การกลับมาของแมนยูไนเต็ด

การกลับมาของแมนยูไนเต็ด
ความพิเศษของ อาหมัด ดิยัลโล่ ช่วยให้ แมนยูไนเต็ด กลับมาได้

ความยินดีจากผลงานที่แอนฟิลด์และการรวมพลังโค่นอาร์เซน่อลตกรอบเอฟเอ คัพ กำลังจะกลายเป็นอากาศ ความรู้สึกเบื่อหน่ายในวังวนของความไม่แน่อนค่อย ๆ คืบคลานกลับมาอีกครั้ง กระทั่ง อาหมัด กระชากเข้าไปยิงตีเสมอได้นั่นแหละ

ชีวิตชีวากลับคืนมาทันที

3 ประตูใน 12 นาที (นาที 82, 90 และ 90+4) ของปีกชาวไอวอรี่โคสต์คือความแตกต่างของเกมนี้ ยิ่งเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับความไม่เด็ดขาดเองของเซาธ์แฮมป์ตันและเกมรับที่อยู่ในสภาพ "โดนแล้วยุบ" มาตลอดก็ยิ่งเห็นชัดว่าชัยชนะครั้งนี้มีเหตุมีผลอย่างไร

แน่นอนครับ อาหมัด คว้ารางวัลแมนออฟเดอะแมตช์ไปครองอย่างปราศจากคู่แข่ง เขาคือกุญแจสำคัญในชัยชนะครั้งนี้ แต่กระนั้นอีกเรื่องหนึ่งที่ควรให้เครดิตด้วยก็คือการเปลี่ยนตัวของ รูเบน อโมริม

นักเตะทั้ง 5 คนที่กุนซือชาวโปรตุกีสส่งลงสนามล้วนมีบทบาทกับเกมทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่ อันโตนี่ ที่ถูกแซวว่าลงมาสร้างคอนเทนต์อีกแล้วในจังหวะยิงจ่อ ๆ ไม่เข้า

คริสเตียน อีริคเซ่น (แทน นุสแซร์ มาซราอุย นาที 83) ทำแอสซิสต์ในประตู 2-1

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ (แทน เลอนี่ โยโร่ นาที 83) ลงมาคุมเกมรับและเป็นคนเข้าสกัดแย่งบอลอันเป็นที่มาของประตู 2-1

โจชัว เซิร์กเซ่ (แทน ราสมุส ฮอยลุนด์ นาที 53) เก็บบอล บังบอล พลิกบอล เชื่อมเกม สร้างโอกาสทำประตู เกมรุกของทีมไหลลื่นกว่าตอนที่ฮอยลุนด์อยู่ในสนาม และเป็นคนผ่านให้ อาหมัด ทำประตูตีเสมอ 1-1

โทบี้ คอลลีเยอร์ (แทน มานูเอล อูการ์เต้ นาที 53) เล่นตามบทบาท รักษาตำแหน่งดี ไม่ก่อความผิดพลาด เพิ่มความสดชื่นในแดนกลาง

อันโตนี่ (แทน ค็อบบี้ เมนู นาที 46) มีส่วนร่วมกับเกมบุกของทีมในบทบาทเบอร์ 10 คู่

อโมริม ปรับตำแหน่งการยืนของลูกทีมตามสถานการณ์ของเกม ณ เวลานั้น ๆ ไม่มีอะไรชวนให้รู้สึกขัดใจ

เมนู เล่นไม่ออก ส่งอันโตนี่ ลงมาแทนตั้งแต่พักครึ่ง ให้อันโตนี่เล่นตัวบน ถอยบรูโน่ แฟร์นันด์ส จากตัวบนลงมายืนคู่อูการ์เต้แทนเมนู

เซิร์กเซ่ กับ คอลลีเยอร์ เป็นการเปลี่ยนตามตำแหน่ง แต่เซิร์กเซ่ลงไปเพื่อทำในสิ่งที่ฮอยลุนด์ล้มเหลว นั่นคือเอาชนะกองหลังนักบุญ เก็บบอลข้างหน้าให้ได้เพื่อให้การบุกยังอยู่กับทีม ไม่กระเด้งกระดอนกลับเร็วและทำให้ทีมกลายเป็นฝ่ายตั้งรับ

แม็กไกวร์ ลงมาเพื่อให้เกมรับคือทีมป้องกันชุดที่ดีที่สุด ปักหลักตำแหน่งเซนเตอร์แบ๊กตัวกลาง ขยับ มัตไตท์ เดอ ลิกต์ ไปรับมือ คามาล ซูเลมาน่า แทน โยโร่ ที่ถูกปีกชาวกานากระชากขาดวิ่นทั้งเกม

การให้ โยโร่ อยู่ในสนามนานถึง 83 นาทีดูเหมือนเปลี่ยนตัวช้าไปนิด แต่จะบอกว่า อโมริม ไม่เห็นปัญหาก็คงไม่ใช่ ถ้าจะลองเดาเหตุผลของเขาก็คือยังเชื่อใจลูกทีม พยายามซื้อใจนักเตะ และใช้แท็คติกเข้าแก้ คือให้เพื่อนคอยซ้อนไม่ปล่อยให้กองหลังดาวรุ่งต้องเจอสถานการณ์ดวลกับ ซูเลมาน่า ตัวต่อตัวบ่อยเกินไป

แต่ก็นั่นล่ะครับ เซาธ์แฮมป์ตัน จี้ย้ำไปที่ตรงนั้นเป็นหลักเราจึงได้เห็นความกระเสือกกระสนของ โยโร่ มากเป็นพิเศษ คล้าย ๆ กับตอนที่ แมนยูไนเต็ด โจมตีเน้น ๆ ไปตรงพื้นที่แบ๊กขวาของลิเวอร์พูลในเกมแดงเดือดนั่นแหละ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในเกมนั้น กับ โยโร่ ในเกมนี้มีสภาพไม่ผิดกันเท่าไหร่

เมื่อ แม็กไกวร์ ลงสนาม ความรู้สึกอุ่นใจก็มากขึ้น อาจด้วยผลงานย่ำแย่ของโยโร่ด้วย และความไว้เนื้อเชื่อใจจากแฟนบอลที่มีให้ แม็กไกวร์ มากขึ้นแล้วในวันนี้ด้วย นี่คือเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับคนที่เคยเป็นตัวตลกของแฟนบอล

ส่วนการลงสนามของอีริคเซ่น อโมริม น่าจะต้องการบอลพิเศษแบบโป้งเดียวจบเพิ่มจาก บรูโน่ แฟร์นันด์ส อีกคน เขาเลือกถอด มาซราอุย วิงแบ๊กซ้ายที่แทบไม่ได้เห็นบทบาทออกจากสนาม แล้วปรับตำแหน่งการยืนอีกครั้ง

อีริคเซ่น ลงไปเล่นกองกลางคู่กับ คอลลีเยอร์ ดัน บรูโน่ ขึ้นไปเล่นเบอร์ 10 คู่อีกหนเหมือนช่วงเริ่มเกมร่วมกับ อันโตนี่ และฉีก การ์นาโช่ ไปเล่นวิงแบ๊กฝั่งซ้ายแทน มาซราอุย

แล้วอีริคเซ่นก็กลายเป็นไพ่เด็ดจริง ๆ ลูกชิ่ง 1-2 ที่ตักข้ามกองหลังด้วยน้ำหนักและทิศทางร้อยเปอร์เซนต์ให้ อาหมัด ยิงประตูแซงนำ 2-1 นั้นคุณภาพคับแก้วอย่างที่สุด

เป็นเกมที่น่าเห็นใจเซาธ์แฮมป์ตันซึ่งเล่นได้ดี มุ่งมั่นและเตรียมความพร้อมมาอย่างละเอียด เล่นงานยูไนเต็ดได้ชนิดเห็นหน้าเห็นหลัง ไม่รับต่ำแต่ขึ้นไปบีบกดดันแดนบน เข้าหาบอลเร็ว ชิงเหลี่ยมแย่งบอลจากเท้าของผู้เล่นเจ้าถิ่นได้หลายครั้ง เกมเหนือกว่าด้วยซ้ำโดยเฉพาะในครึ่งเวลาแรก

แต่ทีมนักบุญไม่เด็ดขาดพอที่จะเปลี่ยนโอกาสเป็นประตู และไม่สามารถรักษาความเข้มข้นในการเล่นบีบแดนบนไว้ได้ตลอดรอดฝั่ง

นำ 1-0 เกมดีกว่า สร้างความหวาดเสียวได้มากกว่า แต่ทำประตูเพิ่มไม่ได้ มันก็เหมือนฆ่าเขาไม่ตาย..

ยิ่งเมื่อพลาดโดนยิงและมีอาการยุบเข้าไปอีกก็ยิ่งทำให้โมเมนตัมเปลี่ยนไปอยู่กับแมนยูไนเต็ด กลายเป็นช่วงสิบนาทีสุดท้ายถูกกดดันให้ตั้งรับฝ่ายเดียว จังหวะโต้แทบไม่เหลือความวูบวาบน่ากลัวอย่างช่วงหนึ่งชั่วโมงแรกของเกม

สำหรับทีมปีศาจแดง นี่คือการชนะอย่างเต็มกลืน แต่ก็เต็มไปด้วยความอิ่มเอม ฟอร์มทุลักทุเลในช่วง 60-70 นาทีของเกมถูกกลบหมดด้วยการจุดระเบิดในช่วง 10 นาทีสุดท้าย

เพียงแค่ 10 นาทีสุดท้ายของเกม.. แต่มันก็เพียงพอแล้ว เข้าขั้นเหลือเฟือเลยด้วยซ้ำสำหรับการตามหลังเพียงแค่ประตูเดียว

-ตังกุย-


ที่มาของภาพ : Gettyimages
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport