ดราม่าจนหยดสุดท้าย! ลิเวอร์พูล โดน เอฟเวอร์ตัน เจ๊าช่วงทดเวลาเกิน

ดราม่าจนหยดสุดท้าย! ลิเวอร์พูล โดน เอฟเวอร์ตัน เจ๊าช่วงทดเวลาเกิน
ศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ เกมสุดท้ายที่ กูดิสัน พาร์ค จบลงด้วยความเดือดดาล สนุกสนาน ตื่นเต้น เมามัน และดราม่าจนหยดสุดท้ายจริงๆ ชนิดที่ใครไม่ได้ดู ถือว่าพลาดมหันต์ !!!

และต่อไปคือสิ่งที่ผู้ชมทางบ้านอย่างผมอยากจะบอก

1. เดวิด มอยส์ วางแผนมารับมือ ลิเวอร์พูล ได้สะเด่าดีนักแล แถมลูกทีมของเขาก็ตอบสนองความต้องการของเจ้านายพลางสู้สุดใจขาดดิ้น

แผนคือเวลาเล่นเกมรับ ผู้เล่นของ เอฟเวอร์ตัน จะขึ้นมาบีบสูง แต่ไม่เพรสซิ่ง เพื่อคุมพื้นที่ ไม่เปิดช่องว่างให้ผู้มาเยือน

ขยับขึ้นมาบีบ โดยจงใจไม่ไล่บอล เพราะรู้ว่าคู่แข่งต่อบอลและทำชิ่งกันเร็วและแม่น หากเพรสส์ใส่แล้วถูกแก้ได้ ลิเวอร์พูล จะมีพื้นที่ว่างในการจู่โจมทันที

สิ่งที่เห็นคือนักเตะหงส์แดงได้แต่ผ่านบอลไปผ่านบอลมาอยู่ในแดน ต่อเมื่อขยับเข้ามาถึงครึ่งสนาม ผู้เล่นเจ้าถิ่นจะพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วและหนักหน่วง

เจอวิธีการเล่นแบบนี้เข้าไป ลิเวอร์พูล จึงทำเกมรุกกันไม่ถนัด ตะกุกตะกัก บุกไม่ขึ้น และหาโอกาสทำประตูได้น้อย

เรียกว่าไม่ได้กดดันเกมรับทีมลูกอมเลยดีกว่า

2. เวลาครองบอล เอฟเวอร์ตัน จะเน้นเกมทางด้านข้างเป็นพิเศษ แถมไม่เตะทิ้งเตะขว้าง พวกเขาจะค่อยๆ ต่อบอลกันช้าๆ ก่อนเปลี่ยนจังหวะด้วยการสาดบอลไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วทันที

เจ้าถิ่นฉวยโอกาสที่คู่แข่งไม่ทันตั้งตัว เล่นฟรีคิกเร็วจนนำมาซึ่งประตูแรก

ทว่าหลังจากขึ้นนำ 1-0 เอฟเวอร์ตัน กลับลดระดับความเข้มข้นของตัวเองลง และนั่นคือเหตุผลบอกว่าทำไมถึงถูกตีเสมอเป็น 1-1 หลังขึ้นนำได้แค่เพียง 5 นาทีเท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม 

หลังถูกตีเสมอ พวกท็อฟฟี่ เมน ก็กลับมาเข้มข้นกันอีกครั้ง จังหวะ 50-50 บวกทุกดอก เกมไม่ได้เป็นรองอะไรมาก

3. ครึ่งหลัง อาการของ ลิเวอร์พูล ก็ยังไม่ดีขึ้น

เอฟเวอร์ตัน มีโอกาสขึ้นนำในช่วงต้นครึ่งหลังถึง 2 ครั้ง 2 หน น่าเสียดายที่ไม่เด็ดขาด

วาบนั้นผมพูดในใจว่าถ้ามีโอกาสแล้ว ปล่อยให้มันหลุดลอยไป ตัวเองจะโดนลงโทษ

แล้วก็จริงๆ ผู้มาเยือนที่เกมรุกฝืดเคืองกลับเป็นฝ่ายพลิกขึ้นนำ 2-1 ด้วยคุณภาพผู้เล่นที่แตกต่างกัน

คือ ลิเวอร์พูล มีระดับพระกาฬอย่าง โม ซาล่าห์ 

ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน ไม่มีนักเตะอย่าง โม ซาล่าห์ ที่ต่อให้เล่นไม่ค่อยออก แต่หากมีโอกาสแค่ครั้งเดียว เขาสามารถเปลี่ยนมันเป็นประตูได้เลย !!!

4. เมื่อ 'หงส์แดง' พลิกขึ้นมานำเป็น 2-1 ผมมั่นใจมากว่า...

'มันจบแล้วครับนาย'

เนื่องเพราะเกมรุกของทีมลูกอมไม่มีอะไรเลย ช่วงท้ายเกมก็ครองบอลบุกขย่มใส่ ลิเวอร์พูล ไม่ได้

เพียงแต่บ่อยครั้งที่ฟุตบอลมันก็บ้าๆ บอๆ แบบนี้แหละ

ลูกหลับหูหลับตาบอมบ์เข้าไปแบบไม่มีอะไรจะเสีย มันดันกระเด้งไป กระเด้งมาบนอากาศ ก่อนที่จะตกมาตรงหน้าปราการหลังอย่าง เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ ที่วิ่งเข้าวอลเล่ย์เสียบเพดานตาข่ายแบบเต็มตีนเตี่ย

5. สำหรับคุณผู้ตัดสิน ไมเคิ่ล โอลิเวอร์เฉยๆ ที่ถูกพวกพรี่ๆ รุมกระหน่ำยิ่งกว่าอุกาบาตถล่มหัวหมาว่าเป่านกหวีดได้บัดซบและตบชักอย่างจงหนักนั้น

เอาตรงๆ นะครับ อย่าโกรธกัน

ผมว่าเขาตัดสินได้เป็นกลางมาร์คมาก

กลางใจ เอฟเวอร์โตเนี่ยน ที่ กูดิสัน พาร์ค เฉพาะอย่างยิ่งการทดเกินเวลาไปเรื่อยๆ จนทีมเจ้าบ้านตีเสมอได้สำเร็จ 

ดีนะ ผมไม่ใช่เด็กหงส์ มิเช่นนั้นคงฝากคำถึงพี่แกไปเป็นชุดแล้วว่า 'อห อส อนสต'

โบนัส แทร็ค: ขอชาบูกองเชียร์เจ้าถิ่นที่ตะเบ็งเสียงอื้ออึงจากรอบทิศทางช่วยให้ 'ทอฟฟี่ เมน' วิ่งสู้ฟัดกัดไม่ปล่อยแบบเต็ม 80,000 ตีนถีบ


ที่มาของภาพ : Getty Images
BY : บอ.บู๋
บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport