสตร์ ยืนเป็นคู่เซนเตอร์แบ็กหลักของ "ปีศาจแดง" แถมยังมี เวส บราวน์ พร้อมสู้แย่งตำแหน่งด้วย 

ซีซั่นถัดมา ปิเก้ โดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ เรอัล ซาราโกซ่า ก่อนจะกลับสู่อ้อมอกต้นสังกัดแม่ในซีซั่น 2007/2008 และได้ลงสนามเพียง 13 เกมในทุกรายการ จากนั้น บาร์เซโลน่า ทีมที่เป็นคนปลุกปั้น ตัดสินใจควักกระเป๋า 5 ล้านปอนด์ (ราว 220 ล้านบาท) เพื่อเป็นค่าฉีกสัญญาให้กับนักเตะเพื่อย้ายคืนรังคัมป์ นู

หลังจากนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ปิเก้ ได้สร้างความยิ่งใหญ่กับทัพ "เจ้าบุญทุ่ม" มากมาย และก้าวขึ้นมาเป็นยอดกองหลังระดับโลก โดยลงสนามให้ทีมไปถึง 616 เกม คว้าแชมป์มากมาย รวมทั้งแชมป์ ลา ลีกา 9 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัย 

ปิเก้ เป็นส่วนหนึ่งของทีมที่น่าเหลือเชื่อที่มีนักเตะสุดมหัศจรรย์มากมาย อาทิ ลิโอเนล เมสซี่, ชาบี (เอร์นานเดซ) และ อันเดรียส (อิเนียสต้า) เป็นต้น ซึ่งทำให้พวกเขาครองความยิ่งใหญ่ในวงการลูกหนังยุโรป และยังส่งให้เจ้าตัวเป็นหนึ่งในเซนเตอร์แบ็กที่เก่งที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ช่วงที่ผ่านมา 

ต้องบอกเลยว่าการบริหารจัดการในกรณีของ ปิเก้ ที่ แมนยูไนเต็ด ทำเป็นเรื่องที่ผิดพลาดมหันต์ เพราะถ้าหากพวกเขาดูแลนักเตะได้ดีกว่านี้ เชื่อว่า "ผีแดง" คงมีรากฐานเกมรับที่แข็งแกร่งดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน 

3. ปอล ป็อกบา (ย้ายครั้งแรก)

ทุกคนในสโมสรรู้ดีว่าพวกเขาได้นักเตะที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์มาร่วมทัพ หลัง ป็อกบา ย้ายเข้าสู่อะคาเดมี่ของทีมเมื่อปี 2009 เพราะเขาสร้างผลงานได้โดดเด่นกว่าเพื่อนร่วมรุ่นช่วงที่เล่นให้ "ผีแดง" ชุดยู 18 และได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในยุค "เซอร์เฟอร์กี้"

ป็อกบา ได้ลงเล่นแค่ 7 เกมเท่านั้นให้กับทีมชุดใหญ่ในช่วงระหว่างซีซั่น 2011/2012 ก่อนที่จะตัดสินใจไม่ขยายสัญญาฉบับใหม่กับ แมนยูไนเต็ด และย้ายไปร่วมทัพ "ม้าลาย" ยูเวนตุส แบบฟรีเอเจนต์

ดาวเตะเลือดเฟร้นช์ เคยยอมรับว่าตนหัวใจสลายตอนที่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปฏิเสธที่จะส่งเขาลงสนามหลายครั้ง ทั้งๆ ที่ตอนนั้นสโมสรขาดนักเตะในแดนกลางไปหลายคนก็ตาม สวนทางกับ "ป๋า" ที่อ้างว่า ป็อกบา ขาดความเคารพที่ตัดสินใจเลือกปัดสัญญาสโมสรและย้ายไปเล่นให้ ยูเว่ 

การย้ายไปเล่นกับ ยูเวนตุส ทำให้ ป็อกบา ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะชั้นยอด สามารถช่วย "ม้าลาย" คว้าแชมป์ได้ถึง 8 โทรฟี่ ก่อนจะสร้างความฮือฮาย้ายกลับสู่ "โรงละครแห่งความฝัน" ด้วยค่าตัวเป็นสถิติ 89 ล้านปอนด์ (ราว 3,916 ล้านบาท) เมื่อปี 2016  

อย่างไรก็ตาม การกลับคืนรังครั้งนี้ไม่ได้ฝันหวานอย่างที่สาวก "ปีศาจแดง" ปรารถนา เพราะนักเตะไม่ได้ช่วยอะไรทีมในสนามมากนัก แถมยังโดดเด่นเรื่องโซเชียล และทรงผล สุดท้ายก็ต้องย้ายไปอยู่ ยูเว่ แบบฟรีเอเจนต์อีกครั้ง ในปี 2022  

4. ดาบิด เด เคอา

บทบาทผู้รักษาประตูของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ภายใต้การพิจารณามาตลอด แม้แต่ อ็องเดร โอนาน่า นายด่านคนปัจจุบันก็ต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้เช่นกัน หลังเจ้าตัวทำผลงานได้น่าผิดหวังนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทัพ "ผีแดง" เมื่อปี 2023

การย้ายมาของ โอนาน่า สร้างความฮือฮาอย่างมาก เพราะไม่มีใครคิดว่า ดาบิด เด เคอา จะตัดสินใจไม่ต่อสัญญาและกลายเป็นแข้งฟรีเอเจนต์ แต่จากฟอร์มของ ดาวเตะชาวแคเมอรูน ทำให้สาวก "ผีแดง" เกาหัวว่าทำไมสโมสรถึงเอาโกลแบบนี้มาแทน นายด่านชาวสแปนิช

เฟอร์กูสัน เซ็นสัญญากับ เด เคอา เมื่อปี 2011 โดยดึงตัวมาจาก แอตเลติโก มาดริด ด้วยค่าตัว 18 ล้านปอนด์ (ราว  792 ล้านบาท)  เขาต้องเจอกับความยากลำบากในการเข้ามาสืบทอดตำแหน่งต่อจาก เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ และปีแรกก็เจองานยากเพราะเล่นผิดพลาดบ่อยจนทีมเสียหาย 

อย่างไรก็ตาม เด เคอา สามารถยกระดับฟอร์มขึ้นมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อในซีซั่นที่สอง พร้อมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของ แมนยู โดยเขายึดมือ 1 มาตลอด 12 ซีซั่น และลงเฝ้าเสามากถึง 545 แมตช์

แม้ เด เคอา จะโดนวิจารณ์เรื่องฟอร์มที่ไม่ค่อยแน่นอนในช่วงหลังๆ แต่เขาก็ยังเป็นนายทวารที่ฟอร์มโดดเด่นกับทีม และพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านี่คือโกลมือ 1 ที่ไว้วางใจได้สำหรับ "ผีแดง" ในยุคมืดหลัง "ป๋า" วางมือจากการคุมทีม

อย่างไรก็ตาม แฟนบอลแมนยู รู้สึกผิดหวังกับการขาดสมาธิของ เด เคอา ในช่วงหลังๆ และการมาของ โอนาน่า อาจเป็นการกระตุ้นฟอร์มของเขา แต่สุดท้ายมันกับไม่เป็นเช่นนั้น 

สุดท้าย เด เคอา ตัดสินใจไม่ต่อสัญญาและกลายเป็นโกลว่างงานประมาณ 1 ปีก่อนที่จะกลับมาเฝ้าเสาในวัย 34 กะรัตให้กับ ฟิออเรนติน่า ในซีซั่นนี้ ซึ่งเจ้าตัวโชว์เซฟเด็ดๆ หลายครั้งให้กับ "ม่วงมหากาฬ" และนั่นทำให้สาวก "เร้ด อาร์มี่" รู้สึกคิดถึงเขาขึ้นมาจับใจ

5. ยาป สตัม

ต้องบอกเลยว่า ยาป สตัม คือกองหลังที่โคตรแกร่งของ แมนยูไนเต็ด แต่น่าเสียดายที่นักเตะอยู่รับใช้ทีมแค่ 3 ฤดูกาลเท่านั้น ก่อนที่จะย้ายไปเล่นให้ "อินทรีฟ้าขาว" ลาซิโอ เมื่อปี 2001

ปราการหลังชาวดัตช์ ยืนปักหลักในเกมรับให้กับ แมนยู มาตลอด โดยลงเล่นให้สดมสรไปถึง 127 เกมพร้อมกับความแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัยติดต่อกัน, เอฟเอ คัพ กับ แชมเปี้ยนส์ ลีก 

สตัม จำใจต้องอำลาถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หลังจากหนังสืออัตชีวประวัติของพวกเขาถูกวางจำหน่าย ซึ่งในนั้นมีการวิจารณ์ และพาดพิง "เซอร์เฟอร์กี้" ด้วย แต่กระนั้น แกรี่ เนวิลล์ อดีตเพื่อนร่วมทีมเผยว่าทุกคนในทัพ "ผีแดง" ยังคงสับสนจากการที่ สตัม ย้ายทีม และรู้สึกว่าการเปิดเผยเรื่องราวในหนังสือไม่ได้เกี่ยวข้องเลย 

แนวรับร่างบึ้กจากแดนกังหันลม มีโอกาสย้ายไปเล่นกับ เอซี มิลาน หลังอยู่ ลาซิโอ 3 ปี ก่อนจะกลับไปยังดินแดนมาตุภูมิโดยเล่นให้ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม จนกระทั่งแขวนสตั๊ด โดยตลอดอาชีพเจ้าตัวลงสนาม 553 เกมและยิงได้ 26 ประตู

ทอมเม้ง