แมนยู พบ ไบรท์ตัน ! 5 ประเด็นผียับคาบ้านไม่เกรงใจตำนาน

1. ผีดร็อป มาร์ตีเนซ , ดาโลต์ พ้นแบน

แมนฯ ยูไนเต็ด ปรับโผสามตำแหน่งโดยกุนซือ รูเบน อโมริม เลือกดร็อป ลิซานโดร มาร์ตีเนซ ให้ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กลับมาลงเล่นเป็นตัวจริง ขณะที่ เลนี่ โยโร่ ซึ่งนัดเปิดบ้านพลิกนรกแซงชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-1 โดนพาทัวร์ถี่ยิบยังได้ออกสตาร์ต่ออีกเกม

นอกจากนี้ ดีโอโก้ ดาโลต์ พ้นโทษแบนหนึ่งนัดกลับมาลงเล่นตามปกติ ขณะที่  โจชัว เซิร์กซี่ แย่งตำแหน่งกองหน้าตัวจริงไปจาก ราสมุส ฮอยลุนด์ ได้ตามความคาดหมาย

ส่วนอีกรายที่ต้องกลับไปนั่งข้างสนามได้แก่ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ขณะที่ อันโตนี่ ยังเดินทางมากับทีมแม้จะตกเป็นข่าวจ่อย้ายไปเล่นให้ เรอัล เบติส แบบยืมตัว

2. เวลเบ็ค นำนางนวลเหยียบรังเก่า

ไบรท์ตัน บุกมาเยือน โอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยมี แดนนี่ เวลเบ็ค อดีตกองหน้า ผีแดง นำทัพ และเป็นการกลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงของเขาเกมแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.

รวมเบ็ดเสร็จ นกนางนวล สลับโผตัวจริงสามรายเช่นกันจากเกมออกไปสยบ อิปสวิช 2-0 โดยกัปตันทีม ลูอิส ดังค์ ทวงตำแหน่ง 11 คนแรกในเกมนี้ไปจาก อดัม เว็บสเตอร์ ได้เช่นเดียวกับ เวลเบ็ค ที่ได้เสียบแทน แม็ตต์ โอไรลีย์ ซึ่งบาดเจ็บจนไม่มีส่วนร่วม

สำหรับโผสุดท้าย ฟาเบียน เฮอร์เซเลอร์ กุนซือหนุ่มเลือกใช้งาน ยันคูบู มินเตห์ ก่อนหน้า ซิมอน อาดินกร้า

อย่างไรก็ดี เกมนี้ทีมเยือนไม่มี ยาคุบ โมเดอร์ เดินทางมาด้วยเนื่องจากอยู่ในช่วงเจรจาย้ายสโมสร

3. จะคลีนชีตกี่โมง?

เป็นอีกเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เสียประตูให้กับคู่แข่งก่อนอย่างไม่รู้เบื่อ แถมเกมนี้ตาข่ายขาดอย่างไวตั้งแต่นาทีที่ 5 ซึ่งกลายเป็นเกมที่ 12 ติดต่อกันแล้วในทุกรายการที่ ผีแดง ของ อโมริม ไม่อาจเก็บคลีนชีตได้อันแสดงให้เห็นว่าเกมรับของพวกเขามีปัญหานับตั้งแต่เปลี่ยนมาเล่นในระบบหลังสาม

เกมสุดท้ายที่ แมนฯ ยูไนเต็ด รักษาคลีนชีตได้เป็นศึก พรีเมียร์ลีก ที่พวกเขาเปิดบ้านยำใหญ่ เอฟเวอร์ตัน 4-0 และนับจากนั้นมาจนถึงเกมล่าสุด ไม่มีนัดไหนเลยที่ เร้ด เดวิลส์ ไม่เสียประตู

อาร์เซน่อล 2-0 แมนฯ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)

แมนฯ ยูไนเต็ด 2-3 ฟอเรสต์ (พรีเมียร์ลีก)

วิคตอเรีย พิลเซ่น 1-2 แมนฯ ยูไนเต็ด (ยูโรปาลีก)

แมนฯ ซิตี้ 1-2 แมนฯ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)

สเปอร์ส 4-3 แมนฯ ยูไนเต็ด (คาราบาวคัพ)

แมนฯ ยูไนเต็ด 0-3 บอร์นมัธ (พรีเมียร์ลีก)

วูล์ฟส์ 2-0 แมนฯ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)

แมนฯ ยูไนเต็ด 0-2 นิวคาสเซิ่ล (พรีเมียร์ลีก)

ลิเวอร์พูล 2-2 แมนฯ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)

อาร์เซน่อล 1-1 แมนฯ ยูไนเต็ด (เอฟเอคัพ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะดวลลูกโทษ)

แมนฯ ยูไนเต็ด 3-1 เซาธ์แฮมป์ตัน (พรีเมียร์ลีก)

แมนฯ ยูไนเต็ด 1-3 ไบรท์ตัน (พรีเมียร์ลีก)

4. มิโตมะ สร้างสถิติ

แม้นัดชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน อ็องเดร โอนาน่า จะได้กลับมาเฝ้าเสาชนิดพลิกความคาดหมายเนื่องจาก อัลตาย บายินดีร์ โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจในเกม เอฟเอคัพ รอบสามที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เขี่ย อาร์เซน่อล ตกรอบ แต่อย่างน้อยผู้รักษาประตูทีมชาติ แคเมอรูน ช่วยเซฟเป็นพัลวันไม่ให้ทีม นักบุญ ได้ประตูเกินกว่าหนึ่งเม็ด

แต่แล้วในเกมบู๊กับ ไบรท์ตัน โอนาน่า กลับมาสร้างคอนเทนต์อีกจนได้จากการรับบอลหลุดมือแบบไม่มีเหตุผลจนทำให้ทีมเยือนได้ประตูตอกฝาโลงกำชัยไปแบบเด็ดขาด 3-1

อันที่จริง แม้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะโชว์ฟอร์มได้อย่างน่ารันทดอีกตามเคย แต่อย่างน้อยพวกเขาก็มาได้ลูกโทษตีเสมอ นกนางนวล 1-1 จนได้ และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ไม่เคยทำให้แฟนบอลผิดหวังเนื่องจากกัปตัน เร้ด เดวิลส์ ซัดลูกโทษตุงตาข่ายให้ทีม 34 เม็ดแล้ว และพลาดไปสี่เม็ดซึ่งแน่นอนว่าทำให้เขาครองสถิติยิงลูกโทษให้ทีมได้มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งต่อไป

อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าเกมนี้ ไบรท์ตัน สมควรชนะ และในที่สุด คาโอรุ มิโตมะ สบโอกาสซัดให้ทีมเยือนหนีห่างอีกหน 2-1 ซึ่งทำให้เขากลายเป็นนักเตะญี่ปุ่นที่สอยตาข่ายในเกม พรีเมียร์ลีก มากที่สุดเป็นที่เรียบร้อยแล้วจากจำนวน 15 ประตู

กระทั่ง โอนาน่า สงเคราะห์ให้ ไบรท์ตัน คว้าสามแต้มได้แบบ 100% มันจึงน่าจะถึงแก่เวลาแล้วที่ อโมริม สมควรดร็อปเขาลงไปรับบทประตูมือสองของทีมอย่างถาวร

สำหรับเกมต่อไปในศึก ยูโรปาลีก ที่พวกเขามีคิวต้อนรับ เรนเจอร์ส แม้จะมีแนวโน้มว่าน่าจะเป็นโอกาสได้เฝ้าเสาของมือกาวทีมชาติ ตุรเคีย แต่ถัดจากนั้นซึ่ง ผีแดง ต้องทำศึก พรีเมียร์ลีก ด้วยการออกไปเยือน ฟูแล่ม โอนาน่า สมควรต้องนั่งพักข้างสนามบ้างในเมื่อเขาก่อความผิดพลาดชนิดที่เด็กอนุบาลยังพากันอดหัวเราะไม่ได้

ว่าถึง มิโตมะ ก่อนหน้านี้เขาสร้างสถิติเป็นสตาร์ซามูไรที่จัดแอสซิสต์ได้มากที่สุดในเกม พรีเมียร์ลีก ไปก่อนแล้ว และล่าสุดในแมตช์ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด เขากลายเป็นดาวซัลโวของ พรีเมียร์ลีก คนใหม่ในหมู่พ่อค้าแข้งชาวเมืองปลาดิบเช่นกัน

5. ใครเขาแพ้ที่โรงละครกัน

หลังเฝ้าบ้านพ่าย ไบรท์ตัน อย่างน่าขายหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด สร้างสถิติสุดเลวร้ายเพิ่มเติมอีกหลากหลายดังนี้

- เป็นเกมแรกในประวัติศาสตร์การฟาดแข้งศึก พรีเมียร์ลีก ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่พวกเขาส่งบอลเข้ากรอบในเกมที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ไม่ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียวจากจังหวะโอเพ่น เพลย์ ซึ่งไม่นับรวมลูกโทษของ แฟร์นันด์ส  

- ไบรท์ตัน สยบ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกม พรีเมียร์ลีก ได้มากถึงห้าจากหกนัดหลังที่ได้ดวลกัน และพวกเขาชนะที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด สองเกมติดต่อกันด้วย

- แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้เกมลีกในบ้านซีซั่นนี้เป็นนัดที่ 6 แล้วจาก 12 นัดซึ่งเป็นสถิติที่่่ย่ำแย่ที่สุดรองจากซีซั่น 1893/94 ที่พวกเขาแพ้คารัง 7 นัดจากเกมเหย้า 12 นัดแรก

-อโมริม คุมทีมแพ้คาบ้านสี่จากห้านัดหลัง

-แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้เกมลีกคาบ้านสี่จากหกนัดหลังโดยพวกเขาชนะแค่เกมเดียว

-แมนฯ ยูไนเต็ด เสียประตูก่อนในเกมลีกที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ตลอดห้านัดหลัง

- แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้เกม พรีเมียร์ลีก 10 จาก 22 นัดในซีซั่นนี้ซึ่งเป็นสถิติที่เร็วที่สุดที่พวกเขาแพ้เกมลีกครบ 10 นัดต่อซีซั่นนับตั้งแต่ยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในซีซั่น 1989/90

- สำหรับเกมลีกที่ ผีแดง แพ้คาบ้านหกนัดของซีซั่นนี้มีดังนี้

3-0 v ลิเวอร์พูล ,  1 ก.ย.

3-0 v สเปอร์ส , 29 ก.ย.

3-2 v ฟอเรสต์ ,  7 ธ.ค.

3-0 v บอร์นมัธ ,  22 ธ.ค.

2-0 v นิวคาสเซิ่ล , 30 ธ.ค.

3-1 v ไบรท์ตัน , 19 ม.ค.