ลิเวอร์พูล ทำเอาสาวกใจแป้วเล็กๆหลังโดน เซาธ์แฮมป์ตัน ทีมบ๊วยบุกมานำถึงบ้านหลังจบครึ่งแรก แต่เข้าครึ่งหลัง หงส์แดง พลิกเกมกลับมาคว้าชัยได้ไม่ยาก 3-1 จากการลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม แอนฟิลด์ เมื่อวันเสาร์ที่ 8 มี.ค.ทำแต้มทิ้งห่าง อาร์เซน่อล ไปไกลลิบเป็น 16 แต้มแล้วแม้จะลงเล่นมากกว่าทีม ปืนใหญ่ สองนัด
1. นูนเญซ ออกสตาร์ตตามคาด
อาร์เน่อ สล็อต ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ตอบแทนความดีความชอบ ดาร์วิน นูนเญซ ด้วยการส่งกองหน้าทีมชาติ อุรุกวัย ลงเล่นเป็นตัวจริงตามความคาดหมายหลังดาวยิงเกือกทื่อลงบู๊เป็นตัวสำรอง และแอสซิสต์ให้ทีมบุกพิชิต ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 1-0 ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมนัดแรกเมื่อกลางสัปดาห์
จากการมีชื่อในโผ 11 คนแรกถือเป็นนัดแรกนับตั้งแต่วันบ๊อกซิ่งเดย์ที่ นูนเญซ ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงเกม พรีเมียร์ลีก ถัดจากแมตช์ขย้ำ เลสเตอร์ 3-1
นอกจากนี้ กุนซือดัตช์โรเตชั่นทีมเพิ่มอีกสองตำแหน่งโดย คอสตาส ซิมิคาส กับ เคอร์ติส โจนส์ ได้ออกสตาร์ตแทนที่ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน , อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ ดีโอโก้ โชต้า ที่นั่งอยู่ข้างสนาม
อย่างไรก็ดี โคดี้ กัคโป ที่มีอาการบาดเจ็บข้อเท้ายังไม่มีส่วนร่วมเช่นเดิม ขณะที่ สล็อต เองชดใช้โทษแบนคุมทีมข้างสนามไม่ได้เป็นนัดสุดท้าย
2. นักบุญสลับโผตัวจริงครึ่งโหล
เซาธ์แฮมป์ตัน ทีมบ๊วยซึ่งแพ้รวดตลอดสี่นัดหลังของทุกรายการ และยิงได้แค่ประตูเดียวโดยเสียมากถึง 12 ประตูเปลี่ยนโผนักเตะตัวจริงรวมหกรายจากเกมบุกไปแพ้ เชลซี 4-0
อีวาน ยูริช นายใหญ่ เดอะ เซนต์ส ได้ ยาน เบดนาเร็ก และ เทย์เลอร์ ฮาร์วู้ด เบลลิส หายเจ็บกลับมาลงสนาม รวมทั้ง เลสลีย์ อูโกชุกวู ที่ลงเล่นกับ สิงห์บลูส์ ไม่ได้เนื่องจากย้ายมาจากเศรษฐีลอนดอนแบบยืมตัว
นอกจากนี้ ไทเลอร์ ดิบลิ่ง ถูกเลือกลงบู๊เป็นตัวจริงเช่นเดียวกับ ไรอัน แมนนิ่ง และ อัลเบิร์ต โกรนเบ็ค
3. ทีมบ๊วยแน่นะวิ ?
แม้วรรณะของทั้งสองทีมจะต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่ 45 นาทีแรกที่ แอนฟิลด์ กลับเป็น เดอะ เซนต์ส ที่เล่นกันได้อย่างผิดฟอร์มไม่เหมือนทีมที่กำลังจะตกลงสู่ แชมเปี้ยนชิพ เลยแม้แต่น้อย ขณะที่ หงส์แดง ก็ไม่ได้ฉายฟอร์มเลยว่าพวกเขากำลังจะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก
จาก 28 นัด ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่มีเกมรุกอันตรายที่สุดในลีกโดยพวกเขาทำประตูได้ 66 ลูก ขณะที่ เซาธ์แฮมป์ตัน มีเกมรับที่เลวร้ายที่สุดเนื่องจากเสียประตูมากถึง 65 เม็ดจาก 27 นัด แถมสอยตาข่ายได้น้อยที่สุด 19 เม็ดเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ปรากฏว่าทีมเยือนสร้างความช็อกได้ก่อนจบครึ่งแรกอึดใจเดียวโดย วิลล์ สมอลล์โบน อาศัยจังหวะที่สื่อสารกันไม่ดีระหว่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ อลิสซง พังประตูให้ เซาธ์แฮมป์ตัน ออกนำได้ แถมเป็นประตูแรกใน พรีเมียร์ลีก ของเจ้าตัวด้วย
อีกทั้งก่อนได้เฮ เดอะ เซนต์ส ไม่ได้ส่อแววรวนเรในการตั้งรับการบุกใส่ของทีมเจ้าบ้านเลยเนื่องจากนัดนี้นักเตะของ สล็อต โดยเฉพาะบรรดาตัวรุกทั้ง โม ซาลาห์ , หลุยส์ ดิอาซ และโดยเฉพาะ นูนเญซ มีผลงานที่ไม่ดีพอ แถมดาวยิงละตินได้ใบเหลืองจากจังหวะทำฟาวล์ ไคล์ วอล์คเกอร์ ปีเตอร์ส ที่ถูกเช็กวีเออาร์ด้วย แต่ดีที่ว่าเจ้าตัวรอดพ้นจากการโดนไล่ออก
