แมนยู ยังเป็นทีมที่จองล้างจองผลาญ ฟูแล่ม ได้ต่อไปเมื่อล่าสุดพวกเขาบุกไปสยบ เจ้าสัวน้อย 1-0 ได้เช่นเดียวกับสกอร์ในเกมเปิดซีซั่นที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยเกมนี้ ปีศาจแดง ได้ ลิซานโดร มาร์ตีเนซ เป็นฮีโร่ยิงประตูโทนในช่วงท้ายพาทีมกำชัยแม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าทีมของ รูเบน อโมริม ยังมีฟอร์มการเล่นที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ และไม่มีคุณภาพอย่างที่ควรจะเป็น แต่ที่แน่ๆนายใหญ่โปรตุกีสได้ฉลองชัยชนะเนื่องในวันเกิดอายุครบ 40 ปีในวันจันทร์นี้
1. เจ้าสัวคงโผเดิมต้อนรับผี
มาร์โก ซิลวา ผู้จัดการทีม ฟูแล่ม เลือกส่ง 11 นักเตะชุดเดิมลงสนามเช่นเดียวกับนัดก่อนหน้านี้ที่พวกเขาบุกไปสยบ เลสเตอร์ 2-0 จากสองประตูในครึ่งหลังของ เอมิล สมิธ โรว์ กับ อดาม่า ตราโอเร่
ต่อการวางหมากดังกล่าวของนายใหญ่โปรตุกีส หมายความว่า อเล็กซ์ อิโวบี้ ยังได้ลงเล่นเป็นตัวจริงแม้ ตราโอเร่ ที่ถูกเปลี่ยนมาลงแทนในต้นครึ่งหลังนัดฉะกับ เดอะ ฟ๊อกซ์ จะยิงประตูการันตีชัยชนะให้ทีมได้
อย่างไรก็ดี แม้ รีสส์ เนลสัน ที่เจ็บกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังจะกลับมาลงซ้อมได้แล้ว แต่เขายังไม่ถูกใส่ชื่อนั่งข้างสนามในเกมนี้ ขณะที่ เคนนี่ เตเต้ แบ็คขวาที่เจ็บยาวยังร้างสนามต่อไป
2. โอนาน่า - แม็กไกวร์ คัมแบ็คตัวจริง
รูเบน อโมริม นายใหญ่ แมนฯ ยูไนเต็ด ปรับโผนักเตะตัวจริงอีกรอบโดยเฉพาะการส่ง อ็องเดร โอนาน่า ลงสนามแม้นายทวารทีมชาติ แคเมอรูน จะก่อความผิดพลาดในเกมลีกนัดแพ้ ไบรท์ตัน คาบ้าน 3-1 ส่งผลให้ อัลตาย บายินดีร์ ที่ได้เฝ้าเสาในเกมยุโรปกลับไปรับบทตัวสำรอง
เทียบจากเกมเปิดรังสยบ เรนเจอร์ส 2-1 ในศึก ยูโรปา ลีก เมื่อวันพฤหัสบดี ผีแดง โรเตชั่นทีมรวมห้าตำแหน่งโดยนอกจาก โอนาน่า แล้ว แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ได้กลับมาออกสตาร์ตแทน เลนี่ โยโร่ แม้ปราการหลังทีมชาติ อังกฤษ จะลงเล่นเป็นตัวสำรองเมื่อกลางสัปดาห์ และก่อความผิดพลาดจนเสียประตูตีเสมอในช่วงท้ายเกมให้ "เดอะ ไลท์ บลูส์"
สำหรับแผงกลาง คริสเตียน เอริคเซ่น กับ โทบี้ คอลล์เยอร์ เสียตำแหน่งตามคาดให้กับ มานูเอล อูการ์เต้ และ นุสแซร์ มาซราวี ที่หายเจ็บ ขณะที่ในแดนหน้า ราสมุส ฮอยลุนด์ กลับมาลงสนามก่อนหน้า โจชัว เซิร์กซี่ ส่วน มาร์คัส แรชฟอร์ด ยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ดี เกมนี้ทีมเยือนสลับให้ มาซราวี เล่นเป็นวิงแบ็คฝั่งซ้าย และย้าย ดีโอโก้ ดาโลต์ มาเล่นเป็นวิงแบ็คขวา
3. จะยิงประตูกี่โมง?
การยิงประตูคู่แข่งยังเป็นปัญหาใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคของ อโมริม ซึ่งมีเกมรุกที่ไร้ไอเดีย แถมสร้างโอกาสไม่ค่อยได้ และถูกฝ่ายตรงข้ามดักทางได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่า ฟูแล่ม เล่นได้แย่เช่นกันในเกมครึ่งแรกที่ คราเวน ค็อตเทจ ซึ่งเป็นไปอย่างไร้คุณภาพทั้งคู่ แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด มีสถิติที่เลวร้ายยิ่งกว่าเนื่องจากผ่านไป 20 นาทีก็แล้วพวกเขายังไม่มีโอกาสคลำเป้าเลยแม้แต่เกมเดียว
กระทั่งพ้นครึ่งชั่วโมง ลูกทีมของ อโมริม ก็ยังหาทางง้างไกไม่ได้เลยสักครั้ง กระทั่งนาทีที่ 42 จากจังหวะได้ลูกฟรีคิกริมสนามด้านขวา ผีแดง จึงหาโอกาสแรกของเกมได้ แต่ไม่เหนือบ่ากว่าแรงสำหรับ แบรนด์ เลโน่ และจะว่าไปบอลตกใส่นักเตะเจ้าบ้านแล้วกระดอนเข้ามือของนายทวาร เจ้าสัวน้อย ด้วยซ้ำ
หลังเกมในครึ่้งแรกจบลงด้วยผลเสมอ 0-0 ผีแดง จึงสานต่อสถิติสุดอนาถโดยพวกเขายิงประตูจากจังหวะโอเพ่น เพลย์ ในเกม พรีเมียร์ลีก ครึ่งแรกไม่ได้เลย 12 นัดติดต่อกันแล้ว แถมเกมนี้ทีมเยือนไม่ได้ง้างยิงเลยแม้แต่ครั้งเดียวอีกด้วยแม้สถิติจะนับรวมจังหวะที่ว่าของอาคันตุกะช่วงท้ายครึ่งแรกก็ตาม ขณที่ ฟูแล่ม มีโอกาส 5 ครั้ง และส่งบอลเข้ากรอบ 2 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้มีความหวาดเสียวอะไร
ขณะเดียวกัน แน่นอนว่าโอกาสยิง 1 ครั้ง และไม่เข้ากรอบเนื่องจาก มาตไตส์ เดอ ลิกต์ ส่งบอลไปกระทบฝ่ายตรงข้ามก่อนเข้ามือ เลโน่ ในเกมครึ่งแรกของ ผีแดง นับเป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดของพวกเขาในเกมลีก 45 นาทีแรกของซีซั่นนี้
4. บอลครึ่งหลังของแทร่
ในที่สุด แมนฯ ยูไนเต็ด ก็โชว์ความเป็นเจ้าพ่อบอลครึ่งหลังอีกนัดจนได้เมื่อพวกเขาได้ประตูชัยจาก ลิซานโดร มาร์ตีเนซ และเป็นจังหวะเดียวตลอดทั้ง 90 นาทีที่ทีมเยือนส่งบอลเข้ากรอบได้สำเร็จ แถมเป็นประตูพาทีมคว้าสามแต้มได้อีกด้วย
ถึงตอนนี้ ผีแดง ได้ประตูในเกมครึ่งหลัง 17 ลูกจาก 18 นัดหลัง และไม่แพ้ตลอดทั้ง 16 นัดของซีซั่นนี้หากพวกเขาสามารถสอยตาข่ายออกนำฝ่ายตรงข้ามได้ก่อน
ขณะเดียวกัน แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นหนึ่งในสี่ทีมของ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ที่ยังไม่แพ้ในทุกรายการ (ชนะ 10 เสมอ 8) หากมีสกอร์นำก่อน 1-0 เช่นเดียวกับ ลิเวอร์พูล (23 นัด) , อาร์เซน่อล (22นัด) และ นิวคาสเซิ่ล (15นัด)
ด้าน มาร์ตีเนซ ฮีโร่เกมนี้ของ ผีแดง ยิงประตูเกมเยือนของ พรีเมียร์ลีก ได้ทั้งสามประตูของเขาเช่นเดียวกับนัดบู๊กับ อาร์เซน่อล ในเดือนม.ค.2023 และเกมบู๊กับ ลิเวอร์พูล ในเดือนธ.ค.2024
แต่อย่างที่บอก เกมคู่นี้เป็นไปอย่างไร้คุณภาพเนื่องจากตลอด 90 นาทีทั้งสองฝ่ายมีโอกาสสอยตาข่ายรวมกันแค่ 13 ครั้งน้อยที่สุดของเกม พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้แบ่งเป็นฟูแล่ม 9 ครั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด 4 ครั้งโดยเจ้าบ้านส่งบอลเข้ากรอบ 3 ครั้ง ขณะที่ทีมเยือนทำได้ครั้งเดียว และเป็นสามแต้ม
5. กระท่อมน้อยบ้านหลังที่สอง
นอกจากจะชนะ ฟูแล่ม ในเกมลีกซีซั่นนี้สองหนไปกลับแล้ว ผีแดง ยังเป็นทีมที่บุกมากำราบ เจ้าสัวน้อย ถึงรังได้มากอย่างไม่น่าเชื่อรวมเกมนี้เป็นนัดที่แปดติดต่อกันแล้ว
และหากจะนับรวมเกมที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เข้าไปด้วย ฟูแล่ม ชนะ ผีแดง แค่หนเดียวจาก 18 นัดหลังในเกม พรีเมียร์ลีก (เสมอ 3 แพ้ 14) โดยหนล่าสุดที่ทีมเมืองหลวงได้เฮเป็นการบุกไปคว่ำ เร้ด เดวิลส์ 2-1 ที่ โรงละครแห่งความฝัน เมื่อซีซั่นก่อนนี่เอง
สำหรับหนสุดท้ายที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ชนะที่ คราเวน ค็อตเทจ เกิดขึ้นในเดือนส.ค.2010 ตอนที่เจ้าบ้านมี มาร์ค ฮิวจ์ส อดีตกองหน้า ผีแดง เป็นกุนซือโดยทั้งสองทีมเสมอกัน 2-2 และนับจากนั้นอีก 8 นัด เร้ด เดวิลส์ เป็นฝ่ายได้เฮที่ลอนดอนเรียบวุธด้วยสกอร์ดังนี้
1-0 : 26 ม.ค.2025
1-0 : 4 พ.ย.2023
2-1 : 13 พ.ย.2022
2-1 : 20 ม.ค.2021
3-0 : 9 ก.พ.2019
3-1 : 2 พ.ย.2013
1-0 : 2 ก.พ.2013
5-0 : 21 ธ.ค.2011