จากที่แฟนแมนยูไม่ต้องการ สู่คนที่อโมริมขาดไม่ได้

การศึกครั้งนั้น เขาลงตัวจริง แต่ก็เล่นได้ห่วยแตกจนถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่นาที 33 แถมโดน เรด อาร์มี่ ส่งเสียงโห่ใส่อีกต่างหาก 

ทว่า ณ ตอนนี้ "อาจารย์ดู๋" กลายเป็นนักเตะที่ขาดไม่ได้ไปแล้วซะอย่างนั้น !

1. ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมหัวใจนักสู้ของเจ้าตัว เพราะไม่ว่าจะโดนโจมตีหนักขนาดไหน ก็ไม่เคยออกมาให้สัมภาษณ์ตอบโต้ และไม่เคยโพสต์อะไรโง่ๆ ลงโซเชียลมีเดีย

หลายคนเริ่มสังเกตเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่มีมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกม เอฟเอ คัพ นัดที่แพ้จุดโทษ ฟูแล่ม

แม้เกมดังกล่าว เซิร์คซี่ จะเป็นมือสังหารคนสุดท้ายที่ยิงพลาดจนทีมตกรอบคาบ้าน แต่ก็ได้ใจแฟนบอลด้วยการวิ่งสู้ฟัดตลอด 120 นาที

2. ล่าสุดในเกมที่บุกเสมอ เรอัล โซเซียดาด 1-1 เจ้าตัวสามารถทำประตูในเวทียุโรปได้เป็นครั้งแรกในชีวิต แถมตะบันได้อย่างสะเด่าดีนักแล

ไม่ใช่แค่ยิงประตูได้เท่านั้น แต่ เซิร์คซี่ ยังช่วยเกมรับตั้งแต่แดนบนได้ดีเยี่ยม โดยมีสถิติบอกว่าเขาตัดบอลได้ 2 ครั้ง, ดวลโหม่งชนะ 4 จังหวะ, เข้าปะทะสำเร็จ 2 ที แถมลงไปช่วยเคลียร์บอลทิ้งในกรอบเขตโทษอีก 2 หนอีกต่างหาก

เขาถูกเลือกให้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ของเกมแบบที่ไม่มีแฟนบอลคนไหนคัดค้าน

3. ช่วงหลัง ผมสังเกตเห็นว่า เซิร์คซี่ ทำตัวมีประโยชน์กับทีมมากขึ้นเรื่อยๆ

แม้จะเชื่องช้า และยิงเบาเหมือนเป่า..ลูกโป่ง แต่เขาอาศัยจุดแข็งเรื่องเก็บบอลดี พลิกบอลได้ พลางหาจังหวะจ่ายบอลแบบได้เปรียบ ช่วยให้ทีมทำเกมได้ต่อเนื่องในหลายจังหวะ

น่าเสียดายที่ยังขาดความเร็ว และกำลังขาในการซัดบอลให้หนักหน่วง ไม่อย่างนั้นคงสร้างอันตรายช่วยทีมได้มากกว่านี้

4. บทบาทที่ทำให้ "อาจารย์ดู๋" เล่นได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลัง ก็คือการได้เล่นเป็นหน้าต่ำ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เจ้าตัวเคยบอกไว้ว่าเป็นตำแหน่งถนัด ตอนย้ายมาร่วมทีมใหม่ๆ

เขาเคยยืนยันเอาไว้ว่า ตำแหน่งที่ดีที่สุดของตัวเองคือ "หมายเลข 9.5" คือไม่ใช่ทั้งหัวหอกตัวเป้า และก็ไม่ใช่กองกลางตัวรุกที่ลงไปยืนต่ำถึงกลางสนาม

ดาวเตะผู้นี้ชอบลงต่ำไปเป็นตัวพักบอล คอยหาจังหวะจ่ายสวยๆ ให้เพื่อน พลางหาโอกาสใช้ความสามารถเฉพาะตัวเลี้ยงบอลขึ้นไปเองแล้วแต่สถานการณ์

ถ้าเข้าใจในธรรมชาติของเจ้าตัว อาจจะพอทำใจยอมรับได้บ้างว่าเขาไม่ใช่นักเตะที่จะฝากความหวังเรื่องการยิงได้เป็นกอบเป็นกำ

5. อย่างไรก็ตาม

โปรดอย่าลืมว่าสาเหตุที่ทำให้เจ้าของรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม เซเรีย อา ฤดูกาลที่แล้ว ได้กลายเป็นตัวหลักเต็มตัวในช่วงหลัง เป็นเพราะสภาพทีมของผีแดงตอนนี้กำลังเข้าขั้นพิการ 

อาหมัด ดิยัลโล่ และ เมสัน เมาท์ ต่างเจ็บยาว แถมในช่วงตลาดหน้าหนาว สโมสรยังปล่อยทั้ง อันโตนี่ และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ให้ทีมอื่นยืมตัว โดยไม่มีการเซ็นคว้ากองหน้าเข้ามาเพิ่ม

กองหน้าดาวรุ่งอย่าง ชิโด โอบี ก็ไม่ถูกลงทะเบียนลงเล่นใน ยูโรปา ลีก ด้วยข้อจำกัดเยอะแยะจากกฎยูฟ่า

ราสมุส ฮอยลุนด์ ที่ได้เป็นตัวหลักเช่นกัน ถูกสากกะเบือเข้าสิงร่างโดยสมบูรณ์แบบ

ถึงตอนนี้ โจชัว เซิร์คซี่ สถาปนาตัวเองเป็นนักเตะที่ รูเบน อโมริม ขาดไม่ได้ซะแล้ว

บอ.บู๋