เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กัปตันทีม ลิเวอร์พูล กลายเป็นผู้เล่นคนที่ 65 ในประวัติศาสตร์สโมสรที่ลงเล่นแตะหลัก 300 นัด
"ภูมิใจมาก ๆ ครอบครัวของผมอยู่ที่นี่ในวันนี้ ดังนั้นมันเป็นวันที่พิเศษ"
"คืนนี้ผมและภรรยาอาจจะฉลองด้วยไวน์แดงสักแก้ว เท่านั้นล่ะครับ จากนั้นก็โฟกัสไปยังเกมหน้า"
ฟาน ไดค์ เผยกับนักข่าวหลังชัยชนะเหนือ อิปสวิช ทาวน์ 4-1 ที่ แอนฟิลด์
ในจำนวน 300 นัดของเขา ตีออกมาได้ 69.7% ที่เป็นอัตราชัยชนะ
มันคือตัวเลขสูงสุดเหนือกว่าใครที่เคยหรือกำลังลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล (300 นัดขึ้นไป)
"มันแสดงให้เห็นว่าถึงตอนนี้ผมค่อนข้างทำได้ดีเลยน่ะนะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะผู้เล่น, ผู้จัดการทีม และแฟนบอล"
"มันเป็นสถิติที่ดีเลย เราจะเดินหน้าต่อไป"
ผลงานจากคืนวันเสาร์เป็นชัยชนะนัดที่ 209 สำหรับ ฟาน ไดค์ กับ ลิเวอร์พูล ที่เหลือแบ่งเป็นเสมอ 47 และแพ้ 44
ถึงกระนั้น สิ่งที่น่าเสียดายคือลูกโขกของ จาค็อบ กรีฟส์ ช่วงท้ายเกมนั้นชวดทำให้เขาเก็บคลีนชีตเป็นเกมที่ 120
...
มีการพูดถึงผู้เล่นหลายคนในฤดูกาลแรกของเฮดโค้ช อาร์เน่อ
ไม่ว่าจะการทำสกอร์มากมายของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไปจนถึงการก้าวขึ้นมาของ ไรอัน กราเฟนแบร์ก ในฐานะมิดฟิลด์คนสำคัญ
แต่สำหรับ ฟาน ไดค์ เขาคือคนสำคัญที่ขาดไม่ได้
เขาเป็นดั่งปราการเหล็กที่ส่งให้ ลิเวอร์พูล ไล่ล่าความสำเร็จ 4 รายการ
เขาเป็นทั้งผู้นำ, เป็นคนสั่งการ, เป็นกองหลังตัวกลางชั้นยอดที่สร้างมาตรฐานได้ในทุก ๆ วัน
เกมเจอ อิปสวิช เขาสัมผัสบอล 143 ครั้งมากกว่าใครในสนาม และยังมีการผ่านบอลสำเร็จ 132 ครั้งซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดของผู้เล่น พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้
ช่วงต้นเกม เลียม ดีแลป เผชิญหน้ากับ ฟาน ไดค์ ทั้งคู่มีการดวลกัน 2 ครั้ง แต่จากนั้น กองหน้า อิปสวิช เลือกพาตัวเองหลีกหนีอีกฝ่าย
จบเกม ฟาน ไดค์ มีสถิติชนะการดวล 6 จาก 7 ครั้ง
ภายใต้การทำทีมของ อาร์เน่อ นั้น ฟาน ไดค์ มีความสำคัญต่อการขึ้นเกมบุกเอามาก ๆ
มีแทงทะลุไลน์ให้ กราเฟนแบร์ก ตรงกลางสนาม
แล้วยังวางบอลยาวไปยัง โคดี้ กัคโป ทางฝั่งซ้าย
ยิ่งไปกว่านั้น ฟาน ไดค์ ยังไม่พลาดสักนาทีในเกม พรีเมียร์ลีก เลย นับตั้งแต่พ้นโทษแบน 2 เกมเมื่อเดือนกันยายน 2023 เหตุจากโดนไล่ออกเกมเจอ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
นั่นสิ่งที่เขาแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพกับในวัยใกล้ 34 ปีในเดือนกรกฎาคมนี้
...
เรื่องความรับผิดชอบการฟื้นฟูร่างกายระหว่างเกม ทีมสตาฟฟ์ยกย่องให้เขาเป็นตัวอยางที่สมบูรณ์แบบในห้องแต่งตัว
ฟาน ไดค์ ซึ่งจ้างนักกายภาพและเชฟส่วนตัวจะลงไปแช่น้ำแข็งทันทีหลังเกมจบ
และไม่กี่นาทีหลังสิ้นเสียงนกหวีดจบการแข่งขัน เขาก็พูดถึงความสำคัญของการเตรียมตัวเพื่อความท้าทายต่อไป
ลิเวอร์พูล อาจนำห่าง 6 แต้มและมีเกมในมืออีกหนึ่งนัดก็จริง แต่ไม่มีท่าทีเลยว่าคนในทีมจะเหลิงกับสถานการณ์ในตอนนี้จนเกินไป
การเป็นกัปตันมันมีความหมายต่อเขามาก
ฟาน ไดค์ ให้ความสนใจกับการทำงานของทีมแพทย์, ฟิตเนส, อาหารการกิน, คำสั่งโค้ช และทีมงานวิเคราะห์
ไม่เพียงแค่นั้น เขายังคอยดูแลและคอยให้คำแนะนำแก่บรรดาดาวรุ่งในทีม เหมือนกับที่ เจมส์ มิลเนอร์ เคยทำมาก่อนหน้านี้ ซึ่งทุกคนในทีมจะตั้งใจฟังทุกครั้ง เมื่อ ฟาน ไดค์ พูดอะไรออกมา
ไม่ว่าจะแพ้, ชนะ หรือ เสมอ ฟาน ไดค์ คือคนที่จะออกมาพูดต่อหน้าสื่อเสมอหลังจบเกมทุกเกม
มันมีความเคารพต่อกัน และเขาก็เข้าใจถึงความสำคัญของการใช้คำพูดที่ถูกต้องและทำให้ข้อความหลักหนักแน่นขึ้น
"ถ้าให้ผมลิสต์สิ่งที่ ฟาน ไดค์ ทำให้กับทีมทีมนี้ เราคงต้องใช้เวลากันนานไปถึงงานแถลงข่าวตอนเย็นวันอังคารเกมเจอ พีเอสวี เลยล่ะ เพราะเขาทำสิ่งดี ๆ หลายอย่างให้กับทีมนี้" อาร์เน่อ เผย
"ทั้งการพาบอลจากแนวรับ, การป้องกัน, ความเยือกเย็น เขาคือผู้เล่นอย่างแท้จริง ในฐานะผู้จัดการทีม ผมไม่ได้ทำงานร่วมกับผู้เล่นที่จะสามารถบอกได้ว่าคือผู้นำมากนัก"
"แต่สำหรับ ฟาน ไดค์ คือคนคนนั้น"
"การเป็นผู้นำของเขาไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในสนาม แต่ยังเกิดขึ้นในสนามซ้อม เมื่อเราเริ่มซ้อมกัน เขาคือคนที่เสียงดังที่สุด และมักเป็นตัวอย่างให้ทุกคนเสมอ"
"เขามีฤดูกาลที่มหัศจรรย์มาก แต่ผมคิดว่าที่ผ่านมา 7, 8 ฤดูกาลมันก็คือฤดูกาลที่มหัสจรรย์ต่อเขาเช่นกัน"
...
ฟาน ไดค์ พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นหนึ่งในการซื้อที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรลิเวอร์พูล หลังย้ายจาก เซาธ์แฮมป์ตัน ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์เมื่อเดือนมกราคม 2018
เขายกระดับทีมขึ้นไปสู่แชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก และ พรีเมียร์ลีก
กระทั่งเจออาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าหัวเข่า(ACL) ฉีกขาดที่ กูดิสัน พาร์ค ในเดือนตุลาคม 2020 ซึ่งทำให้เขาร้างสนามไปนาน 10 เดือนจนมีคนหลายคนตีตราว่า ฟาน ไดค์ ไม่สามารถกลับมาเป็นคนเดิมได้อีก
ฤดูกาล 2022/23 ฟาน ไดค์ กลบเสียงวิจารณ์ได้ปลิดทิ้งท่ามกลางปัญหาผู้เล่นมิดฟิลด์ที่เริ่มโรยรา
"พวกเขาคิดว่าผมหมดแล้ว" ฟาน ไดค์ ประกาศออกมาหลังเป็นผู้โขกประตูชัยเกม คาราบาว คัพ นัดชิงชนะเลิศที่ เวมบลี่ย์
มันเป็นการพูดที่แลดูเหมือนเขาเสียใจลึก ๆ ซึ่งนั่นคือความรู้สึกแท้จริงที่ออกมาจากข้างใน
ถึงตอนนี้ ไม่มีใครตั้งคำถามถึงตัวเขาอีกแล้ว
ฟาน ไดค์ คือคนสำคัญของความคงเส้นคงวา และเป็นตัวเต็งรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมสองสถาบันอย่างสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ(PFA) และสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอล (FWA) ในฤดูกาลนี้
ชื่อของ ฟาน ไดค์ การันตีการเป็นตำนานในถิ่น แอนฟิลด์ ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วก็จริง แต่สิ่งที่เป็นแรงกระตุ้นให้กับกองหลังที่ว่ากันว่าเก่งที่สุดในยุคนี้ของ พรีเมียร์ลีก คือเรื่องที่เขาอยากได้แชมป์มาครองมากกว่านี้
เขาเคยพลาดแชมป์ พรีเมียร์ลีก แบบน่าเสียดายสองครั้งด้วยการมีแต้มน้อยกว่าอันดับ 1 คะแนนเดียว
ส่วนเมื่อซีซั่นก่อน ลิเวอร์พูล เคยนำ 5 คะแนนหลังผ่านไป 22 นัดก่อนผลงานแผ่วจนโดน แมนฯ ซิตี้ กับ อาร์เซน่อล แซงหน้า
อาร์เน่อ หมุนเวียนใช้งานผู้เล่นได้อย่างชาญฉลาดเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องซ้ำเดิมเหมือนปีที่แล้ว และ ฟาน ไดค์ เองก็เลือกมองไปยังข้างหน้ามากกว่าไปจมอยู่กับอดีต
"ไม่เลย มันจะมีสักวันหนึ่งที่ผมกลับทบทวนดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นต่อผมกับ ลิเวอร์พูล บ้าง"
"เมื่อถึงเวลานั้น ผมคงจะคิดได้ละเอียดแล้วว่าอะรคือสิ่งที่ดีที่สุด แต่หวังว่านะ จะมีสิ่งดี ๆ ที่รออยู่ตรงหน้า"
ฟาน ไดค์ ตอบคำถามที่ว่า ช่วงเวลาไหนที่อยู่ในความทรงจำของเขามากที่สุดหลังลงเล่นไปครบ 300 นัดกับ ลิเวอร์พูล
ด้วยสัญญาที่กำลังจะหมดลงช่วงซัมเมอร์กลางปีนี้ คำถามคือ ฟาน ไดค์ จะเป็นกัปตันทีมลิเวอร์พูล ได้อีกกี่นัด?
"ผมไม่ทราบเลย ฤดูกาลนี้เหลืออีกกี่เกมล่ะ? หวังว่ามันจะการันตีได้นะ และจากนี้ผมก็ไม่รู้ว่าอนาคตอะไรจะเกิดขึ้น"
การโบกมือลาในเดือนพฤษภาคมเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะจินตนาการได้
ถึงตอนนี้ ฟาน ไดค์ ยังคงเป็นคนสำคัญของ ลิเวอร์พูล เหมือนอย่างที่เคยเป็นเสมอมา
Ref. The Athletic
HOSSALONSO