โอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกของ อาร์เซน่อล
1.ตามหลังจ่าฝูง 6 แต้ม แต่แข่งมากกว่า 1 นัด โดยฤดูกาลนี้เหลืออีก 14 นัดต่อให้ชนะทุกนัดจะเก็บได้ 92 แต้ม
โปรแกรมถือว่าหนักพอสมควร เฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ 26 กพ. ถึง 16 กพ.ที่ต้องออกไปเยือน ฟอเรสต์, แมนยูไนเต็ด (อันนี้คงไม่หนักเท่าไหร่) และเปิดบ้านเจอ เชลซี
2.สีหนาทปืนใหญ่ไม่แพ้ใครในพรีเมียร์ลีกมา 13 เกมติดต่อกัน นับตั้งแต่พ่าย นิวคาสเซิ่ล เมื่อตอนต้นเดือนพฤศจิกายน 2024
ปัญหาคือพวกเขาดันหลุดเสมอมากเกินไปในเกมที่ควรจะเป็นผู้ชนะ ตัวอย่างเช่นเกม เสมอ ฟูแล่ม 1-1, เสมอ เอฟเวอร์ตัน 0-0 ซะอย่างนั้น หรือเกมที่นำ แอสตัน วิลล่า 2-0 แล้วดันโดนตีเสมอ
3.เกมล่าสุดที่ถล่ม แมนซิตี้ 5-1 คือ เดอะ เบสต์ เกม ของพวกเขาในฤดูกาลนี้แบบไม่ต้องสงสัย
เกมรับเหนียวแน่น แข็งแกร่ง เกมรุกรวดเร็วดุดัน และกะซวกไส้แตก แถมสำแดงความหื่นกระหายในชัยชนะออกมาแบบสุดขีดคลั่ง
ที่สำคัญคือทั้ง 5 ประตู มิได้มาจากลูกเตะมุมเลยสักประตูเดียว อันแสดงให้เห็นว่าถ้ามุ่งมั่นตั้งใจจะบดขยี้คู่แข่งให้สิ้นซากด้วยสไตล์การเล่นของตัวเองก็สามารถทำได้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาลูกเซ็ตพีซ
ความยับเยินที่มอบให้ 'เรือใบสีฟ้า' น่าจะช่วยให้พวกเขามีความมั่นใจขึ้นอีกโข
4.สิ่งที่ อาร์เซน่อล ต้องทำนับจากนี้คือเอาชนะคู่แข่งให้ได้มากที่สุด และสะดุดทำแต้มหล่นหายให้น้อยที่สุด
ขณะเดียวกันต้องภาวนาให้จ่าฝูงอย่างพวกพรี่ๆ พลาดท่าทำแต้มหลุดมือบ้าง อย่างน้อย 4-5 นัด ซึ่งมันเป็นเรื่องยาก เนื่องจาก ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่มาตรฐานสูง และแพ้ยากมาก
ทั้ง 2 อย่างต้องบรรจบกัน ความน่าจะเป็นจึงน้อยถึงน้อยมาก
5. อย่างไรก็ตาม
ในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกเคยเกิดเหตุการณ์พลิกผันที่ทีมจ่าฝูงเครื่องพัง หลังทิ้งห่างทีมตามระดับ 8-10 แต้ม อยู่ 4 ครั้ง
1995/96 - นิวคาสเซิ่ล ถูก แมนยูไนเต็ด แซง
1997/98 - แมนยูไนเต็ด ถูก อาร์เซน่อล แซง
2002/03 - อาร์เซน่อล ถูก แมนยูไนเต็ด แซง
2011/12 - แมนยูไนเต็ด ถูก แมนซิตี้ แซง
อาร์เซน่อล มีคิวบุกไปเยือน แอนฟิลด์ ในเกมที่ 36 ของฤดูกาล ซึ่งผมจัดทัวร์ดูบอลไปดูเกมนี้ด้วยในเดือนพฤษภาคม เดี๋ยวผมจะแจ้งให้ทุกท่านทราบอย่างละเอียดอีกครั้งในเร็วๆ นี้
ถึงตอนนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าแต้มจะขาดอย่างเป็นทางการไปแล้วหรือยัง ???