เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ครั้งแรกแข่งกันที่กูดิสัน พาร์คในเดือนตุลาคมปี 1894 โดยผลวันนั้น เอฟเวอร์ตัน เปิดรังต้อนเพื่อนร่วมเมือง 3-0
จากบันทึกของหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เมืองเล่มหนึ่ง เขียนเอาไว้ "ตอนนั้นยังมีการยืมผู้เล่นกันอยู่เลย ตอนนั้นคือจุดเริ่มต้นของความเป็น family derby ที่ไม่มีที่ไหนเหมือน"
อธิบายคำว่า 'family derby' ก็หมายถึงว่าเราสามารถพบเห็นครอบครัวหนึ่งเชียร์กันคนละฝั่งได้ บ้างพ่อสีน้ำเงิน ลูกสีแดง อีกหลังอาจจะพี่ขอเป็น เดอะ ค็อป ส่วนน้องชายเลือกเป็น เอฟเวอร์โตเนี่ยน นี่คือเรื่องปกติมากๆในนครอย่างเมอร์ซี่ย์ไซด์
แน่นอนว่ามันจึงไม่ใช่แค่เกมทั่วไป ความหมายของดาร์บี้แมตช์มีคุณค่าในตัวเองเสมอ จากที่สู้กันมายาวนาน 131 ปี ก็น่าเหลือเชื่อที่สถิติเตะกันมา 120 ครั้งใน กูดิสัน พาร์ค อ่านได้ดังนี้ เอฟเวอร์ตัน ชนะ 41 เสมอ 38 ลิเวอร์พูล ชนะ 41
ใช่ครับ เมื่อคืนวันพุธมันทวีคูณในแง่ความสำคัญ เพราะจะเป็นหนสุดท้ายแล้วที่เกมที่แข่งกันมากสุดของเกาะอังกฤษ (245ครั้ง) ได้จัดภายใต้สังเวียนโบราณสีน้ำเงิน ซีซั่นหน้าพวกเขาจะย้ายไปปักหลักบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่และทันสมัยกว่าเดิมติดริมแม่น้ำ
บรรยากาศจึงสุดสมราคา...
ก่อนเกมราวสามชั่วโมง ก็มีแฟนเจ้าถิ่นนับพันมารวมตัวดักรอตรงถนนด้านข้างเพื่อรับรถโค้ชที่กำลังมา บ้างจุดพลุควันสีน้ำเงิน บ้างโบกธงสะบัดและบ้างที่เป็นต้นเสียงตะเบ็งลำคอปลุกเร้า - Everton Spirit of the Blues กระหึ่มขึ้น
หากในความเป็น "ดาร์บี้ครอบครัว" ที่สมัยก่อนกองเชียร์สองทีมนั่งด้วยกันในสนามได้ก็มักมีเรื่องกระชากอารมณ์ให้ต้องพูดถึงกันยาวหลังเกมประจำ นี่คือดาร์บี้แมตช์ที่มีสถิติใบแดงสูงสุด ถูกต้องเกมล่าสุดก็มี 4 ใบ เป็นนักเตะสองคนได้แก่ อับดุลลาย ดูกูเร่ กับ เคอร์ติส โจนส์ ที่มีปัญหาตอนเกมจบ ต่อมา อาร์เน่อ สล็อต กับผู้ช่วย ซิปเก้ ฮูลชอฟฟ์ ก็โดนผู้ตัดสิน ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ควักแจกไปคนละใบ
เท่าที่จำได้นับแต่มาประจำการในอังกฤษมา 15 ปี นี่ก็น่าเป็นแค่ไม่กี่หนด้วยที่หลังเกมไม่พบโค้ชฝ่ายหนึ่งมาพูดใน เพรส คอนเฟอเรนซ์
สล็อต ไม่สามารถเข้ามาให้สัมภาษณ์สิ่งที่เขารู้สึกจากเกมได้เพราะใบแดงที่ได้จาก โอลิเวอร์ เจ้าหน้าที่มีเดียของหงส์เดินมาบอกในห้องสั้นๆ แค่ว่า "ไว้เจอกันในเพรสก่อนเกมกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน"
ดราม่ามีเสมอในโลกลูกหนังครับ อย่างยิ่งเกมดาร์บี้แมตช์
ลิเวอร์พูล ในฐานะจ่าฝูงและเต็งแชมป์ถึงจะมาเยือนก็เป็นต่อเพื่อนข้างสวนอยู่เยอะ ทว่านั่นเป็นสิ่งที่ เดวิด มอยส์ ได้พยายามกระตุ้นนักเตะตัวเองโดยอาศัยประสบการณ์ที่เขาเคยผ่านเหตุการณ์ทำนองนี้มาก่อนสมัยคุมทีมภาคแรก
"ตอนผมเข้ามาในปี 2002 ตอนนั้นช่องว่างเรากับลิเวอร์พูลก็มีเยอะ เราต้องใช้เวลาในการลดช่องว่างลง ตอนนี้ผมก็รู้สึกอย่างนั้นว่าช่องว่างเรากับพวกเขามีเยอะแต่เราจะทำให้เต็มที่เพื่อแฟนบอลทุกคน"
"ตลอดเกม เอฟเวอร์ตัน ทำได้ดีที่สุดแล้วตามคุณภาพตัวเอง พวกเขาพังประตูออกนำไปก่อนและถึงต่อให้โดนตีเสมอเร็วก็คงสู้ได้สมศักดิ์ศรี ค่าxGก็สะท้อนออกมาเช่นนั้น : เอฟเวอร์ตัน 0.98- ลิเวอร์พูล 0.65 (ลิเวอร์พูล มีโอกาสทั้งหมด 6 ครั้งน้อยสุดในซีซั่นนี้)
จะมีก็ช่วงนับแต่นาที 73 ไปหลังเจอทีเด็ด โม ซาล่าห์ กดด้วยขวาให้ทีมแซงนำ 2-1เท่านั้น ที่โมเมนตัมเหวี่ยงไปอีกทาง เกมที่ดุดันของเจ้าบ้านแผ่วลงซึ่งเหตุผลคงมาจากความมั่นใจที่หายไปพอต้องฝ่ายตามหลังบ้าง
ยิ่งเวลาผ่านไปก็ดูเหมือนว่า เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ครั้งสุดท้ายที่ กูดิสัน พาร์ค จะต้องเป็นทางฝั่งสีแดงได้ฉลองชัยชนะ
"We won the league at goodison" ชาวหงส์ราวสามพันชีวิตพร้อมใจแหกปากเย้ยเพื่อนบ้านสีน้ำเงิน
แต่แล้วทดเจ็บนาที 98 ก็มีดราม่าขั้นสุดเกิดขึ้น เมื่อ เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ กองหลังดันสูงซัดเสยคานให้สกอร์เท่ากัน 2-2 และจบลงแบบคดีพลิกอีกข้าง
131 ปีครับที่สู้กันมา มีแพ้มีชนะ มีแซวกันมีเกทับบลัฟกัน มีหัวร้อนบ้างตามประสา ขณะเดียวกันก็มีเดินกอดคอกันไปตามประสาทีมพี่ทีมน้องด้วย
จากทุกภาพและเสียงที่เจอมาด้วยตัวเอง...
มันไม่ใช่เกมฟุตบอลทั่วไปแน่นอน มันมากกว่านั้น
"ไก่ป่า"