วินาทีที่ เอฟเวอร์ตัน ตีเสมอตอนช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ดูเหมือนยังเป็นภาพจำที่อยู่ในความคิดของนักเตะ ลิเวอร์พูล หลาย ๆ คน
พลันเสียประตูให้ มาเธอุส คุนญ่า โดนไล่ตามมาเป็น 1-2 ลิเวอร์พูล ดูเสียสมาธิ โฟกัสหลุด และไม่สามารถกลับคืนสู่เกมได้
ท้ายเกม อลีสซง เบ็คเกอร์ ชกบอลแทนที่จะรับ
อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เสียบอลแบบไม่ระมัดระวัง
ไรอัน กราเฟนแบร์ก เตะบอลพลาด
ผู้เล่นเจ้าถิ่นเสียการควบคุมแดนกลาง และจ่ายบอลกันไม่ดี
"คุณเห็นได้ว่าวันนี้หลังจากพวกเราเสียประตู มันเป็นครั้งแรกในซีซั่นนี้เลยนะที่เรารู้สึกแบบ -Ooh-" อาร์เน่อ เผยหลังจบเกม
"การเสียประตูช่วงนาทีสุดท้ายเกมเจอ เอฟเวอร์ตัน ยังคงอยู่ในหัวของเรา"
"ในฐานะทีม นั่นคือเหตุผลว่าทำไม เราถึงหงุดหงิดกันมาเมื่อคืนวันพุธ"
ไม่ใช่แค่ตัวผู้เล่น แต่ยังรวมถึงแฟนบอลที่อยู่ใน แอนฟิลด์
บรรยากาศของความวิตกกังวลถูกเปิดเผยออกมาตอนนาที 75 เมื่อ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ส่งบอลคืนหลังให้ อลีสซง เบ็คเกอร์ แล้วเกิดเสียงอื้ออึงจาก เดอะ ค็อป บนอัฒจันทร์
จน "ร็อบโบ้" ต้องยกมือขึ้น และส่งสัญญาณให้แฟนบอลของตัวเองสงบลง
"ตอนนำ 2-0 เราคิดว่าเราจะได้ลูก 3-0 แต่มันเป็นการตัดสินที่ถูกต้องเมื่อเขาล้ำหน้า จากนั้นเราน่าจะได้ลูกโทษแล้วหนีเป็น 3-0 อีกครั้ง ทว่าความเห็นจาก วีเออาร์ ก็ไม่ใช่ ซึ่งมันก็ถูกต้องอีก"
"ทันใดนั้นเมื่อสกอร์เป็น 2-1 ในแง่สภาพจิตใจมันไม่ง่ายเลย การชนะเกมฟุตบอลเป็นเรื่องที่ยากมาก"
"ผู้คนมักจะพูดว่า -ก็คุณมี โม ซาลาห์ อยู่แล้ว จะกังวลไปทำไม ? เดี๋ยวเขายิงประตูให้คุณได้เสมอ- แต่ไม่เลย มันยากมากที่จะชนะทุก ๆ สามวัน"
"ท่ามกลางสิ่งที่เราต้องเผชิญตลอดทั้งฤดูกาล นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมชัยชนะในวันนี้จึงมีความสำคัญมาก"
"ก่อนเข้าสู่สัปดาห์ที่หนักหน่วง ซึ่งเราหวังว่าจะรักษาสภาพจิตใจแบบนี้ไว้ได้ แต่ต้องเล่นกับบอลให้ดีกว่านี้อีกหน่อย"
...
อะไรหลาย ๆ อย่างในแง่ลบเกิดขึ้น
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2003/04 ที่ ลิเวอร์พูล ไม่มีโอกาสทำประตูแม้แต่ครั้งเดียวตลอดช่วงครึ่งหลังของเกม พรีเมียร์ลีก
ปล่อยให้ วูล์ฟส์ สร้างโอกาสยิง 10 ต่อ 0 ช่วง 45 นาทีหลัง
2 แบ็กซ้าย-ขวา "ร็อบโบ้" ชนะการดวล 2 จาก 8 ครั้ง และเสียบอล 18 หน ส่วน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ฟอร์มหล่นครึ่งหลังทั้งที่เริ่มต้นเกมเขาทำได้ดี
แผงแดนกลางที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของเกมฟุตบอล กราเฟนแบร์ก, แม็ค อัลลิสเตอร์ และ โซโบซไล เสียการครอบครองบอลรวมกัน 28 ครั้ง ทำให้ วูล์ฟส์ มีลูกเปิดเกมโต้กลับ
การเปลี่ยนตัวผู้เล่นอย่าง จาเรลล์ ควอนซาห์, วาตารุ เอ็นโด และ คอเนอร์ แบรดลีย์ ช่วยให้ทีมดีขึ้น
แต่การเปลี่ยน ดาร์วิน นูนเญซ ลงมา ไม่ได้ช่วยเกมรุกมากนัก เขาผ่านบอลสำเร็จเพียง 4 จาก 8 และชนะการดวลแค่ 2 จาก 5 ครั้ง
"คุณเห็นแล้วว่าผู้เล่นอย่าง จาเรลล์ และ วาตะ (เอ็นโด) มีความสำคัญต่อทีมมากแค่ไหน"
"ถ้าคุณต้องการประสบความสำเร็จ คุณต้องมีประตูจาก โม (ซาลาห์) หรือ ลูโช่ (ดิอาซ) หรือคนอื่น ๆ แต่คุณก็ต้องมีผู้เล่นที่คุณสามารถพึ่งพาได้เช่นกัน"
"ผมคิดว่า จาเรลล์ เจอช่วงเวลาที่ยากลำบากนิดหน่อยหลังจากถูกเปลี่ยนตัวออกที่อิปสวิช (ในเกมเปิดฤดูกาล) และอีกสองสามนัดถัดมาที่เขาลงสนามก็เป็นช่วงที่ยากลำบากสำหรับเขา"
"แต่ตอนนี้เขากำลังแสดงให้เห็นว่ากลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีเหมือนเดิมแล้ว"
...
สิ่งเหล่านี้คือบทเรียนก่อนเข้าสู่สองเกมเยือนที่รออยู่ข้างหน้า
ที่ วิลล่า พาร์ค กับ เอติฮัด สเตเดี้ยม ทีมเจ้าบ้านคงไม่ปล่อยให้ ลิเวอร์พูล เล่นไม่ดีแล้วชนะเหมือนที่ วูล์ฟส์ ทำ
แต่เมื่อเข้าสู่ 11 เกมสุดท้าย มองแบบมีข้อได้เปรียบคือ ลิเวอร์พูล จะได้เล่นในถิ่นถึง 7 เกม
เกมที่ แอนฟิลด์ ย่อมสำคัญ บรรยากาศต้องมีความตึงเครียดน้อยกว่าจากเกมล่าสุด
"เราทุกคนต่างเป็นมนุษย์ และผมเข้าใจดีว่าความวิตกกังวลหรือความประหม่าอาจเกิดขึ้นได้ แต่เราต้องเดินหน้าต่อไป" เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กล่าว
"เราต้องการให้แฟนบอลอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด และพวกเขาก็ต้องการให้เราอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดเช่นกัน หวังว่าตอนจบฤดูกาลเราทุกคนจะได้ร่าเริงกันมากกว่านี้อีกนะ"
"เราก็แค่ต้องทำใจให้แกร่งและสนุกไปกับการผจญภัยครั้งนี้ มันจะมีช่วงที่พลิกผันหลายช่วง ถ้าคุณไม่พร้อมสำหรับมัน มันก็จะเป็นช่วงเวลา 2 เดือนที่ยากลำบากสำหรับคุณ"
"เราเคยเจอกับสถานการณ์แบบนั้นมาก่อน แต่ผมรู้สึกว่าเราพร้อมสำหรับมันแล้ว"
"เราจะทุ่มเททุกอย่างที่เรามี มารอดูกันในช่วง 13 เกมต่อจากนี้ดีกว่าว่ามันดีพอที่จะทำให้เราไปถึงเป้าหมายรึเปล่า"
เกมเมื่อวันอาทิตย์ หลายคนดูเหมือนกำลังอดทนกับการลุ้นแชมป์ มากกว่าสนุกไปกับมัน
สิ่งที่ ฟาน ไดค์ พูดคือเรื่องสำคัญ เพราะสำหรับการลุ้นแชมป์ หัวจิตหัวใจต้องแข็งแกร่ง ผู้เล่นรวมถึงแฟนบอลจำเป็นต้องผ่อนคลาย
เราจะจมกับความผิดหวังจากเรื่องในอดีตไม่ได้ และต้องเตือนตัวเองว่าหนนี้ ไม่ได้มี แมนฯ ซิตี้ ที่ไล่ล่าแบบไม่ลดละอีกแล้ว
"เมื่อพวกเขาเดินเข้ามา (หลังจบเกม) ผมรู้สึกว่าพวกเขาดูหดหู่นิดหน่อย" อาร์เน่อ ย้ำต่อถึงเรื่องความรู้สึก
"พวกเขารู้สึกว่านี่ไม่ใช่ฟอร์มที่ดีที่สุด ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าเราทำได้ดีแค่ไหนตลอดฤดูกาลนี้ พวกเขาไม่ได้มีความสุขมากนัก"
"ผมบอกพวกเขาว่า ชัยชนะในวันนี้อาจเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าการถล่มท็อตแน่ม 4-0 ที่นี่เสียอีก (คาราบาว คัพ เลกสอง)"
"ตลอดทั้งฤดูกาล ถ้าคุณต้องการประสบความสำเร็จ การเล่นฟุตบอลที่ดีคือพื้นฐานของสิ่งนั้น"
"แต่ถ้าคุณไม่มีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งพอจะเอาชนะเกมที่ยากลำบาก คุณจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ"
"นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงผิดหวังกับนักเตะและหงุดหงิดมากหลังเกมกับเอฟเวอร์ตันเมื่อวันพุธ"
"ผลเสมอวันนั้นมันยากที่จะยอมรับ เราไม่ได้ชัยชนะจากเกมนั้น แต่วันนี้เราได้มาแล้ว"
ความหมายที่ อาร์เน่อ จะสื่อคือ คุณไม่สามารถคว้าชัยชนะได้แบบเหนือชั้นหรือสวยงามเสมอไป
เมื่อจบเกมคืนวันพุธ ลิเวอร์พูล มีโอกาสทิ้งระยะห่างกับ อาร์เซน่อล 10 คะแนน
ไม่ใช่เวลาที่จะมาทนทุกข์ แค่สนุกไปกับมัน ปลดปล่อยการเล่นฟุตบอลที่ดีออกมา
HOSSALONSO