4. ซาลาห์ สร้างสถิติอีก
จะว่าน่าเห็นใจ เซาธ์แฮมป์ตัน ก็คงจะได้เพราะเริ่มครึ่งหลังได้ไม่ทันไร สถานการณ์ของเกมก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วชนิดหน้ามือเป็นหลังมือเข้าทำนอง "ฟุตบอลมีสองครึ่ง" อย่างแท้จริง
นอกจากจะโดน นูนเญซ ทวงคืนอย่างไว เจ้าบ้านยังได้ลูกโทษตามมาอีกต่างหากจากจังหวะที่ สมอลล์โบน ทำฟาวล์สตาร์ละติน และมีหรือที่ ซาลาห์ จะสังหารพลาดซึ่งทำให้ เร้ด แมชีน แซงนำ 2-1 ตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง
เท่ากับว่า คิงโม เพิ่มประตูในซีซั่นนี้ให้ตัวเองเป็น 26 เม็ดในลีกอิงลิชแล้ว และเป็นประตูที่ 31 ของเขาในทุกรายการ อีกทั้งกองหน้าทีมชาติ อียิปต์ สร้างสถิติของสโมสรเทียบเท่า เอียน รัช ตำนานดาวยิงของทีมด้วยการเป็นขุนพล หงส์แดง ที่พังประตู นักบุญ ได้มากที่สุด 10 เม็ดเช่นกัน
จนในที่สุดช่วงท้ายเกม ท่านเปาเช็กวีเออาร์ และมอบลูกโทษให้เจ้าบ้านอีกหนจากการทำแฮนด์บอลในเขตโทษของ ยูกินาริ ซูกาวาระ ตัวสำรองของทีมเยือน และแน่นอนว่า ซาลาห์ ตะบันไม่เหลือพาทีมกำชัย 3-1 ซึ่งหมายความว่าเจ้าตัวทำลายสถิติพังประตู เดอะ เซนต์ส แซงหน้าอดีตสตาร์ทีมชาติ เวลส์ เป็น 11 เม็ดจนได้ และเป็นประตูที่ 27 ใน พรีเมียร์ลีก และประตูที่ 32 ในทุกรายการของดาวเตะไอยคุปต์
นับเฉพาะเกมที่ แอนฟิลด์ บังโม สร้างผลงานยิงหรือแอสซิสต์เกม พรีเมียร์ลีก ที่สนามแห่งนี้ได้ 12 นัดติดต่อกันแล้วนับจากแมตช์ที่ ลิเวอร์พูล พ่ายคารังให้กับ ฟอเรสต์ 1-0 เมื่อเดือนก.ย.
ยิ่งไปกว่านั้น ซาลาห์ ทะยานขึ้นอันดับสามดาวยิงสูงสุดตลอดกาลแซง กอร์ดอน ฮ็อดจ์สัน ได้แล้วจากผลงานรวมทุกรายการ 243 ประตู และรั้งอันดับห้าร่วมดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของ พรีเมียร์ลีก เทียบเท่า เซร์คิโอ อเกวโร่ จากผลงาน 184 ประตู
5.เปแอสเช ไหวมั้ย?
อย่างที่รู้กันว่า ลิเวอร์พูล เพิ่งหยุดสถิติไร้พ่ายในทุกรายการนานถึง 22 นัดติดต่อกันของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ลงได้ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมนัดแรกเมื่อวันพุธที่้ผ่านมา
จากประตูชัยในช่วงท้ายของ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ทำให้ หงส์แดง ถือแต้มต่อเหนือกว่า เปแอสเช ในการฟาดแข้งนัดสองกลางสัปดาห์นี้ตามระเบียบแม้เกมลีกในวันเดียวกัน ทีมของ หลุยส์ เอ็นรีเก้ จะระเบิดฟอร์มโหดบุกไปต้อน แรนส์ ได้ด้วยสกอร์ 4-1 โดย อุสมาน เด็มเบเล่ สตาร์ตัวฉกาจเหมาเข่นสองตุงในช่วงอึดใจสุดท้ายของเกม
ที่ต้องบอกอย่างนั้นก็เพราะ ลิเวอร์พูล สามารถรักษาสกอร์นำ 1-0 จากเกมแรกได้เพื่อพาตัวเองผ่านเข้ารอบแปดทีมสุดท้ายแม้จะเชื่อขนมกินได้เลยว่าพวกเขาไม่ได้คำนึงถึงการคว้าสกอร์ 0-0 เนื่องจากมันเป็นเรื่องยากสำหรับการเล่นเพื่อดึงเสมอกับทีมคู่แข่ง
และที่สำคัญ หลังเปิดบ้านพิชิต เดอะ เซนต์ส 3-1 ในเกมล่าสุด หงส์แดง สร้างสถิติได้อีกชิ้นด้วยการยิงประตูที่ แอนฟิลด์ ในทุกรายการติดต่อกันได้มากกว่าสองเม็ดขึ้นไปเป็นเกมที่ 19 แล้วเทียบเท่ากับสถิติที่ ซันเดอร์แลนด์ เคยทำได้ระหว่างเดือนก.พ.-ธ.ค.1935
สำหรับหนล่าสุดที่ เร้ด แมชีน สอยตาข่ายไม่ต่ำกว่าสองประตูในรังตัวเองไม่ได้เป็นเกม พรีเมียร์ลีก นัดแพ้ ฟอเรสต์ 1-0 เมื่อเดือนก.ย.นั่นเอง