เปลี่ยนจากเฉื่อยชาเป็นเครื่องจักรสีแดง... ได้ยังไง?!

เปลี่ยนจากเฉื่อยชาเป็นเครื่องจักรสีแดง... ได้ยังไง?!
หลังจบครึ่งแรก ขณะที่ทีมกำลังตามหลังแล้วรูปเกมที่ออกมาแบบนั้น เป็นคุณ คุณจะเลือกเปลี่ยนใครออก?!

เกินครึ่งหนึ่งพุ่งเป้าไปที่ ดาร์วิน นูนเญซ...

สาเหตุเพราะ ไม่สามารถเปลี่ยนโอกาสให้เป็นประตูได้, ประสานงานกับเพื่อนไม่ดีพอ แถมยังไปเข้าปะทะแบบไม่จำเป็นจนสุ่มเสี่ยงต่อการถูกไล่ออก

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เฮดโค้ชอาร์เน่อ ปฏิบัติหลังได้คุยกับลูกทีมช่วงพักครึ่งคือ ถอด โดมินิค โซโบซไล, คอสตาส ซิมิกาส และ เคอร์ติส โจนส์ รวดเดียว 3 คน

และส่ง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ลงมาซึ่งทำให้เกมเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

...

ครึ่งแรกที่ดูน่าอึดอัด ทีมเจ้าถิ่นเล่นกันด้วยความเฉื่อยชาจนมาถูกทีมเยือนผู้มีชัยชนะในลีกตลอดทั้งซีซั่น 2 เกมกระทุ้งขึ้นนำตอนนาที 45+1

การเปลี่ยนตัวผู้เล่นของ อาร์เน่อ ส่งผลมากต่อรูปเกม ลิเวอร์พูล ในครึ่งหลัง

"เครื่องจักรสีแดง" สตาร์ทเครื่องใหม่เปลี่ยนจากความเฉื่อยชาให้เกิดความมีชีวิตชีวา

เอลเลียตต์ เติมความกระปรี้กระเปร่า เล่นด้วยความมุ่งมั่น เชื่อมเกมรุก เพิ่มความเร็วและความกระตือรือร้น

โรเบิร์ตสัน แตกต่างกับ ซิมิกาส แบบเห็นได้ชัด ทั้งการป้องกันและการเติมเกมบุก เพิ่มมิติการโจมตีริมเส้น

แม็ค อัลลิสเตอร์ ช่วยคุมแดนกลางให้นิ่ง และเป็นจุดเริ่มต้นเกมรุกด้วยการเล่นกับบอลอันชาญฉลาด

การเปลี่ยนตัวทั้งสามคนนี้ช่วยเติมพลังงงานที่หายไป แล้วส่งต่อไปยังเพื่อนคนอื่น ๆ ให้ดีขึ้น

หลุยส์ ดิอาซ โฉบเฉี่ยวตามสไตล์ พลิกแพลงจังหวะจากการเล่น จากตัดในเข้ากลางจนกระชากถึงเส้นหลังแล้วตบให้ นูนเญซ ทำสกอร์

9 นาทีของครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล เปลี่ยนสถานะจากฝ่ายตามเป็นฝ่ายนำ

จากนั้นพวกเขาก็กุมสถานการณ์ไว้ได้ทั้งหมด และเปิดท้ายจากลูกจุดโทษของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์

...

ย้อนกลับไปบรรทัดแรก ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกเปลี่ยนใคร?!

น้อยคนที่จะคาดคิดว่า อาร์เน่อ ทำคิดการณ์แบบนี้

นี่คือความพิเศษในการแก้เกมของคนที่จะเป็นโค้ยอดฝีมือ

ถ้าคนอื่นสามารถคิดเหมือนคุณก็เท่ากับว่าคุณไม่มีอะไรแตกต่างจากคนอื่น

เขารับรู้ถึงปัญหาในครึ่งแรก และไม่ลังเลที่จะลงมือเปลี่ยนแปลงเพื่อนำไปสู่ชัยชนะ

สิ่งที่เขาได้บอกถึงการเก็บ นูนเญซ ไว้คือ 

"ผมไม่ค่อยชอบความคิดที่ว่าถ้าทีมต้องการประตู เราต้องถอดกองหน้าที่ทำประตูได้ออกจากสนาม"

"นั่นเป็นเหตุผลที่ผมยังเก็บเขาไว้ เพราะผมวางแผนไว้ว่าถ้าเรายังยิงไม่ได้หลังเปลี่ยนไป 3 คนแรก ผมจะส่ง ดิโอโก้ โชต้า ลงมาและเล่นเกมรุกมากขึ้น"

ความหมายของเขาเป็นเรื่องง่าย ๆ ถ้าคุณต้องการประตู คุณจะถอดกองหน้าไปทำไม...

...

เกมนี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความน่าพอใจในขุมกำลังที่สามารถทดแทนกันได้

บทบาทผู้เล่นสำรองทำหน้าที่ได้ตามต้องการเมื่อถูกส่งลงให้แก้ไขสถานการณ์

"ข่าวดีสำหรับผมคือ ผมมีตัวเลือกกองกลางที่ดีมากกว่าหนึ่งคน" 

อาร์เน่อ บอกแบบนั้นเมื่อพูดถึงการถอด โซโบซไล ที่ดูเหนื่อยล้าจากการใส่สุดเกินร้อยในทุก ๆ เกม โดยได้ เอลเลียตต์ ลงมาสร้างความแตกต่าง

"เขาแข่งขันกับผู้เล่นที่เก่งมาก ซึ่งทำให้การจัดตัวเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าเขายังคงเล่นได้แบบนี้ มันก็จะช่วยให้เขามีโอกาสมากขึ้น"

เฮดโค้ชดัตช์ ยืนยันถึงบทบาท เอลเลียตต์ วัย 21 ปีที่แม้ไม่ได้ชื่อว่าเป็นตัวจริง แต่มีบทบาทสำคัญต่อ ลิเวอร์พูล ในหลาย ๆ นัดจากบทบาทตรงม้านั่งสำรอง

...

อีกสองนัดที่เหลือในเดือนนี้ที่ อาร์เน่อ เปรียบว่าเป็นเหมือนนัดชิงชนะเลิศ

สถานีถัดไปในบ้านกับ เปแอสเช...

มันเป็นเรื่องที่ ลิเวอร์พูล ต้องยกระดับตัวเองให้มากขึ้นกว่านี้ 

หากเอาเกมกับ เซาธ์แฮมป์ตัน เป็นมาตรฐาน ไม่ใช่แค่เท่าสองเท่าที่ต้องทำให้ดีขึ้น แต่ต้องยกเพิ่มอีก 5-6 เท่า หากความต้องการคือผ่านเข้ารอบ

รอเชียร์กันต่อไปครับ เส้นทางมีให้เราได้ลุ้นกันอีกหลายนัด

9 นัดในลีก 1 นัดอย่างน้อยใน แชมเปี้ยนส์ ลีก และอีกหนึ่งใน คาราบาว คัพ

แต่ก็หวังว่าจะมีเพิ่ม 5 อีกนัดให้เราชม ลิเวอร์พูล จนถึงวันสุดท้ายของฤดูกาลนี้ไปเลยนะ

HOSSALONSO


ที่มาของภาพ : getty image
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport