แมนซิตี้ พบ ลิเวอร์พูล ! 5 ข้อหงส์ไม่แชมป์ถือว่าผิด-ซาลาห์ คนเดียวเอาอยู่

แมนซิตี้ พบ ลิเวอร์พูล ! 5 ข้อหงส์ไม่แชมป์ถือว่าผิด-ซาลาห์ คนเดียวเอาอยู่
ลิเวอร์พูล ระเบิดฟอร์มว่าที่แชมป์ให้เห็นอย่างเต็มตาเมื่อบุกไปคว่ำแชมป์เก่า แมนฯ ซิตี้ ได้อย่างยอดเยี่ยม 2-0 จากประตูของ โม ซาลาห์ และ โดมินิค โซโบซไล ในเกมที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ก.พ.ซึ่งบ่งบอกได้อย่างแทบจะร้อยเปอร์เซนต์แล้วว่าโทรฟี่ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้กำลังจะตกอยู่กับถิ่น แอนฟิลด์

1. เจ้าถิ่นไร้ ฮาลันด์ เข่าเดี้ยง

แมนฯ ซิตี้ เจอข่าวร้ายเมื่อ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กองหน้าคนสำคัญเจ็บเข่า และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเกมนี้

ดาวยิงทีมชาติ นอรเวย์ บาดเจ็บในช่วงท้ายเกมของศึก พรีเมียร์ลีก นัดเฝ้าบ้านถล่ม นิวคาสเซิ่ล 4-0 และมีชื่อนั่งข้างสนามโดยไม่ถูกส่งลงเล่นเกมเพลบ์ออฟ แชมเปี้ยนส์ลีก นัดสองที่บุกไปแพ้ เรอัล มาดริด 3-1

เทียบจากเกมกลางสัปดาห์ เจ้าบ้านเปลี่ยนโผตัวจริงสี่รายโดย เฌเรมี่ โดกู ,ริโก้  ลูอิส ,เควิน เดอ บรอยน์ และ นาธาน อาเก้  ได้ออกสตาร์ตแทน  อิลคาย กุนโดกัน , แบร์นาร์โด้ ซิลวา , รูเบน ดิอาส และ จอห์น สโตนส์ ที่บาดเจ็บเพิ่ม

จากโผดังกล่าวทำให้ เรือใบสีฟ้า มีอายุเฉลี่ยของนักเตะ 25 ปี 68 วันซึ่งอ่อนเยาว์ที่สุดของทีมในเกม พรีเมียร์ลีก ยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เช่นเดียวกับเกมบู๊กับ วัตฟอร์ด ในเดือนก.ค.2020 อย่างพอดิบพอดี (25 ปี 68 วันเช่นกัน)

2. หงส์ส่ง ดิอาซ คืนโผตัวจริง

อาร์เน่อ สล็อต ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล สลับโผนักเตะตัวจริงแค่รายเดียวอีกหนเมื่อเทียบจากเกมล่าสุดที่ออกไปเสมอกับ แอสตัน วิลล่า 2-2

นายใหญ่ดัตช์เรียกใช้งาน หลุยส์ ดิอาซ เป็นตัวจริงอีกครั้งโดนถอด ดีโอโก้ โชต้า ให้รับบทตัวสำรอง

ขณะเดียวกัน ทีมเยือนได้ โคดี้ กัคโป ตัวรุกชั้นดีที่เจ็บไปสองเกมฟิตกลับมารอถูกเรียกตัวลงบู๊ในซุ้มด้วย

3. คิงโมจัดจ้านไม่เกรงใจใคร 

นาทีนี้ โม ซาลาห์ ถือเป็นกองหน้าเบอร์หนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้แม้อันที่จริงเจ้าตัวจะสวมบทปีกขวาก็ตาม แต่คุณภาพการสอยตาข่ายของเขาเฉียบคมหาตัวจับยากอย่าบอกใคร

หลังเข่นให้ ลิเวอร์พูล บุกไปนำ แมนฯ ซิตี้ 1-0 หัวหอกทีมชาติ อียิปต์ เพิ่มจำนวนประตูใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้เป็น 25 เม็ด รวมทุกรายการเขาตะบันไปแล้ว 30 ประตู

นอกจากนี้ ซาลาห์ คลำเป้าให้ เร้ด แมชีน รวมเป็น 241 ประตูพาตัวเองรั้งอันดับสามดาวซัลโวสูงสุดของสโมสรร่วมกับ กอร์ดอน ฮ็อดจ์สัน เป็นรองแค่ โรเจอร์ ฮันต์ กับ เอียน รัช เท่านั้น

อีกทั้ง คิงโม จ่ายให้ โดมินิค โซโบซไล กระทุ้งเม็ดสองให้ หงส์แดง นำห่างเจ้าบ้าน 2-0 ก่อนจบครึ่งแรกซึ่งทำให้สตาร์แอฟริกันจัดแอสซิสต์ในซีซั่นนี้ของเกม พรีเมียร์ลีก 15 ประตูแล้ว รวมเบ็ดเสร็จ ซาลาห์ มีส่วนร่วมกับประตูในเกมลีกเมืองผู้ดีซีซั่นนี้ 40 เม็ดแล้ว

ขณะเดียวกัน ซาลาห์ ทั้งยิงทั้งจ่ายในเกมเดียวกันของศึก พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ได้ 11 เกมแล้วซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดในลีกยุโรปนับจากที่ ลิโอเนล เมสซี่ ทำได้ให้ บาร์เซโลน่า 11 นัดเช่นกันในซีซั่น 2014/15

และหากจะนับรวมซีซั่นอื่นๆด้วย ซาลาห์ ทั้งยิงทั้งจ่ายในเกมลีกได้ 49 นัดแล้ว และมีแค่ เมสซี่ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่มีผลงานในด้านเดียวกันนี้เหนือกว่าสตาร์ดังของ ลิเวอร์พูล เมื่อนับจากที่มีการจดบันทึกตั้งแต่ซีซั่น 2006/07 เป็นต้นมา

ยังไม่หมดแค่นั้นเนื่องจาก คิงโม เป็นพ่อค้าแข้งคนแรกในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่ทั้งยิงทั้งจ่ายได้ในเกมบู๊กับทีมแชมเปี้ยนทั้งสองนัดไปกลับด้วย(ธ.ค. 2024 ที่ แอนฟิลด์)

ยิ่งไปกว่านั้น ซาลาห์ ทำแสบกับ กวาร์ดิโอล่า ในเกมลีกได้มากกว่านักเตะทุกรายด้วยเนื่องจากเขายิงใส่ทีมที่กุนซือสแปนิชกุมบังเหียนทุกสโมสรได้มากที่สุดรวม 9 ประตู และแอสซิสต์ได้มากที่สุดเช่นกัน 6 ประตู

สุดท้ายแล้ว ซาลาห์ เป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่มีส่วนกับการทำประตูเกินกว่า 40 ลูกสองซีซั่นแล้ว

42 ลูกซีซั่น 2017/18 (ยิง 32 ,แอสซิสต์ 10 )

40 ลูกซีซั่น 2024/25 (ยิง25 , แอสซิสต์ 15)

4.เดอ บรอยน์ หมดสภาพ

ในวัย 33 ปีชัดเจนว่า เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมคเกอร์ของ  แมนฯ ซิตี้ อยู่ในช่วงขาลงของอาชีพนักเตะแล้วเนื่องจากซีซั่นนี้เขาไม่อาจบงการเกมให้ เรือใบสีฟ้า ได้เลย

หลังล้มเจ็บหนล่าสุด กองกลางทีมชาติ เบลเยี่ยม ผ่านพ้นฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเองเรียบร้อยแล้วอันรวมถึงเกมบู๊กับ ลิเวอร์พูล ด้วยซึ่งเขาไม่อาจสำแดงเดชแม้แต่น้อยนิดก่อนที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะไม่มีทางเลือก และต้องเสี่ยงเปลี่ยนเขาออกช่วงกลางครึ่งหลังให้ เจมส์ แม็คเคที ดาวรุ่งของทีมลงไปทำเกมแทน

จากฟอร์มที่ถดถอยของ เดอ บรอยน์ เชื่อแน่ว่าซีซั่นนี้จะเป็นซีซั่นสุดท้ายของเขากับถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม โดยเจ้าตัวน่าจะย้ายไปขุดทองใน ซาอุดิ อาระเบีย ตามที่มีกระแสข่าวลือ หรือไม่ก็อาจลดระดับลงไปเล่นในลีกอื่นในช่วงบั้นปลายของอาชีพ

จะอย่างไรก็ตาม โทรฟี่ และความสำเร็จมากมายที่ เดอ บรอยน์ นำมามอบให้กับถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ย่อมทำให้เขาติดทำเนียบหนึ่งในตำนานของสโมสรโดยปราศจากข้อโต้แย้ง

5. สิ้นสุุดยุคทองเรือใบสีฟ้า

จากผลงานแพ้ ลิเวอร์พูล คาบ้าน 2-0 ชนิดที่ไม่อาจคลำเป้าได้ แมนฯ ซิตี้ เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดยุคทองของสโมสรอย่างเป็นทางการแล้ว

หลังพ่าย เรอัล มาดริด ในเกมเพลย์ออฟถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ก่อนโดน ลิเวอร์พูล บุกมากำราบถึงรัง  มันตอกย้ำให้เห็นว่า กวาร์ดิโอล่า จะต้องใช้เวลาสร้างทีมชุดใหม่ของเขาขึ้นมาอีกครั้งเนื่องจากจอมทัพคนเก่งอย่าง เดอ บรอยน์ แก่เกินแกงไปแล้ว แถมนักเตะหลายรายในทีมก็เข้าข่ายถดถอยทั้ง อิลคาย กันโดกัน , แบร์นาร์โด้ ซิลวา แถม ฟิล โฟเด้น มีซีซั่นที่เลวร้ายซึ่งทำให้ เรือใบสีฟ้า เลี่ยงไม่พ้นที่ต้องอับปางนับตั้งแต่ โรดรี้ หัวใจสำคัญในแดนกลางล้มเจ็บยาว

ถึงตอนนี้ แมนฯ ซิตี้ แพ้เกมลีกเป็นนัดที่ 8 ของซีซั่นแล้ว ขณะที่ กวาร์ดิโอล่า เคยคุมทีมแพ้เกม พรีเมียร์ลีก มากที่สุด 9 นัดในซีซั่น 2019/20 ซึ่ง เรือใบสีฟ้า คว้าอันดับสองโดย หงส์แดง ได้แชมป์ไปครองกับการมีแต้มมากกว่าถึง 18 แต้ม

ก่อนหน้านี้ตลอด 16 นัดหลังไม่ว่าจะมีผลลัพธ์เป็นอย่างไร เรือใบสีฟ้า สามารถคลำเป้าได้ทุกเกมอย่างน้อยหนึ่งเม็ดก่อนโดน หงส์แดง เบรกหัวทิ่มเข้าให้จนได้

ฉะนั้นแล้วในซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูล จึงปฏิเสธการได้ประตูของ แมนฯ ซิตี้ ครบทั้งสองนัด ขณะที่ ยูเวนตุส , สเปอร์ส และ อินเตอร์ มิลาน เป็นอีกสามทีมในซีซั่นนี้ที่ไม่เสียประตูให้กับทีมของนายใหญ่เลือดกระทิงดุ


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport