ผลพลอยได้จากการร่วงเอฟเอ คัพ

ผลพลอยได้จากการร่วงเอฟเอ คัพ
จะให้เสียใจอะไร..นักข่าวถาม อาร์เน่อ ว่ามีความรู้สึกเสียใจบ้างไหมกับการจัดตัวในเกมนี้

(ขออนุญาตเขียนถึงกุนซือลิเวอร์พูลแค่ชื่อสั้น ๆ ว่า อาร์เน่อ นะครับ ผมปวดหัวกับการตรวจจับโดย AI ของพี่มาร์คแกเหลือเกิน ใช้ สล็- ก็โดน ใช้ ชล็- ก็เหมือนจะโดนอีก)

นั่นสิครับ.. จะให้เสียใจอะไร ต้องรู้สึกผิด พร่ำเพ้อดูถูกตัวเอง หรือต้องฟูมฟายขอโทษขอโพยที่ทำทีมตกรอบเอฟเอ คัพ ด้วยน้ำมือของทีมบ๊วยแชมเปี้ยนชิพ

จะให้เสียใจอะไร.. ถ้าเขาตอบว่าเสียใจสิ นั่นหมายความว่านักเตะที่เขาเลือกลงสนามถูกประจานต่อหน้าสาธารณะ ถูกไหม

เรื่องหลังบ้านคือเรื่องหลังบ้าน ข้อบกพร่องผิดพลาดทั้งหลายที่เกิดขึ้นที่ โฮม พาร์ค เมื่อคืนวันอาทิตย์ (ซึ่งมีมากอย่างเหลือเฟือทีเดียว) จะถูกนำไปเป็นโจทย์ตั้งให้ทุกคนได้เรียนรู้และปรับปรุงแก้ไข

เพื่ออะไร.. ก็เพื่อการพัฒนาต่อไปมันก็แค่นั้น ชีวิตนักฟุตบอลก็เหมือนอาชีพอื่น ๆ นั่นแหละ คุณหยุดนิ่งไม่ได้หรอก ต้องยกระดับตัวเองขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่อยู่กับที่ อีกทั้งระหว่างทางก็ยังมีอุปสรรคขวากหนามเต็มไปหมด ทั้งยังมีวันที่ดี มีคืนที่แย่

เพราะอย่างที่ อาร์เน่อ ตอบคำถามนี้กลับไปด้วยประโยคนี้นั่นล่ะครับ "Most of the things we do, we do for a reason"

เกือบทุก ๆ อย่างที่เราทำ เราทำมันอย่างมีเหตุผลนะ

ทุกอย่างมีเหตุผลรองรับอยู่แล้ว เราแฟนบอลได้เห็นผู้เล่น 11 ตัวจริงกับตัวสำรองเกมนี้ก็มองเห็นเหมือน ๆ กันว่านี่คือทีมชุดสอง ไม่ใช่ชุดใหญ่

ไม่มีนักเตะตัวหลักค่อนทีม

เหตุผล?

ข้อแรก เพื่อถนอมร่างกายและลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการบาดเจ็บของบรรดานักเตะตัวหลัก

ข้อสอง เพื่อให้นักเตะสำรองของทีมชุดใหญ่ และนักเตะดาวรุ่งได้มีเกมเล่น

แล้วทำไมต้องให้นักเตะสำรองกับดาวรุ่งลงเล่นในเกมนี้ มันไม่เสี่ยงเกินไปหรือ แล้วผลเป็นอย่างไรเห็นไหม ก็ต้องถามกลับว่าแล้วถ้าไม่ให้เล่นเกมนี้จะให้เล่นเกมไหน หรือแค่เกมเยือน พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น เกมเดียวก็เพียงพอ

เราต้องไม่ลืมว่าวันพุธนี้ยังมีเกมเยือนเอฟเวอร์ตันรออยู่ งานนี้หนักกว่าที่ผ่าน ๆ มาหลายเท่าด้วยความจริงที่ว่าจะเป็นเกมสุดท้ายแล้วที่เอฟเวอร์ตันกับลิเวอร์พูลจะได้ฟาดแข้งกันที่ กูดิสัน พาร์ค

อาร์เน่อให้ความสำคัญกับแต้มที่กูดิสัน พาร์ควันพุธนี้อย่างที่สุดในระดับที่ไม่อยากให้พลาดแม้แต่นิดเดียว โมฮาเหม็ด ซาลาห์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, อลีสซง เบ็คเกอร์, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, ไรอัน กราเฟนแบร์ก, โดมินิก โซโบซไล, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, โกดี้ คักโป และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (ไม่สมบูรณ์เป็นทุนเดิม) จึงปักหลักอยู่ลิเวอร์พูลต่อไปไม่ต้องเดินทางลงใต้ 400 กว่ากิโลเมตรไปพลีมัธ

เขาเน้นกับเกมวันพุธนี้ถึงขนาดนั้น และถ้ามองถึงโปรแกรมถัด ๆ ไปก็ยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก ลิเวอร์พูลต้องลงสนาม มิดวีก-วีกเอนด์-มิดวีก-วีกเอนด์-มิดวีก เป็นซีรี่ส์

เตะกับเอฟเวอร์ตันวันพุธ (12 ก.พ.) ต่อด้วยวูล์ฟแฮมป์ตันวันอาทิตย์ (16 ก.พ.) แล้วไปเยือน แอสตัน วิลล่า วันพุธ (19 ก.พ.) ต่อด้วยไปเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันอาทิตย์ (23 ก.พ.) กลับมาแอนฟิลด์รับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด วันพุธ (26 ก.พ.)

5 เกมต่อจากนี้ไปต้องเจอคู่แข่งอันตรายทั้งสิ้นในแบบ เสาร์-พุธ-เสาร์-พุธ-เสาร์..

เขาไม่ได้ทิ้งเกมเอฟเอ คัพ นัดนี้หรอกนะครับ คงไม่มีโค้ชคนไหนจัดทีมเพื่อให้ลงไปแพ้หรอก ที่เขาจัดตัวไม่เต็มทีมไม่ได้หมายความว่ามีเจตนาส่งไปเพื่อแพ้ แต่ประเมินสถานการณ์และคุณภาพทีมแล้ว เขาแค่เชื่อว่าทีมชุดนี้น่าจะเอาอยู่

ทีมชุดนี้สามารถสู้ได้ มีศักยภาพที่จะเอาชนะได้ คงไม่ถึงกับไล่ต้อนกันขาดลอย 4-0, 6-0 หรอก แต่ทีมชุดนี้ที่มีรุ่นพี่อย่าง หลุยส์ ดิอาซ, ดีโอโก้ โชต้า, เฟเดริโก เคียซ่า, วาตารุ เอนโด, โจ โกเมซ, คอสตาส ซิมิกาส, ควีวิน เคลเลเฮอร์ และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ เป็นตัวจริงน่าจะช่วยกันประคองทีมเอาตัวรอดผ่านเข้ารอบต่อไปได้

มันคือการประเมินสถานการณ์มากกว่า ว่าด้วยมาตรฐานของตัวเองและทีมคู่แข่ง การจัดตัวประมาณนี้นั้นเอาอยู่ หรืออย่างน้อย ๆ ก็น่าจะพอเอาอยู่

ทีมได้ทำตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ทั้ง 2 เรื่อง คือนักเตะชุดใหญ่ได้พักเตรียมรับมือกับโปรแกรมหินต่อเนื่องที่รออยู่ด้วย และนักเตะชุดสองทั้งตัวสำรองและเด็กเยาวชนได้มีเกมในระดับแข่งขัน ได้ประสบการณ์รับมือกับแรงกดดันจากแฟนบอลในสนามด้วย

อาร์เน่อเองก็พูดชัดเจนอีกเกี่ยวกับเรื่องนี้ "นักเตะกลุ่มนี้ก็ต้องการมีจังหวะการเล่นของเกมด้วย เพื่อที่จะให้พวกเขาได้มีความพร้อมสำหรับอีกหลายเดือนที่รออยู่ข้างหน้า พวกเขาต้องการเกมเตะ และอย่างที่พวกคุณได้เห็นกันไปในวันนี้ก็ยิ่งชัดนะว่าพวกเขาต้องการมันจริง ๆ เพื่อให้ตัวเองพร้อมที่สุดสำหรับสามเดือนสุดท้ายของฤดูกาล"

เขาใช้คำว่า - need - ต้องการ - เลยนะครับ นักเตะกลุ่มนี้ "ต้องการ" มีเกมให้ลงเล่นจริง ๆ ต้องการเรียก rythm หรือจังหวะของเกมจริง ๆ

เพื่ออะไร.. ก็เพื่อภารกิจที่รออยู่ตลอด 3 เดือนข้างหน้านั่นอย่างไร อาร์เน่อต้องการนักเตะทุกคนไม่ว่าจะตัวจริง ตัวสำรอง หรือแข้งเยาวชน

ถ้าไม่ใช่เกมนี้ จะมีโอกาสไหนอีกที่จะได้ใช้นักเตะกลุ่มนี้ถ้าเราจะมองไกลถึงคุณภาพของขุมกำลังสำหรับการต่อสู้ใหญ่ ๆ อีก 3 รายการที่เหลือ ทั้งพรีเมียร์ลีก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และนัดชิงลีก คัพ

หลุดจากเกมนี้ไป ก็คงจะเหลือแค่เอฟเอ คัพในรอบหน้าแค่นั้น เกมอื่น ๆ ไม่มีโอกาสได้ "มอบเกมแข่งขัน" ที่จำเป็นให้กับนักเตะสำรองและดาวรุ่งของทีมได้อีกแล้ว

มีเกมแข่งขันให้ได้เล่น.. บางคนอาจจะไม่เห็นความสำคัญของมันก็ได้ แต่ อาร์เน่อ ที่เป็นโค้ชเขาเห็นว่ามันสำคัญ ก็เท่านั้นเอง

เป็นความเห็นและมุมมองที่ไม่ตรงกันระหว่างโค้ชกับแฟนบอล คงไม่ต้องดิ้นรนหาคำตอบว่าใครคิดผิดหรือคิดถูกเพราะมันไม่มีอะไรเป็นตัววัด เพียงแต่ที่แน่ ๆ นั้นอำนาจการตัดสินใจอยู่ในมือคนเป็นโค้ช

"เตรียมตัวพวกเขาให้พร้อมสำหรับ 3 เดือนสุดท้ายที่รออยู่.." ถ้าไม่ได้คิดอย่างละเอียดรอบคอบจริง ๆ เขาจะอธิบายมันออกมาแบบนี้หรือครับ

แน่นอนครับใช้นักเตะชุดนี้ลงสนามคือความเสี่ยงอยู่แล้ว เพราะเป็นการโยนความได้เปรียบของการเป็นทีมที่มีคุณภาพนักเตะดีกว่าทิ้งไปเกิน 50 เปอร์เซนต์

คุณภาพทีมโดยรวมย่อมอ่อนลงเพราะไม่มี ซาลาห์-ฟาน ไดค์-คักโป-แม็กก้า-โซโบ-กราเฟนแบร์ก แต่เรามั่นใจจริง ๆ หรือว่าลิเวอร์พูลจะแพ้ พลีมัธ ในเกมนี้แน่นอนด้วยขุมกำลังที่มี ดิอาซ-โชต้า-เคียซ่า-เอลเลียตต์-เอนโด-โกเมซ-ซิมิกาส และ เคลเลเฮอร์ ลงสนามตั้งแต่ต้นเกม และยังมี ดาร์วิน นูนเยซ กับ เคอร์ติส โจนส์ เป็นตัวสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาด

จริงอยู่ครับโอกาสชนะมีน้อยลงแน่ โอกาสแพ้ก็มีมากขึ้นแน่ แต่ด้วยคุณภาพทีมและผู้เล่นมันก็ได้วัดกันในสนาม ไม่ใช่แพ้เห็น ๆ ตั้งแต่กางรายชื่อ

อาร์เน่อจัดทีมด้วยตัวผู้เล่นที่เขาเชื่อว่าน่าจะเอาอยู่ ผมเองก็เชื่อว่าทีมชุดนี้น่าจะเอาอยู่

หลายคนอาจจะรู้สึกแบบเดียวกัน หรืออีกหลายคนเช่นกันที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้

มันไม่ใช่ครั้งแรกเลยนะครับที่เราได้เห็นทีมใหญ่จัดตัวในลักษณะนี้ เกมที่พิจารณาแล้วว่าไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรงจนเกินไป หลาย ๆ ทีมตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาก็ใส่ชุดผสมลงไปเล่นเพื่อเป้าหมายบางอย่าง

ผลลัพธ์อาจจะชนะในสกอร์ที่เฉียดฉิวบ้าง หวุดหวิดบ้าง ด้วยคุณภาพผู้เล่นที่สุดท้ายก็ยังเหนือกว่า หรือบางครั้งอาจถล่มขาดลอยไปเลย หรือถูกเขี่ยตกรอบก็ได้ มันเกิดขึ้นได้หมด

ผมไม่ติดใจอะไรเลยกับ 11 ตัวจริงของ อาร์เน่อ เพราะดูเผิน ๆ ก็น่าจะเอาอยู่จริง ๆ อย่างน้อย 3 ตัวหน้า ดิอาซ-โชต้า-เคียซ่า ก็อาจคายพิษสงลงโทษเจ้าถิ่นได้บ้าง

ถ้าสกอร์จะออกมาที่ลิเวอร์พูลเฉือน 1-0 หรือ 2-1 ตามประสาทีมชุดสองของทีมใหญ่เจอกับทีมเล็กก็จะไม่แปลกใจเลย เพราะเห็นกันมานักต่อนักแล้ว

หากจะมีรู้สึกติดขัดนิด ๆ อยู่บ้างก็คงจะแค่ตัวสำรองล่ะครับ ถ้ามีนักเตะตัวหลักจากทีมชุดใหญ่เพิ่มมาสัก 1-2 คนก็คงอุ่นใจกว่านี้

แต่มันก็แค่นั้น ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไรในความรู้สึกผม เพราะเชื่อว่า อาร์เน่อ ก็ศึกษาจุดเด่นจุดด้อยของคู่แข่งทีมนี้มาแล้ว และตัดสินใจเลือกทีมแบบนี้

ผมก็ยังเคารพการตัดสินใจของเขาเหมือนที่ผ่าน ๆ มา

ที่เหลือคือหวังให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างที่คาดหวัง ซึ่งสุดท้ายมันไม่ได้เป็นไปตามนั้น ก็เท่านั้นเอง

มันคือเกมที่ลิเวอร์พูลเล่นกันแย่มาก จะพูดว่าเป็นหนึ่งในเกมที่เล่นแย่ที่สุดในฤดูกาลนี้ก็คงไม่ผิด ความไหลลื่นขาดหาย บอลแรกปราศจากความได้เปรียบ จังหวะสองเก็บไม่ได้ ดวลตัวต่อตัวไม่ชนะ ส่งบอลขาด ๆ เกิน ๆ ไร้ไอเดียในการเข้าทำ

น่าผิดหวัง.. แน่นอนครับ เกมที่ปรากฏถือว่าน่าผิดหวัง และนั่นก็เป็นภารกิจที่ อาร์เน่อ กับนักเตะในเกมนี้ทุกคนต้องนำไปปรับปรุงแก้ไขกันต่อ

ลิเวอร์พูลไม่สมควรกับการเป็นผู้ชนะในเกมนี้จริง ๆ ครับ และก็ขอปรบมือให้กับความทุ่มเทและการต่อสู้สุดตัวของนักเตะ พลีมัธ อาร์ไกล์ ด้วยที่เล่นได้ดีสุดความสามารถของตน

อันที่จริงเรายังพอมองเห็นความแตกต่างในมาตรฐานฟุตบอลของพวกเขาอยู่พอสมควร ความเร็ว ความแม่นยำ ความเข้าใจสถานการณ์ รูปแบบการเล่น และระบบระเบียบต่าง ๆ

แต่เกมนี้พวกเขาคว้าโอกาสของตัวเองจากการที่คู่แข่งอ่อนลงได้ดี อีกทั้งเสียงเชียร์อึกทึกในสนามก็ช่วยเพิ่มพลังให้นักเตะเดอะพิลกริมส์ได้มาก

เสียใจ.. มีอะไรให้ต้องเสียใจ

อับอาย.. มีอะไรที่ต้องอับอาย

แพ้ทีมที่ดีกว่าก็ขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะ นักเตะได้บทเรียนและได้เกมแข่งขันที่จำเป็นสำหรับความพร้อมช่วยทีมตลอดเวลา 3 เดือนข้างหน้า

มองด้านแย่มันก็เห็นด้านแย่ แน่นอนครับมันมีอยู่แล้ว อย่างน้อยทีมก็ไม่ได้ไปต่อ หมดโอกาสชูถ้วยแชมป์เอฟเอ คัพสมัยที่ 9 ขณะที่นักเตะชุดสองหรือเยาวชนก็อาจจะขาดโอกาสมีเกมเพิ่ม

แต่ก็นั่นแหละ ถ้าจะลองมองหาด้านที่เป็นประโยชน์มันก็ใช่ว่าจะไม่มีเลยเสียเมื่อไหร่ เกมนี้สอนพวกเขาเช่นกันว่ามาตรฐานคุณต้องดีกว่านี้ถ้าจะผ่านด่านนี้

ขณะที่เรื่องที่เป็นประโยชน์กว่านั้นอาจคือโปรแกรมเตะที่ได้พักหายใจบ้างจากภารกิจหวด เสาร์-พุธ-เสาร์-พุธ-เสาร์ ต่อเนื่อง

เตะกับเอฟเวอร์ตัน วูล์ฟส์ฯ แอสตัน วิลล่า แมนฯ ซิตี้ และ นิวคาสเซิ่ล แบบถี่ยิบ 3 วันครั้งมา 5 เกมติด ๆ กัน แล้วเว้นวรรคพักร่างในสัปดาห์เอฟเอ คัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย เสาร์ที่ 1 มีนาคม

การพักสัปดาห์นั้นสำคัญนะครับ เพราะอังคาร/พุธ ที่รออยู่คือเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรกแล้ว

มองในด้านแย่มันก็ย่อมเห็นด้านแย่แน่นอนอยู่แล้ว แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นไปแล้ว ลองพิจารณาถึงเหตุผลและที่มาที่ไปของมันอย่างที่ อาร์เน่อ พูด แล้วลองมองหาด้านที่เป็นคุณดูบ้าง

ผมคิดว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอกนะครับ..

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport